แทนซาเนียเร่งหาแผนสำรองโครงการสร้างทางรถไฟขนาดมาตรฐาน (SGR) หลังจากบริษัทก่อสร้างของตุรกีต้องหยุดชะงักเพราะปัญหาด้านการเงิน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของแทนซาเนียและแซนซิบาร์ ได้เริ่มดำเนินการระดมทุนสำหรับโครงการรถไฟมาตรฐาน (SGR) เพิ่มเติม หลังจากผู้รับเหมาก่อสร้างหลักอย่างบริษัท Yapi Merkezi ของตุรกี ได้แสดงถึงความกังวลใจด้านสภาพคล่องทางการเงิน และแน่นอนว่า ปัญหานี้จะนำมาซึ่งความล่าช้าของการก่อสร้างในเส้นทางรถไฟของแทนชาเนียใน Phase 3 ทางรถไฟระยะทาง 2,100 กิโลเมตร ซึ่งโครงการทางรถไฟดังกล่าวถูกมองว่า มีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้ประเทศแทนซาเนียอยู่ในตำแหน่งที่เป็นระเบียงการค้าและศูนย์กลางด้านการค้าและการขนส่งที่สำคัญสำหรับแอฟริกาตะวันออกและแอฟริกากลางในอนาคต

 

ดังที่กล่าวมาแล้วว่า โครงการสร้างทางรถไฟนี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจแทนซาเนียเป็นอย่างมาก จึงทำให้ประเทศแทนซาเนียต้องหาทางแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด ซึ่งรมว.กระทรวงการคลังของแทนซาเนีย ได้มีการเดินทางและพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องหลายประเทศในแถบยุโรป เพื่อให้เข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุนการก่อสร้างมูลค่า 10.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ให้ดำเนินต่อไปได้ นอกจากพันธมิตรฝั่งยุโรปแล้ว ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของแซนซิบาร์ ยังได้ติดต่อไปยังธนาคารเพื่อการพัฒนาแอฟริกา (AfDB) ซึ่งยินดีที่จะจัดสรรเงินงบประมาณ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสนับสนุนเงินกู้ให้โครงการนี้

 

ตามแผนการก่อสร้างเดิมนั้น บริษัทรับเหมาก่อสร้าง Mota-Engil Africa ของประเทศโปรตุเกส ได้รับเลือกให้ดำเนินการก่อสร้างระยะที่ 1 2 และ 3 ของทางรถไฟครอบคลุมระยะทาง 1,090 กิโลเมตร จาก ดาร์ เอส ซาลาม ถึงทาบอรา และจากรายงานอย่างเป็นทางการระบุว่า ในขณะที่การก่อสร้างระยะที่ 1 และ 2 (Dar-Morogoro-Makutupora) ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และการก่อสร้างระยะที่ 3 (Makutupora-Tabora) ได้ลุล่วงแล้วถึงร้อยละ 67 แต่ต้องมีอันหยุดไปอันเนื่องมาจากปัญหาทางการเงินของบริษัท Yapi Merkezi จากประเทศตุรกีผู้ร่วมทุนหลักของโครงการ และเมื่อทางการแทนซาเนีย สอบถามไปยังตัวแทนของ Yapi Merkezi เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบใดๆ กลับมา แม้การเข้าไปเพื่อพูดคุยที่บริษัท Yapi Merkezi ในดาร์ เอส ซาลาม ก็ไม่ได้มีผลมากนัก โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าเป็นข้อระบุอย่างชัดเจนว่า เงื่อนไขสัญญาของบริษัทกับรัฐบาลห้ามมิให้แสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับโครงการนี้

 

สำหรับการก่อสร้างที่เหลืออยู่นั้น ทางแทนซาเนียกำลังมองหาเงินทุนสำหรับการก่อสร้างในระยะที่ 3 และ 4 ซึ่งจะครอบคลุมระยะทาง 105 กิโลเมตร จาก Makutupora ไปยังท่าเรือบก* Isaka ทั้งนี้ ทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม การค้า และการท่องเที่ยวของประเทศสเปน พันธมิตรจากฝั่งยุโรปได้ให้คำมั่นสัญญาว่า จะสนับสนุนโครงการ SGR ในรูปแบบของเงินกู้ การค้ำประกันเงินกู้ และการประกันภัยให้กับบริษัทก่อสร้างของสเปนที่ชนะการประกวดราคา การก่อสร้างระยะที่ 3 4 และ 5 รวมถึงเส้นทางเพิ่มเติมที่วางแผนไว้จาก Tabora ถึง Kigoma จะต้องใช้เงินทุนอย่างน้อย 3.24 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อดำเนินการให้เสร็จสิ้น บริษัทจากสเปน 12 แห่ง ถูกดึงเข้ามาให้เป็นผู้เสนอบริการต่างๆ ให้โครงการนี้ เช่น การจัดหาวัสดุก่อสร้าง ส่วนเงินทุนอีกก้อนที่ทาง AfDB จะช่วยเหลือจำนวน 3 พันล้านเหรียญสหรัฐนั้น เกิดขึ้นจากการประชุมความร่วมมือเศรษฐกิจเกาหลี-แอฟริกา ที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ และมีเป้าหมายที่จะใช้เพื่อก่อสร้างทางรถไฟเส้นทาง โบรา-คิโกมา และอูวินซา-มาลาการาซี ซึ่งเป็นการก่อสร้างระยะที่ 6 และ 7 ตามลำดับ นอกจากนี้แล้วยังมีการระดมทุนโดยผลักดันให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการมากขึ้น

(*ท่าเรือบก (Dry Port) คือ บริเวณพื้นที่ตอนในของประเทศที่มีการดำเนินการเป็นศูนย์โลจิสติกส์ ซึ่งทำหน้าที่เสมือนท่าเรือ ยกเว้นการขนถ่ายสินค้าขึ้น-ลงเรือเพื่อรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในระบบตู้สินค้า และมีการเชื่อมโยงระบบการขนส่งตั้งแต่ 2 รูปแบบขึ้นไป โดยมีการขนส่งทางรางเป็นหลักซึ่งจะเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟอื่นๆ เพื่อขนส่งสินค้า)

 

ความเห็นของ สคต.

 

โครงการรถไฟมาตรฐาน (SGR) มีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการค้าและการลงทุนของแทนซาเนียอย่างมาก เพราะโครงการนี้ จะทำให้ต้นทุนในการขนส่งสินค้าของแทนซาเนียลดลงได้กว่าร้อยละ 40 จากค่าใช้จ่ายในปัจจุบัน นอกจากนั้น ยังมีผลให้ระยะเวลาการขนส่ง ความเสียหายของสินค้าจากการขนส่งลดลงด้วย โดยหากโครงการดังกล่าว เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วจะมีการเชื่อมโยงระบบรางกับประเทศเพื่อนบ้านเช่น ยูกานดาและเคนยา ซึ่งต่างก็อยู่ระหว่างการก่อสร้างรถไฟดังกล่าว เช่นเดียวกัน โดยโครงการดังกล่าวนี้ เป็นแผนการก่อสร้างรถไฟที่เริ่มมีการศึกษาและเขียนแผนของจีน เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าจากท่าเรือในแอฟริกาตะวันออกได้แก่ ท่าเรือ Mombasa ของเคนยา และท่าเรือ Dar Es Sallaam ของแทนซาเนีย เพื่อกระจายสินค้าไปสู่ประเทศที่ไม่มีทางออกทางทะเล เช่น ยูดานดา สป.คองโก รวันดา บูรันดี เป็นต้น ซึ่งหากสำเร็จตามแผนแล้ว อาจจะทำให้มีการเคลี่ยนย้ายปัจจัยการผลิตและสินค้าต่างๆ จากแอฟริกาตะวันออกไปตะวันตกได้โดยง่ายและถูกกว่าการขนส่งโดยท่าเรือต่อด้วยทางบกทางถนนในปัจจุบัน

 

ในส่วนของไทยนั้น ผู้ส่งออกควรหาช่องทางการส่งออกมายังเคนยา หรือแทนซาเนียให้มากขึ้น เพราะในอนาคตตลาดการส่งออกมายังแอฟริกานี้ จะมีเส้นทางรถไฟที่กล่าวข้างต้น เป็นเส้นทางสำคัญที่จะขยายตลาดให้กับผู้บริโภคกว่า 500 ล้านคนในแอฟริกาตะวันออก แอฟริกลาง และแอฟริกาตะวันตกได้เป็นอย่างดี

 

ผู้ส่งออกที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมด้านการค้าและการลงทุนต่าง ๆ เกี่ยวประเทศเคนยา และประเทศในแอฟริกาตะวันออก ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ E-mail: ของสำนักงานฯ ที่ info@ocanairobi.co.ke

 

ที่มา : The EastAfrican

thThai