ยูกันดาและเคนยา ร่วมหาเงินลงทุนโครงการสร้างเส้นทางเดินรถไฟ SGR ไปยัง สป.คองโก (DRC)

ประเทศเคนยาและยูกันดากำลังเร่งหาเงินลงทุนอย่างน้อย ๖ พันล้านเหรียญสหรัฐ จากผู้ให้กู้หลายรายเพื่อเริ่มต้นโครงการรถไฟขนาดรางมาตรฐาน หรือ  SGR ร่วมกัน ซึ่งโครงการดังกล่าวต้องหยุดชะงัก หลังจากการผู้ให้กู้หลักอย่างประเทศจีนได้ถอนตัวออกไป และพันธมิตรทั้งสองประเทศนี้ได้ประกาศความตั้งใจที่จะเริ่มการก่อสร้างเส้นทางเดินรถไฟนี้ภายในเดือน ธันวาคม ๒๕๖๖ เพื่อปรับปรุงเส้นทางการกระจายสินค้า และทำให้เส้นทางการค้าสาย Northern Corridor ของเคนยา ให้สามารถแข่งขันกับ สาย Central Corridor ของประเทศแทนซาเนียได้ โดยรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมจากทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลง เพื่อสรุปการขับเคลื่อนโครงการและระดมทรัพยากรทุกด้านร่วมกันในอีก 4 เดือนข้างหน้า โดยเม็ดเงินลงทุนทั้งหมดนี้ จะถูกใช้ไปกับเส้นทางเดินรถไฟจาก Naivasha ไปยัง Malaba และ Kampala และจาก Kampala ไปยัง Kasese ต่อไปยัง Mpondwe ใกล้กับ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และมีเส้นทางเดินรถไฟแยกจาก Bihanga ไปยัง Mirama Hills ใกล้กับประเทศรวันดา

 

เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์แล้วจะสามารถขนส่งสินค้าโดยทางรถไฟจากท่าเรือมอมบาซาไปยังชายแดนยูกันดากับสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และสามารถไปยังรวันดาและซูดานใต้ ตามที่ประเทศยูกันดาได้วางแผนดำเนินงานไว้นั้น ระยะแรกจะเป็นการสร้างเส้นทางเดินรถไฟจากเมือง Malaba ไปยังเมือง Kampala จากนั้นจะเชื่อมโยงไปยังพรมแดนประเทศเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก รวันดา และซูดานใต้ ตามลำดับ แน่นอนว่าการก่อสร้างจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีเงินทุนที่มากพอ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของยูกันดา และเคนยา กำลังให้ความสนใจที่จะมองหาเงินทุนจากประเทศในยุโรปและตะวันออกกลางเช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และเป็นไปได้ว่า UAE จะเป็นผู้ให้กู้หลักที่เหมาะสมมากที่สุด เนื่องจาก UAE มีการยื่นข้อเสนอให้ปรับปรุงท่าเรือซึ่งเป็นประตูหลักของสินค้าที่ Mombasa และ Dar Es Sallam ที่เป็นท่าเรือหลักในเคนยาและแทนซาเนียตามลำดับ ที่จะขนส่งสินค้าไปยังประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออก อย่างไรก็ดี ทางเคนยายังไม่ได้ตกลงตามข้อตกลงนี้ เนื่องจาก เป็นโครงการที่มีความเกี่ยวข้องทางการเมืองซึ่งเคนยาเกรงว่า หากตกลงโดยเร็วอาจจะเกิดข้อขัดแย้งในอนาคตได้ ซึ่งมีกรณีตัวอย่างแล้ว ในเรื่องข้อตกลงระหว่าง DP World กับ Dar Es Sallam ที่ยังเป็นข้อถกเถียงกันในแทนซาเนียอยู่ขณะนี้ และความยากลำบากอีกประการคือ การที่เคนยายังต้องต่อสู้กับหนี้สาธารณะของประเทศที่สูง ตลอดจนการลดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือจาก S&P และ Moddy และรวมถึงปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ยังมีปัญหาอยู่ กระทรวงคมนาคมของเคนยามีแผนการสร้างทางเดินรถไฟ SGR ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี อูฮูรู เคนยัตตา ซึ่งแบ่งโครงการเป็นสองช่วง รวมราคาประมาณ ๓.๖ พันล้านเหรียญสหรัฐ เฟสแรกคือเส้นทางจาก Naivasha – Kisumu คาดว่าจะมีค่าใช้จ่าย ๒.๖๘ พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่เส้นทางสุดท้ายจาก Kisumu – Malaba จะใช้เงินอีก ๘๙๖ ล้านเหรียญสหรัฐ

 

ในขณะที่ทางด้านยูกันดานั้น ดูเหมือนหนทางการหาทุนจะราบรื่นมากกว่าเคนยา โดยมีบริษัท Yapi Merkezi ของประเทศตุรกีได้รับเลือกให้เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างทางเดินรถไฟสำหรับเส้นทางสายกัมปาลา – มาลาบา ได้ยื่นข้อเสนอทางเทคนิคและทางการเงินให้กับโครงการ SGR นี้ เพื่อนำไปสู่การเจรจา และการลงนามในสัญญา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในวันที่ ๑ พฤศจิกายน นี้ (บริษัท Yapi Merkezi เป็นหนึ่งในบริษัทที่สร้างเส้นทางเดินรถไฟ SGR ระยะทาง ๗๕๔ กิโลเมตร ของประเทศแทนซาเนีย)

 

เหตุที่ผู้ให้กู้หลักอย่างจีนได้ถอนตัวออกจากโครงการไปนั้น เนื่องจากเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕ ยูกันดาได้ประกาศยุติสัญญาอย่างเป็นทางการกับ China Harbor engineering Company ที่ได้รับสัญญาก่อสร้างเฟสแรกของ SGR มีความยาว ๒๗๓ กิโลเมตร จาก Malaba – Kampala ข้อตกลงดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้รับเหมาที่ได้เงินทุนสนับสนุนจาก China Exim Bank ต่อมาทางประธานาธิบดี Yoweri Museveni ของยูกันดาเห็นว่า ความคืบหน้าของโครงการไม่คืบหน้าเท่าที่ควร จึงได้สั่งการให้จัดหาแหล่งเงินทุนและผู้กู้รายใหม่ โดยแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของทางรถไฟที่จะเชื่อมต่อกับทุกประเทศที่อยู่ในเส้นทาง Northern Corridor

 

การจัดหาเงินกู้ของยูกันดาโดยการติดต่อกับ UK Export Finance (UKEF) เมื่อปี ๒๕๖๔ เพื่อหาเงินกู้สำหรับเส้นทางเดินรถไฟสาย Kampala – Malaba ระยะทาง ๒๗๓ กิโลเมตร ซึ่งทาง UKEF จะเป็นผู้นำโครงการและจัดหาเงินทุนก้อนใหญ่มีมูลค่า ๒.๖ พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้แล้วผู้ให้กู้ในยุโรป จีน และตะวันออกกลาง ก็จัดอยู่ในกลุ่มที่ยูกันดาให้ความสนใจเพื่อหาทุนสนับสนุนโครงการเช่นกัน เพื่อให้ยูกันดาสามารถขยายเส้นทางจากชายแดน Mpondwe ไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และเส้นทาง Mirama Hills เพื่อเชื่อมต่อกับประเทศรวันดาและ Elegu ไปยังประเทศซูดานใต้ ทั้งนี้โครงการดังกล่าว เคนยา รวันดา ซูดานใต้ และรวันดา ได้ร่วมลงนามกันเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ และให้สัตยาบันสำหรับการพัฒนาและการดำเนินงานของทางรถไฟมาตรฐาน (SGR) ที่เชื่อมต่อท่าเรือมอมบาซาประเทศเคนยา ไปยังกัมปาลาประเทศยูกันดา คิกาลีประเทศรวันดา และจูบาประเทศซูดานใต้ ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีวิลลี่ยม รูโต ได้รื้อฟื้นแผนการดังกล่าวขึ้นมาอีกครั้งเพื่อดำเนินโครงการ SGR ให้สำเร็จ และยูกันดาก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะร่วมโครงการนี้ไปพร้อมกัน

 

ทั้งนี้ ทางเคนยาได้วางแผนสำหรับเส้นทางรถไฟสาย LAPSSET (Lamu port – South Sudan – Ethiopia Transport) ที่จะเชื่อมโยงท่าเรือมอมบาซาและท่าเรือลามูกับท่าเรืออิสิโอโล ที่อยู่ทางตอนเหนือด้วยเส้นทางรถไฟอันทันสมัยนี้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน ๒๕๗๐ ตามแผนของรัฐบาลชุดที่แล้ว เส้นทางขนส่งนี้มีมูลค่า ๒๔.๙ พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นเส้นทางรถไฟเพื่อเปิดทางตอนเหนือของเคนยาให้เชื่อมต่อกับซูดานใต้และเอธิโอเปียได้

 

ในขณะเดียวกัน การแข่งขันที่สูงมากขึ้นจากท่าเรือดาร์ เอส ซาลาม ของประเทศแทนซาเนียนั้น ทำให้เคนยาตกลงกับยูกันดาจะใช้กลยุทธ์นี้เพื่อเพิ่มการใช้รถไฟในการขนส่งสินค้า ใช้เส้นทางจากท่าเรือมอมบาซา ไปยัง Naivasha และจาก Naivsha ต่อไปยังชายแดน Malaba ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ และการตอบรับที่ดีจากยูกันดาทำให้เคนยามีความหวังว่า จะมีรายได้เพิ่มขึ้นบ้างจากการให้บริการขนถ่ายสินค้าทางรถไฟ ซึ่งจะมีความสำคัญต่อการชำระคืนเงินกู้กับจีนที่ได้กู้มาจำนวน ๔.๗ พันล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับสร้างเส้นทางรถไฟสาย Mombasa – Naivasha ภายใต้ข้อตกลงชำระหนี้ ๑๕ ปี กับ Exim Bank of China

 

จากข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเคนยา ปี ๒๕๖๕ แสดงให้เห็นว่าในช่วง ๕ ปี ที่โครงการการพัฒนารถไฟ SGR ดำเนินการสร้างนั้น สร้างรายได้ ๔.๖ พันล้านเหรียญสหรัฐ จากการขนส่งสินค้า ส่วนรถไฟโดยสาร สร้างรายได้ ๗๖๐ ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งบ่งชี้ว่าการขนส่งสินค้าด้วยเส้นทางเดินรถไฟดังกล่าวยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคง เพียงแต่ต้องมีเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงนั่นเอง

 

ความเห็นของ สคต.

 

การที่รัฐบาลเคนยาและยูกานดา ให้ความสำคัญในการเร่งการพัฒนาโครงการการพัฒนารถไฟ SGR ตามแผนที่วางไว้นั้น ก็เพื่อยกระดับภาคการขนส่งและโลจิสติกส์ของประเทศให้มีต้นทุนที่ถูกลง และสะดวกมากขึ้น แสดงให้เห็น

 

ถึงวิสัยทัศน์ที่จะทำการค้าระหว่างกันมากขึ้น นอกจากนั้น จากการศึกษาของ UN พบว่า หากระบบเส้นทางรถไฟดังกล่าวเสร็จตามแผนแล้วนั้น จะทำให้ต้นทุนด้านนี้ลดลงกว่าร้อยละ 40 จากค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายอยู่ในปัจจุบัน

 

สคต. มีความเห็นว่า หากเส้นทางรถไฟดังกล่าวนี้ สามารถก่อสร้างและดำเนินการได้ตามที่วางแผนไว้ ตลาดการค้าของทั้งเคนยาและยูกานดาจะขยายตัวได้เร็วมากยิ่งขึ้น แม้ยังมีปัญหาอุปสรรคหลายด้านที่ต้องฟันผ่าไปตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งหากประเทศเหล่านี้มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีแล้ว ก็จะทำให้การนำเข้า-ส่งออกสินค้าจะขยายตัวได้มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งไทยในฐานะที่ส่งออกมายังเคนยา และยูกานดา แล้วก็จะมีโอกาสกระจายสินค้าได้มูลค่าเพิ่มมากขึ้นต่อไป

 

ผู้ส่งออกที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมด้านการค้าและการลงทุนต่าง ๆ เกี่ยวประเทศเคนยา และประเทศในแอฟริกาตะวันออก ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ E-mail: ของสำนักงานฯ ที่ info@ocanairobi.co.ke

 

ที่มา : The EastAfrican

thThai