สำหรับภาคธุรกิจก่อสร้างและการขนส่งเริ่มมีความกังวลมากขึ้น โดยเกรงว่า รัฐบาลกลางเยอรมันอาจปรับสมดุลงบประมาณของประเทศ โดยการแลกกับการลงทุนที่ควรจะเกิดขึ้น ด้านนาย Tim – Oliver Müller ผูบริหารของสมาคมผู้ก่อสร้างเยอรมนี (HDB – Hauptverband der Deutschen Bauindustrie) ได้ออกมาเตือนว่า “หากไม่นำกองทุนพิเศษ 5 แสนล้านยูโร ไปเพิ่มให้กับเงินงบประมาณที่ตั้งไว้ก่อนหน้า เราคงต้องยอมรับว่า น่าจะมีการตัดงบประมาณในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ มากกว่าที่จะเพิ่มทุน เพราะไม่สามารถระดมทุนได้ ซึ่งสิ่งนี้จะมีผลกระทบกับ (1) การปรับปรุงเส้นทางการเดินรถไฟของการรถไฟเยอรมัน (Deutsche Bahn) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และ (2) โครงการปรับปรุงสะพานบนทางด่วนของ Autobahn GmbH ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นด้วย หากเป็นการลงทุนที่ใช้งบที่ตั้งไว้เฉพาะในงบประมาณของรัฐบาลกลาง การระดมทุนเพิ่มเติมก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น” โดยนาย Felix Pakleppa ผู้บริหารสหพันธ์ผู้ประกอบธุรกิจเหมืองแห่งเยอรมนี (ZDB – Der Zentralverband Deutsches Baugewerbe) ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลกลางเยอรมันควร “มีความตั้งใจอย่างจริงจัง” ในการเตรียมงบประมาณ “เราขอเตือนว่า ไม่ควรผ่อนปรนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากกองทุนพิเศษ” โดยเขากล่าวกับสำนักข่าว Handelsblatt ต่อว่า “สิ่งที่สำคัญตอนนี้ คือ การเปิดให้มีการใช้งานการลงทุนเพิ่มเติมอย่างแท้จริง และไม่นำสิ่งนี้มาปิดช่องว่างของงบประมาณที่ขาดหาย”
โดยเรื่องเกิดขึ้นพบว่า ก่อนหน้านี้สมาคมการขนส่งต่าง ๆ อาทิ Deutsche Verkehrsforum (German Transport Forum) และสมาพันธ์ผู้ประกอบธุรกิจจัดส่งสินค้าและโลจิสติกส์ (DSLV – Bundesverband Spedition und Logistik) เคยพูดถึง “สัญญาณที่ผิดพลาด” ของรัฐบาล โดยปัญหาความไม่แน่นอนนี้ เกิดจากหนังสือเวียนชี้แจงงบประมาณจากกระทรวงการคลังของรัฐบาลกลางเยอรมันถึงกระทรวงอื่น ๆ ซึ่งที่ระบุว่า ทุกกระทรวงรวมถึงกระทรวงคมนาคมจะต้องลดต้นทุนด้านงบประมาณลง โดยเฉพาะในส่วนของรายจ่ายฝ่ายบริหารและหน่วยงานรอง ซึ่งในหนังสือเวียนดังกล่าวได้ระบุอีกว่า เป้าหมายงบประมาณทั้งหมดนั้นต้อง “เริ่มต้นด้วยการขาดดุล” ซึ่งในทางกลับกัน สามารถเข้าใจได้ว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดความเสี่ยงกับการลงทุนที่กำลังจะเกิดขึ้นก็นั้นเอง ซึ่งตัวแทนภาคธุรกิจส่วนใหญ่กลับเข้าใจเนื้อหาของหนังสือเวียนฯ ได้ว่า สิ่งที่กระทรวงฯ ต้องการก็คือ ลดงบประมาณลงตามจำนวนที่ใช้เพื่อจัดหาเงินทุนผ่านมาตรการกองทุนพิเศษ คณะรัฐบาลในปัจจุบันที่ประกอบด้วยกลุ่ม Union หรือกลุ่มสหภาพที่ประกอบด้วยพรรคสหภาพคริสต์เตียนเพื่อประชาธิปไตยประเทศเยอรมนี (CDU – Christlich Demokratische Union Deutschlands) และพรรค สหภาพสังคมนิยมคริสต์เตียนแห่งนครรัฐบาวาเรีย (CSU – Christlich-Soziale Union in Bayern) และพรรคสังคมนิยมเพื่อประชาธิปไตยเยอรมนี (SPD – Sozialdemokratische Partei Deutschlands) ประกาศว่า เงินที่เกิดขึ้นจากการสร้างหนี้พิเศษของเยอรมนีในครั้งนี้จะไหล “เพิ่มเติม” เข้าสู่ภาคการลงทุน โดยนาย Felix Banaszak หัวหน้าพรรคพรรคยุค 90 พันธมิตรสีเขียว/กรีน (Bündnis 90/Die Grünen) กล่าวกับ Handelsblatt ในเชิงเตือนรัฐบาลฯ ทันทีหลังจากทราบข่าวดังกล่าวว่า “ใครก็ตามที่จัดสรรเงินเพื่อการลงทุนด้วยมือข้างหนึ่ง แต่กลับตัดเงินดังกล่าวด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ถือเป็นการเล่นแร่แปรธาตุด้านงบประมาณ และเป็นความเสี่ยงต่ออนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศเรา” เขาขอร้องรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ว่า “คุณ Klingbeil (หัวหน้าพรรค SPD) ควรยุติการรวมงบประมาณแบบลับ ๆ โดยไม่คำนึงถึงอนาคต” ได้แล้ว ซึ่งพรรคกรีนเองก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้ออกมาลงคะแนนเสียงสนับสนุนจากการสร้างหนี้พิเศษก่อนที่จะมีการจัดตั้งรัฐสภาชุดใหม่
นาย Müller ผู้แทนภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างชี้แจงว่า “สำหรับเรา การเพิ่มทุนหมายถึง ระดับการลงทุนของงบประมาณจากรัฐบาลกลางครั้งล่าสุดบวกกับอัตราเงินเฟ้อ หากการลงทุนดังกล่าวลดน้อยลงก็เท่ากับเราถูกตัดงบ” โดยนาย Müller ได้ออกมาเตือนอีกว่า ไม่ควรใช้เงินดังกล่าวผิดวัตถุประสงค์ เขาได้ยินมาว่า รัฐบาลของบางรัฐกำลังพิจารณาใช้กองทุนพิเศษเพื่อปรับโครงสร้างงบประมาณของรัฐ และลดเงินงบประมาณที่จัดสรรไว้สำหรับการลงทุนเดิม ซึ่งจะทำให้เกิด “พื้นที่เล่นแร่แปรธาตุด้านงบประมาณ” ขึ้นมา โดยเขามองเห็นสัญญาณของสิ่งที่กว่าขึ้นในนี้ในรัฐ Mecklenburg-Vorpommern และในรัฐ Nordrhein-Westfalen โดยตามแผนรัฐต่าง ๆ จะได้รับเงิน 100,000 ล้านยูโร จากกองทุนพิเศษเพื่อระดมทุนสำหรับการลงทุนในอนาคตซึ่งไม่สามารถนำไปใช้อย่างอื่นได้ โดยนาย Friedrich Merz นายกรัฐมนตรี (CDU) กล่าวถึงหัวข้อนี้เพียงสั้น ๆ ในงานวันอุตสาหกรรมก่อสร้างในสุนทรพจน์ที่มีความยาวกว่า 20 นาที โดยเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในระหว่างการสุนทรพจน์กับการเน้นย้ำถึงความท้าทายด้านนโยบายต่างประเทศของรัฐบาล ก่อนจะพูดถึงนโยบายในประเทศ และอุตสาหกรรมก่อสร้าง นาย Merz กล่าวว่า “ตอนนี้สิ่งสำคัญคือ ต้องนำเงินนี้ไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมอย่างแท้จริง ไม่ใช่ในการใช้จ่ายด้านการบริโภค” แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ ต้องระดมเงินทุนจากภาคเอกชนด้วย แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดงบประมาณที่อาจเกิดขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้ตอบคำถามที่ถามโดยสำนักข่าว Handelsblatt ว่า เรามีการตกลงกันว่า เงินทุกยูโรจากกองทุนพิเศษจะถือเป็นเงินเพิ่มเติม โดยเทียบกับอัตราส่วนการลงทุนในงบประมาณของรัฐบาลกลางเมื่อ “เกิน 10%” หลังจากหักลบค่าธุรกรรมทางการเงินออกไป โดยกล่าวต่อว่า “การกำหนดดังกล่าวนี่เป็นการกำหนกฎระเบียบที่ชัดเจนที่สามารถรับประกันได้ว่า อัตราส่วนการลงทุนในงบประมาณหลักจะยังคงอยู่ในระดับสูงมาก และจะมีการลงทุนเพิ่มเติมจากกองทุนพิเศษ” เพิ่มขึ้นไปอีก
จาก Handelsblatt 16 มิถุนายน 2568