ภายหลังจากการโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดที่ได้ครอบงำการปกครองซีเรียมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี โดยกลุ่มต่อต้านได้เป็นผลสำเร็จในช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา ได้ก่อให้เกิดความหวังว่า ซีเรียกำลังจะเข้าสู่ยุคใหม่แห่งการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐกิจที่ล่าสุดในขณะนี้ สหรัฐฯ และประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ ต่อซีเรีย ส่งผลให้ภาคธุรกิจของซีเรียความคึกคักเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในภาคธุรกิจก่อสร้างที่ในเบื้องต้นมีการประเมินว่า ซีเรียจะต้องมีการใช้จ่ายในส่วนนี้ไม่น้อยกว่าพันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ซีเรียกำลังอยู่ในช่วงของการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งหลังจากถูกโดดเดี่ยวมาอย่างยาวนาน โดยมีรายงานว่ามีบริษัทจากตุรกีจำนวนมากให้ความสนใจที่จะเข้าไปทำธุรกิจและลงทุนเพิ่มขึ้นในประเทศซีเรีย และกระตือรือร้นที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูประเทศเพื่อนบ้านที่เสียหายจากสงคราม
การเปลี่ยนแปลงนี้สืบเนื่องมาจากการพลิกนโยบายที่น่าประหลาดใจของสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นการเริ่มปรับโฉมภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ ซึ่งภาคธุรกิจจากตุรกีโดยเฉพาะในสาขาการก่อสร้าง การขนส่ง และการผลิต ถือเป็นโอกาสอย่างมหาศาลเมื่อนึกภาพความพยายามในการสร้างเมืองใหม่มูลค่าเกือบล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งทุกบริษัทต่างก็หวังว่าจะคว้าส่วนแบ่งที่สำคัญของเค้กก้อนนี้ โดยหลายรายได้เข้าไปดำเนินงานในพื้นที่แล้ว หรือกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อเข้าสู่ตลาดซีเรียซึ่งโดยรวมแล้วตั้งเป้าหมายไว้สูงถึงร้อยละ 25 ของโครงการฟื้นฟูซีเรียเลยทีเดียว ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กล้าหาญแต่ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ทางการค้าในอดีตและความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ของทั้งสองประเทศ
อย่างไรก็ตาม ความต้องการการมีส่วนแบ่งดังกล่าวก็ต้องดำเนินไปด้วยความระมัดระวัง แม้ว่าโอกาสและศักยภาพในการลงทุนจะมีอยู่มหาศาล แต่ความเสี่ยงก็ยังคงมีอยู่ไม่น้อย ความกังวลด้านความปลอดภัยยังไม่หมดไป และระบบการเงินและระบบราชการของซีเรียยังนับว่าห่างไกลจากความมั่นคง ทั้งนี้ ในระยะนี้สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงยังคงเป็นไปในทางบวก ประธานาธิบดีคนใหม่ของซีเรียคือ นาย Ahmed al-Sharaa ได้พูดถึงการปฏิรูป โดยสัญญาว่าจะปรับปรุงเรื่องภาษี ศุลกากรและการธนาคาร เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติ และมีสัญญาณว่าการค้ากำลังฟื้นตัว เห็นได้จากในช่วงสี่เดือนแรกของปี 2025 นี้ การส่งออกของตุรกีไปยังซีเรียพุ่งขึ้นถึงร้อยละ 37 โดยสินค้าหลักคือกลุ่มเครื่องจักรและวัสดุก่อสร้างที่มีความต้องการอย่างมาก การพุ่งขึ้นนี้บ่งชี้ว่ามีความต้องการ แต่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนด้วยโครงสร้างพื้นฐานและการสนับสนุนทางการเงินที่เหมาะสม
แน่นอนว่าการจะฟื้นฟูประเทศขึ้นใหม่ทั้งหมดไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน และแม้ว่าประเทศผู้บริจาคหลายรายจะให้คำมั่นสัญญาด้านเงินทุนแล้ว แต่ภาพรวมทางการเงินที่แท้จริงยังคงคลุมเครือ ตุรกีเองก็วางแผนที่จะสนับสนุนผ่านการสนับสนุนด้านพลังงาน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติ แต่หากไม่มีสภาพแวดล้อมที่มั่นคงและระบบที่โปร่งใส ธุรกิจต่างๆ ก็อาจจะต้องเกิดความลังเลในการลงทุนอย่างเข้าใจได้ อีกส่วนหนึ่งที่ตุรกีให้
ความสนใจเป็นพิเศษคือแรงงานราคาถูกของซีเรีย ซึ่งอาจกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าอย่างมากหากสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม และประเด็นสำคัญอีกอย่างคือความปลอดภัย ที่มีแรงผลักดันอย่างมากจากแวดวงธุรกิจในการสร้างเขตอุตสาหกรรมที่จะมีการควบคุมดูแลอย่างดีและได้รับการคุ้มครอง ซึ่งบริษัทต่างๆ สามารถดำเนินงานได้โดยไม่ต้องกังวลถึงการหยุดชะงัก
ข้อคิดเห็นจากสำนักงานฯ
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางการค้าและการลงทุนที่มีมูลค่าสูงมากในประเทศซีเรียผ่านความกระตือรือร้นของภาคธุรกิจตุรกีซึ่งกุมความได้เปรียบมากที่สุดในสถานการณ์นี้ โดยตุรกีถือเป็นประเทศใหญ่ในภูมิภาคและมีชายแดนติดกับซีเรีย เคยเป็นที่ลี้ภัยของผู้อพยพชาวซีเรียหลายล้านคน และมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภายในของประเทศซีเรียในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดซีเรียยังคงมีโอกาสอีกมากสำหรับผู้ประกอบการจากประเทศอื่นๆ รวมทั้งไทย ที่จะสามารถเข้าไปมีส่วนแบ่งตลาดทั้งในด้านบริการและสินค้าที่เกี่ยวข้องทั้งโดยตรงและผ่านความร่วมมือกับภาคธุรกิจของตุรกีได้ในตลาดที่ยังถือว่าใหม่มากอยู่นี้ได้