เคนยาหันไปมองตลาดสหภาพยุโรป (EU) หวังเพิ่มการส่งออกท่ามกลางปัญหาจากภาษีศุลกากรของทรัมป์

เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มเก็บภาษีนำเข้าจากเคนยาร้อยละ 10 รัฐบาลเคนยาจึงเร่งกระจายตลาดส่งออก โดยมุ่งเป้าไปยังสหภาพยุโรป (EU) และการค้าภายในทวีปแอฟริกา ซึ่งมีแนวคิดโดยสรุป จากการแถลงของรัฐมนตรีกระทรวงการค้าของเคนยา (Trade Cabinet Secretary) นาย Lee Kinyanjui   ดังนี้

 

  1. มุ่งเป้าไปยังสหภาพยุโรป

เคนยาได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับสหภาพยุโรป (EPA) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2024 ข้อตกลงนี้จะเปิดทางให้สินค้าส่งออกของเคนยาสามารถเข้าสู่ตลาดของ 27 ประเทศในอียูได้โดยปลอดภาษีและไม่จำกัดโควตา ซึ่งครอบคลุมผู้บริโภรมากกว่า 400 ล้านคน

 

เรื่องนี้ มีการเปิดเผยจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า นายลี คินยานจุย แสดงความหวังว่า ข้อตกลงนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของเคนยาไปยังอียูได้สองเท่า จากปัจจุบันประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในสองปี

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกของเคนยายังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคจากมาตรฐานที่เข้มงวดของอียู อาทิ อุตสาหกรรมดอกไม้ตัดสดของเคนยาที่เป็นสินค้าลำดับที่ 1 ที่เคนยาส่งออกไปยุโรป ซึ่งสร้างรายได้มากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ได้รับผลกระทบจากปัญหาแมลงศัตรูพืชและสารกำจัดศัตรูพืชที่ไม่ผ่านเกณฑ์ ส่งผลให้สินค้าบางส่วนถูกปฏิเสธการนำเข้าและเกิดความเสียหายทางรายได้

 

  1. เสริมสร้างการค้าภายในแอฟริกา

นอกจากอียูแล้ว เคนยายังหันมาให้ความสำคัญกับการค้าภายในทวีปแอฟริกา ภายใต้กรอบความตกลงเขตการค้าเสรีทวีปแอฟริกา (AfCFTA) ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างตลาดร่วมของประเทศในแอฟริกากว่า 55 ประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้า และลดการพึ่งพาตลาดดั้งเดิม เช่น สหรัฐฯ เคนยายังมีแผนที่จะนำเข้าวัตถุดิบจากแอฟริกาตะวันตก เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสิ่งทอภายในประเทศ และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาค

 

  1. การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ

แม้จะถูกเรียกเก็บภาษี เคนยาก็ยังคงใช้ความพยายามทางการทูตในการลดผลกระทบ โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพื่อรื้อฟื้นความตกลงหุ้นส่วนการค้าและการลงทุนเชิงกลยุทธ์ (STIP) และหาข้อตกลงทางการค้าที่เอื้อประโยชน์มากขึ้น การเจรจาเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากข้อตกลง AGOA (African Growth and Opportunity Act) ซึ่งอนุญาตให้เคนยาส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ โดยปลอดภาษี มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2025 แม้ภาษีที่สหรัฐจะเรียกเก็บจากเคนยาจะอยู่ที่เพียง 10% ซึ่งน้อยกว่าที่ใช้กับประเทศอื่น แต่ก็ยังส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของเคนยา โดยเฉพาะในภาคสิ่งทอและเกษตรกรรม ซึ่งมีการจ้างงานรวมกันประมาณ 180,000 คน โดยธนาคารกลางเคนยาประเมินว่ารายได้จากการส่งออกอาจลดลงประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากผลกระทบของมาตรการภาษีเหล่านี้

 

ท่ามกลางความไม่แน่นอนในเวทีการค้าโลก เคนยากำลังดำเนินกลยุทธ์กระจายตลาด โดยมุ่งสร้างความร่วมมือทางการค้ากับทั้งอียูและประเทศในแอฟริกา ผ่านการแก้ไขปัญหาด้านมาตรฐานสินค้า และการส่งเสริมการค้าระดับภูมิภาค เคนยาหวังว่าจะสามารถสร้างระบบการส่งออกที่มีความหลากหลายและยืดหยุ่นมากขึ้น

 

ความเห็นของ สคต.

 

จากรายงานดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า เคนยามีนโยบายการค้าที่ให้ความสำคัญในการเปิดการค้าเสรีตามกรอบข้อตกลงแบบทวิภาคี หรือข้อตกลงการค้าที่ได้ทำไว้กับประเทศหรือกลุ่มประเทศอื่นๆ เช่น สหภาพยุโรป หรือทวีปแอฟริกา ซึ่งนอกจากกรอบข้อตกลงเหล่านี้ เคนยายังพยายามจะขยายตลาดผ่านข้อตกลงการค้ากับ กลุ่มแอฟริกาตะวันออก (EAC) กับ UAE และกับจีนที่ ประธานาธิบดีของเคนยาได้เดินทางไปเยือนจีนเมื่อต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งสำหรับจีนก็พร้อมจะให้เงินกู้เพิ่มเติมและเข้ามาลงทุนต่างๆในเคนยามากขึ้น

 

สำหรับประเทศไทยนั้น เป็นที่น่าเสียดายที่เรายังไม่ข้อตกลงการค้ากับประเทศในแอฟริกาเลย ทำให้การขยายตลาดแอฟริกาที่ผ่านมานั้น ไม่ได้เป็นตลาดที่ไทยเข้ามาทำตลาดได้ง่ายหรือได้เปรียบกับคู่แข่ง เช่น จีน อินเดีย ตุรกี อียิปต์ เป็นต้น ที่ประเทศเหล่านี้ ปัจจุบันเป็นคู่แข่งของสินค้าไทยมากขึ้น ทำให้การขยายตลาดของไทยเป็นไปได้ยากมากยิ่งขึ้น สคต. เห็นว่า นอกจากการส่งเสริมภาคเอกชนให้เข้ามาทำการค้าและการลงทุนในแอฟริกามากขึ้นแล้ว การที่กระทรวงพาณิชย์จะเร่งรัดการเริ่มต้นการเจรจาการค้ากับประเทศในแอฟริกาต่อไปในอนาคต ต่างเป็นเรื่องที่เราควรหันมาพิจารณาอย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้น โอกาสในการขยายตลาดมาแอฟริกาของไทย จะยากลำบากมากขึ้นต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ดี สินค้าที่ยังมีโอกาสในการทำตลาดนั้น มีหลายรายการ เช่น เครื่องจักรทางการเกษตร อาหารแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง อะไหล่รถยนต์ เคหะสิ่งทอ ถุงมือยางและเครื่องมือทางการแพทย์ เป็นต้น ซึ่ง สคต. จะได้พยายามผลักดันตามความสามารถที่ทำได้ต่อไป

 

ผู้ส่งออกหรือนักธูรกิจที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมด้านการค้าและการลงทุนต่าง ๆ เกี่ยวประเทศเคนยา และประเทศในแอฟริกาตะวันออก ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ E-mail: ของสำนักงานฯ ที่ info@ocanairobi.co.ke

 

ที่มา : https://www.theeastafrican.co.ke/

thThai