เกาหลีใต้เปิดเผยงบประมาณเพิ่มเติมครั้งที่ 2 มูลค่า 20.2 ล้านล้านวอน เพื่อกระตุ้นการบริโภคและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

          กระทรวงการคลัง เกาหลีใต้เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี 19 มิถุนายน 2568 ว่าเกาหลีใต้จะดำเนินการจัดทำ งบประมาณเพิ่มเติมครั้งที่สอง ซึ่งมีมูลค่า 20.2 ล้านล้านวอน (ประมาณ 14,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดยมีเป้าหมาย เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการแจกเงินสด ให้แก่ประชาชนทุกคนน

          งบประมาณเพิ่มเติมครั้งนี้ ถือเป็นการจัดสรรงบครั้งที่สองของปีนี้ และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ประธานาธิบดี อี แจ-มยองเข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยงประมาณเพิ่มเติมมูลค่า 13.8 ล้านล้านวอน ได้รับ การอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม และจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาในขั้น ตอนต่อไป

          กระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง เกาหลีใต้ระบุในแถลงการณ์โดยอ้างถึงภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาว่า รัฐบาล จะสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผ่านการส่งเสริมการบริโภค ผลักดันการลงทุน และขยายการใช้จ่ายด้านก่อสร้าง   อนึ่ง เศรษฐกิจของเกาหลีใต้เติบโตใกล้ศูนย์ติดต่อกันถึงสี่ไตรมาสแล้ว

          เพื่อกระตุ้นการบริโภคส่วนบุคคล รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณ 10.3 ล้านล้านวอนเพื่อมอบ “คูปองจับจ่าย” ซึ่งมีมูลค่าตั้งแต่ 150,000 ถึง 500,000 วอนต่อคน โดยขึ้นอยู่กับระดับรายได้

          นาย อิม คี-กึน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเผยว่า รัฐบาลศึกษาอย่างละ เอียดถึงความต้องการ ของประชาชนชั้นแรงงานและผู้ประกอบการรายย่อย และคัดเลือกโครงการที่สามารถดำเนินการได้จริง โดยเน้นที่ ความเป็นรูปธรรม

          รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณ 1 ล้านล้านวอนสำหรับการออกบัตรของขวัญส่วนลด มูลค่ารวม 8 ล้านล้านวอน ซึ่งจะทำให้ยอดการออกบัตรของขวัญในปีนี้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 29 ล้านล้านวอน

          โดยบัตรของขวัญเหล่านี้จะจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ระบุไว้ และการอุดหนุนจาก ภาครัฐบาลชุดนี้จะช่วยเพิ่มอัตราส่วนลดให้สูงถึงร้อยละ 15 จากเดิมที่อยู่ระหว่างร้อย 7–10 ทั้งนี้ บัตรของขวัญดังกล่าว สามารถใช้ได้ในร้านค้าขายปลีกรายย่อยและตลาดสดเป็นหลัก ซึ่งชี้ให้เห็นความพยายาม ของรัฐบาลในการกระตุ้นการบริโภค พร้อมทั้งช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยไปพร้อมกัน

          นอกจากนี้ เพื่อลดภาระหนี้สินที่สะสมจากช่วงอัตราดอกเบี้ยสูงเป็นเวลานาน รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณ 1.4 ล้านล้านวอนสำหรับโครงการบรรเทาหนี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเหลือประชาชนราว 1.43 ล้านคน การสนับสนุนดัง กล่าวมุ่งเป้าไปที่หนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านวอนซึ่งค้างชำระมานานมากกว่า 7 ปี โดย ครอบคลุมถึงสินเชื่อ ซึ่งถือครองโดยบุคคลที่ประกอบอาชีพอิสระ

          สำหรับผู้ที่ถูกประเมินว่าไม่มีความสามารถที่จะชำระหนี้ได้ หนี้ที่เกี่ยวข้องจะถูกยกเลิก และในกรณีที่ความ สามารถในการชำระหนี้ถูกตัดสินว่าต่ำกว่าหนี้คงค้างอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการเสนอมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ เช่น การลดต้นเงินสูงสุดร้อยละ80 และแผนการผ่อนชำระแบบผ่อนชำระ 10 ปี  โครงการบรรเทาหนี้ถือเป็นหนึ่งในนโยบายเศรษฐกิจหลักของรัฐบาลภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี อีแจมยอง ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาผลกระทบจากเงินเฟ้อต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย

          เพื่อแก้ไขความอ่อนแอที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในการลงทุนด้านการก่อสร้าง รัฐบาลจะอัดฉีดสภาพคล่อง จำนวน 5.4 ล้านล้านวอนเพื่อสนับสนุนภาคส่วนนี้ โดยจากจำนวนเงินทั้งหมด จะใช้เงิน 3 ล้านล้านวอน เพื่อสนับสนุนบริษัทก่อสร้างที่ประสบปัญหาทางการเงิน

          การลงทุนด้านการก่อสร้างยังคงซบเซา โดยคำสั่งซื้อด้านการก่อสร้างลดลงร้อย 3.1 ในเดือนเมษายนจาก เดือนก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10

          อย่างไรก็ตาม ยังคงเหลือความกังวลต่อความมั่นคงทางการเงินของประเทศท่ามกลางหนี้สาธารณะที่เพิ่ม สูงขึ้น ซึ่งหากนำงบประมาณเพิ่มเติมล่าสุดไปปฏิบัติใช้ อาจมีแนวโน้มว่ารายได้จากภาษีจะขาดดุลเป็นปีที่ 3 ติดต่อ กัน ในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน ดุลการคลังของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นมาตรการวัดสุขภาพทางการเงินที่เข้มงวดยิ่งขึ้น บันทึกการขาดดุล 46.1 ล้านล้านวอน ตามข้อมูลของรัฐบาล ในปี 2567 มีการขาดดุลมากกว่า 100 ล้านล้านวอน อย่างไรก็ดี รัฐบาลเกาหลีกำลังหารือภายในเกี่ยวกับความจำเป็นในการปรับปรุงวินัยการคลัง รวมถึงความจำเป็นใน การปฏิรูปการใช้จ่ายเชิงโครงสร้าง และการปรับรายจ่ายบังคับ

บทวิเคราะห์

          แผนการเพิ่มการบริโภคในเกาหลีโดยการแจกคูปองเงินสด และบัตรของขวัญอาจช่วยให้ประชาชนมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้สินค้านำเข้าจากไทย โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น อาหาร ผลไม้ อาจมีแนวโน้มขายดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โดยเฉพาะ หากร้านค้าปลีกหรือห้างสรรพสินค้าในเกาหลีจัดโปรโมชันร่วมกับสินค้านำเข้าจากไทย ก็จะยิ่งทำให้โอกาสทางการตลาดเพิ่มขึ้น

          สำหรับผู้ส่งออกไทยควรจับตาความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดเกาหลี โดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์และร้านค้าปลีกที่รับคูปองหรือบัตรของขวัญ รวมถึงติดตามค่าเงินวอนและต้นทุนขนส่ง เพื่อบริหารความเสี่ยงด้านราคา และเฝ้าระวังนโยบายภาษีหรือกฎระเบียบใหม่ ที่อาจออกมาตามมาในภายหลัง

 

ที่มา : สำนักข่าว Yonhap ฉบับวันที่ 19 มิถุนายน 2568

********************************************************************

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโซล

 

thThai