1. ภาพรวมตลาดในสิงคโปร์

ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในสิงคโปร์

ในปี 2567 ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมีมูลค่าขายปลีกรวม 1,464.1 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ประกอบไปด้วย สินค้าวิตามินและอาหารเสริม อยู่ที่ 786.3 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ผลิตภัณฑ์ยาจำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ (OTC) อยู่ที่ 458.1 ล้านเหรียญสิงคโปร์ และ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและยาแผนโบราณ อยู่ที่ 423.4 ล้านเหรียญสิงคโปร์

ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในสิงคโปร์

ในปี 2567 ตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในสิงคโปร์เติบโตอย่างแข็งแกร่งในแง่มูลค่า โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากความตระหนักด้านสุขภาพองค์รวมที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคจากหลากหลายกลุ่มประชากร ชาวสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการป้องกัน เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่สมดุล และการบริโภควิตามินเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ การผสานเทคโนโลยีเข้ากับการติดตามสุขภาพ เช่น อุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกายแบบสวมใส่และแอปพลิเคชันด้านสุขภาพ ได้ช่วยให้ชาวสิงคโปร์สามารถควบคุมและจัดการสุขภาพของตนเองได้ดียิ่งขึ้น เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงเพิ่มความสะดวกสบายในการติดตามข้อมูลสุขภาพ แต่ยังช่วยสร้างฐานผู้บริโภคที่มีข้อมูลและกระตือรือร้นมากขึ้นในการดูแลสุขภาพของตัวเอง

จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นในสิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของผู้บริโภค เมื่อประชากรมีอายุมากขึ้น ความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับวัยก็เพิ่มสูงขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลดวงตา ยาที่ซื้อเองโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ (เช่น ยาแก้ไอ) และอาหารเสริมเพื่อดูแลข้อต่อ ผู้บริโภคสูงวัยมีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง การตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ผลิตในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของกลุ่มผู้บริโภคสูงวัย

ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของการเล่นกีฬาและการออกกำลังกายเป็นแนวโน้มสำคัญในหมู่ชาวสิงคโปร์ในปี 2567 แม้จะมีตารางงานที่ยุ่ง แต่ผู้บริโภคจำนวนมากขึ้นหันมาออกกำลังกายเป็นกิจกรรมหลักเพื่อคลายความเครียด ปัจจัยสนับสนุนรวมถึงการเปิดยิมและศูนย์ออกกำลังกายอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง รวมถึงการขยายเส้นทางวิ่งและปั่นจักรยานโดยรัฐบาลสิงคโปร์ นอกจากนี้ การแข่งขันโอลิมปิกที่ปารีสในปี 2567 ยังช่วยกระตุ้นความสนใจในกีฬา แม้ว่าสิงคโปร์จะไม่มีผลงานโดดเด่นในเวทีระดับโลก ความกระตือรือร้นในกิจกรรมทางกายที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาใช้ผลิตภัณฑ์โภชนาการสำหรับนักกีฬามากขึ้น โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกนำมารวมไว้ในกิจวัตรประจำวันเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายและสนับสนุนการฟื้นฟูร่างกาย

แม้จะเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั่วโลก แต่เศรษฐกิจของสิงคโปร์ยังคงแสดงความแข็งแกร่งในปี 2567 โดยมีจุดเด่นคือการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องและอัตราการว่างงานที่ต่ำ ส่งผลให้ผู้บริโภคมีรายได้ที่มั่นคงและสามารถลงทุนในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความสมบูรณ์ของร่างกายได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่สูงขึ้นสร้างความท้าทายให้กับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค ทำให้พวกเขามีความรอบคอบมากขึ้นในการตัดสินใจซื้อ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจเช่นนี้ส่งผลต่อตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีราคาย่อมเยาและคุ้มค่ามากขึ้น

ชาวสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมากขึ้น โดยผู้บริโภคหันมาใส่ใจนิสัยการใช้ชีวิตที่สนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาวมากขึ้น ในปี 2566 รัฐบาลได้เปิดตัวโครงการ “HealthierSG” เพื่อส่งเสริมการจัดการสุขภาพเชิงรุก ครอบคลุมการคัดกรองสุขภาพเป็นประจำ การใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี และการจัดการโรคเรื้อรังอย่างมีประสิทธิภาพ การเปลี่ยนแปลงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในบริบทของประชากรสูงอายุและความตึงเครียดในระบบการดูแลสุขภาพ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ เช่น วิตามินและอาหารเสริมได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่อายุน้อยและวัยกลางคน ซึ่งมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน

ในขณะเดียวกัน การแก้ปัญหาด้านสุขภาพแบบองค์รวมได้ส่งผลให้เกิดการผสานระหว่างหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ เช่น วิตามิน อาหารเสริม การจัดการน้ำหนัก และโภชนาการสำหรับนักกีฬา เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น ผู้บริโภคเริ่มมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีฟังก์ชันหลากหลายเพื่อสนับสนุนความสมบูรณ์ของร่างกายโดยรวม เช่น 100Plus ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องดื่มหลังออกกำลังกายสำหรับนักกีฬาชื่อดังในสิงคโปร์ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เสริมโปรตีน เพื่อตอบโจทย์ทั้งนักกีฬาและผู้บริโภคทั่วไปที่ต้องการเพิ่มสารอาหารที่จำเป็นในแต่ละวัน ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มจัดการน้ำหนักก็กำลังปรับตัว โดยเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นการลดน้ำหนักอย่างเดียวไปสู่การสนับสนุนด้านสุขภาพที่ครอบคลุมมากขึ้น หลายแบรนด์ได้ผสานส่วนประกอบ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่น ๆ เข้ากับผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพองค์รวมมากขึ้น แนวโน้มนี้สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวไปสู่ผลิตภัณฑ์แบบองค์รวมที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีในหลายมิติ

การเติบโตของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบผสมที่ประกอบด้วยทั้งวิตามินและส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพยังสนับสนุนแนวโน้มนี้ สำหรับผู้บริโภคที่มีวิถีชีวิตเร่งรีบ คุณสมบัติที่ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพแบบเฉพาะเจาะจง เช่น “การบรรเทาความเครียด” หรือ “การนอนหลับที่ดีขึ้น” ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ที่สะดวกและครบวงจร ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของพวกเขาได้ในหลากหลายมิติ

2. โอกาสทางการตลาด

ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในสิงคโปร์

ในสิงคโปร์ ผู้บริโภคนิยมปรึกษาเภสัชกรโดยตรง โดยเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์ยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ (OTC) ร้านค้าและร้านขายยาสุขภาพส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกต่อการเข้าถึง เช่น ใกล้ที่ทำงานและที่อยู่อาศัย ทำให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าจากร้านค้าโดยตรงมากกว่าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยผู้ค้าปลีกอย่าง Guardian ของบริษัท DFI Retail Group และ Watsons ของบริษัท CK Hutchison ได้ขยายผลิตภัณฑ์ Private Label เพื่อรองรับผู้บริโภคที่คำนึงถึงราคา

การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือการเพิ่มขึ้นของการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคอายุน้อยที่ขับเคลื่อนด้วยการเติบโตของอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซ ซึ่งเริ่มต้นในช่วงการระบาดใหญ่ แพลตฟอร์มออนไลน์เสนอตัวเลือกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและราคาที่แข่งขันได้ ทำให้ดึงดูดผู้บริโภคที่มองหาความสะดวกสบาย อย่างไรก็ตาม การเติบโตของการค้าปลีกออนไลน์ยังมาพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบ โดยเฉพาะในหมวดหมู่จัดการน้ำหนัก วิตามิน และอาหารเสริม แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามเพิ่มการเฝ้าระวังและสร้างความตระหนักรู้ แต่ผลิตภัณฑ์ปลอมยังคงเป็นปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหานี้ เจ้าของแบรนด์ได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าจากร้านค้าที่ได้รับอนุญาต

ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในสิงคโปร์

แนวโน้มที่กำลังพัฒนาอีกด้านหนึ่งคือการเปลี่ยนไปสู่การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดยเน้นความเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาวมากกว่าการรักษาโรคเพียงอย่างเดียว ประชากรสูงอายุในสิงคโปร์เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ผู้บริโภคหันมาลงทุนในผลิตภัณฑ์ป้องกันสุขภาพ เช่น วิตามิน อาหารเสริม และยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์เพื่อสุขภาพ ในขณะเดียวกัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค เทคโนโลยีทำให้การดูแลสุขภาพส่วนบุคคลเป็นเรื่องง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ผู้บริโภคสามารถติดตามสภาวะสุขภาพของตนเองและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับความต้องการเฉพาะได้ เช่น อุปกรณ์ดูแลสุขภาพแบบสวมใส่ ชุดตรวจวินิจฉัยที่บ้าน และอาหารเสริมแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งคาดว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ ไลฟ์สไตล์ที่ยุ่งวุ่นวายและระดับความเครียดที่เพิ่มขึ้นยังส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบรรเทาความเครียดและดูแลสุขภาพจิตมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพจิต เช่น อาหารเสริมโอเมก้า 3 สมุนไพรต้านความเครียด (Adaptogens) และโสมอินเดีย (Ashwagandha) กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมองหาวิธีจัดการความเครียดในชีวิตประจำวัน

ในทางกลับกัน ความกังวลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ลอกเลียนแบบยังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในหมวดหมู่จัดการน้ำหนัก วิตามิน และอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์ปลอมเหล่านี้สร้างความเสียหายต่อความไว้วางใจในตลาดและอาจก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพของผู้บริโภค เพื่อลดความเสี่ยงนี้ ผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับความสำคัญของการซื้อสินค้าจากช่องทางที่ได้รับอนุญาต เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยและเป็นของแท้

3. ส่วนแบ่งทางการตลาด

ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในสิงคโปร์

ในปี 2567 แบรนด์ Panadol มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดอยู่ที่ 6% ตามมาด้วย GNC 5.1% Brands 3.8% และ  Pharmanex อยู่ที่ 3.7%

ตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับผู้บริโภคในสิงคโปร์ยังคงเติบโตและขยายตัวในหลากหลายกลุ่ม โดยแบรนด์ชั้นนำ เช่น GSK Consumer Healthcare Singapore Pte Ltd, ONI Global Pte Ltd, และ Cerebos Pacific Ltd ครองส่วนแบ่งในตลาดที่พวกเขามีจุดแข็งเฉพาะด้าน เช่น GSK โดดเด่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ (OTC) ขณะที่ Cerebos Pacific Ltd มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ยาบำรุง

ด้วยการที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ บริษัทเภสัชกรรมรายใหญ่ได้เริ่มปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จากการพึ่งพาผลิตภัณฑ์ OTC ทั่วไปไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มุ่งรักษาโรคเรื้อรังมากขึ้น ตัวอย่างเช่น แผนกเภสัชกรรมของ Bayer ได้เร่งพัฒนานวัตกรรมทางคลินิกเพื่อตอบสนองความต้องการทางการแพทย์ในด้านต่าง ๆ เช่น มะเร็ง โรคไตจากเบาหวาน และภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง การเปลี่ยนแปลงนี้ยังเปิดโอกาสให้บริษัทขนาดเล็กที่เชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์เฉพาะทางสามารถเจาะตลาดผู้สูงอายุได้มากขึ้น เช่น ตลาดยาแก้ปวดและยาชาเฉพาะที่ ซึ่งผู้เล่นรายเล็กกำลังนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่ม

นอกจากนี้ บริษัทข้ามชาติรายใหญ่ยังให้ความสำคัญกับการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ในตลาดโภชนาการสำหรับนักกีฬา ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น Orgain แบรนด์ผงโปรตีนสำหรับนักกีฬาที่บริษัท Nestlé SA เข้าซื้อกิจการ ได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังร้านค้าปลีกที่หลากหลาย รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและความงามในประเทศ อีกทั้ง ร้านสะดวกซื้อในสิงคโปร์ยังเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรตีนและบาร์พลังงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของนักกีฬา ผู้ที่ไปยิม และผู้บริโภคทั่วไปในตลาดมวลชน

ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในสิงคโปร์

ในขณะเดียวกัน การเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ Private Label ยังคงเป็นแนวโน้มสำคัญในตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในปี 2567 แม้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะเริ่มลดลง แต่ความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของผลิตภัณฑ์ Private Label ผู้ค้าปลีก เช่น Watsons และ Guardian ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ตราสินค้าส่วนตัวของพวกเขา โดยเฉพาะในหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ วิตามิน และอาหารเสริม ในทางกลับกัน แบรนด์ที่มีชื่อเสียงและบริษัทผู้ค้าปลีกรายใหญ่ เช่น Eu Yan Sang และ LAC ได้ใช้กลยุทธ์สร้างความแตกต่างโดยเน้นไปที่คุณภาพของผลิตภัณฑ์มากกว่าการแข่งขันด้านราคา กลยุทธ์ดังกล่าวช่วยสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์และรักษาความได้เปรียบในการดึงดูดผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์

4. งานแสดงสินค้าที่ได้รับความนิยม

งาน Eldercare Exhibition & Conference Asia : ELDEX เป็นงานจัดแสดงสินค้าเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ประกอบไปด้วยสินค้าและบริการหกด้าน ได้แก่ (1) ไลฟ์สไตล์และความเป็นอยู่ เช่น อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์ชะลอวัย ความงาม เป็นต้น (2) บ้านสำหรับผู้สูงอายุ และผลิตภัณฑ์ในบ้าน เช่น แผ่นกันลื่น ราวช่วยพยุง ราวจับในห้องน้ำ เป็นต้น (3) อุปกรณ์และบริการทางการแพทย์และพยาบาล (4) เทคโนโลยี ดิจิทัลต่างๆ เช่น แพลตฟอร์มสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ ระบบการควบคุมแบบทางไกล เป็นต้น (5) การเงิน ประกันภัย เช่น ประกัน การทำพินัยกรรม เป็นต้น และ (6) กิจกรรมอื่นๆ เช่น บริการจัดงานศพ จัดดอกไม้ หรือรูปถ่าย เป็นต้น หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูได้จาก www.eldexasia.com

5. กฎระเบียบการนำเข้าสินค้า

ก่อนการนำเข้าอาหารเสริม พืชสมุนไพรสู่ตลาดสิงคโปร์ผู้นำเข้าสิงคโปร์จะต้องจำแนกประเภทของผลิตภัณฑ์ก่อนว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงาน Singapore Food Agency (SFA) หรือหน่วยงาน Health Sciences Authority (HSA) โดยหน่วยงาน SFA จะกำกับดูแลและควบคุมผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับมนุษย์ รวมถึงเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยวและอาหารสัตว์ที่เลี้ยงไว้เพื่อเป็นอาหารของมนุษย์ทั้งหมด ส่วนหน่วยงาน HSA จะกำกับดูแลและควบคุมผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีฤทธิ์ต่อร่างกาย และผลิตภัณฑ์เพื่อ
สุขภาพ
อื่นๆ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ยาตะวันตก ยาจีน ที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะ และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง หลังจากนั้นผู้นำเข้าจึงสามารถดำเนินกระบวนการนำเข้าอื่นๆ ต่อไป

6. ช่องทางในการกระจายสินค้า

สิงคโปร์มีช่องทางค้าปลีกที่หลากหลาย รองรับทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ช่องทางการขายแบบดั้งเดิม เช่น ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ไปจนถึงร้านค้าปลีกเฉพาะทาง เช่น ร้านสินค้าสุขภาพและความงาม เช่น Watsons, Guardian และ Unity หรือร้านค้าสินค้าไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ ช่องทางค้าปลีกออนไลน์กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยมีแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง Lazada, Shopee และ Amazon Singapore ที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายและพฤติกรรมการซื้อของในปัจจุบัน ทั้งนี้ หากท่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนของรายชื่อผู้นำเข้า หรือช่องทางการขายที่เกี่ยวข้อง สามารถติดต่อได้ที่ enquiry@thaitrade.sg

ข้อมูลเพิ่มเติม/ความคิดเห็นสคต.

ตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในสิงคโปร์มีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคตื่นตัวในด้านสุขภาพและการดูแลตัวเอง โดยได้รับแรงผลักดันจากหลายปัจจัยสำคัญ เช่น 1.การตระหนักด้านสุขภาพ ผู้บริโภคในสิงคโปร์มีความสนใจในสุขภาพเชิงป้องกัน เช่น การออกกำลังกาย การบริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเติบโตอย่างมั่นคง 2.การสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ โครงการต่างๆ เช่น Nutri-Grade ซึ่งเป็นฉลากแสดงคุณค่าทางโภชนาการ และ Healthier SG ที่ส่งเสริมการมีสุขภาพดี ช่วยสร้างความตระหนักและเพิ่มความต้องการผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และ 3. สังคมผู้สูงอายุ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในสิงคโปร์เป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความต้องการสินค้าดูแลสุขภาพ เช่น อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพ และเทคโนโลยีดูแลตัวเอง

ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพที่ดีทั้งในด้านการผลิตและการส่งออกผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เนื่องจากไทยมีจุดเด่นในด้านวัตถุดิบที่หลากหลายและคุณภาพสูง เช่น สมุนไพร และผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงความเชี่ยวชาญด้านวัตกรรมอาหาร เช่น การผลิตอาหารเสริมและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการควรศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคและเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพในสิงคโปร์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับรสนิยมและความต้องการเฉพาะของตลาด นอกจากนี้ การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบการนำเข้าและมาตรฐานความปลอดภัยอาหารอย่างเคร่งครัด จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างความน่าเชื่อถือและขยายตลาดในสิงคโปร์ได้อย่างยั่งยืน

ที่มาข้อมูล : Euromonitor  /HSA

thThai