ส่งออกแคนาดาร่วงหนักในเดือนเมษายน 2568 ขาดดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์

มูลค่าส่งออกแคนาดาดิ่งลงอย่างรุนแรงในเดือนเมษายน 2568 ส่งผลให้ขาดดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากสหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าหลายรายการอย่างเข้มข้น ส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าจากแคนาดาอย่างกว้างขวาง โดยข้อมูลจากหน่วยงานสถิติแคนาดา (Statistics Canada) พบว่า มูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ลดลงถึง
ร้อยละ 15.7 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งการส่งออกที่ลดลงครอบคลุมเกือบทุกสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค และน้ำมันดิบ ขณะที่การนำเข้าจากสหรัฐฯ ก็ลดลงเช่นกันที่ระดับ
ร้อยละ 10.8

การหดตัวของมูลค่าการค้าทั้งสองประเทศนี้เกิดขึ้นหลังจากทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีศุลกากรชุดใหญ่ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา ครอบคลุมเหล็ก อลูมิเนียม ยานยนต์ และสินค้าที่ไม่ได้แหล่งกำเนิดภายใต้ความตกลง USMCA โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ยังได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากทั่วโลก ซึ่งรวมถึงแคนาดาที่มีการส่งออกเป็นร้อยละ 50

โครงสร้างเศรษฐกิจแคนาดาที่พึ่งพาการค้าเป็นหลัก โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ กำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก โดยธนาคาร Bank of Montreal (BMO) คาดว่าเศรษฐกิจแคนาดาจะเริ่มหดตัวในไตรมาสที่สอง ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายคาดว่าธนาคารกลางแคนาดาอาจจำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก แม้เพิ่งมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในสัปดาห์นี้ ที่ระดับร้อยละ 2.75

ในภาพรวมการส่งออกสินค้าทั้งหมดของแคนาดาไปทั่วโลก
ในเดือนเมษายน 2568 ลดลงร้อยละ 10.8 ในแง่ปริมาณการส่งออกก็ลดลงเช่นกันที่ร้อยละ 9.1 ขณะที่การนำเข้าลดลงร้อยละ 3.5 ส่งผลให้การขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นมหาศาลจาก 2.3 พันล้านเหรียญแคนาดาในเดือนมีนาคม 2568 เป็น 7.1 พันล้านเหรียญฯ ในเดือนเมษายน 2568 ถือเป็นระดับสูงสุดที่เคยมีการบันทึกไว้ ซึ่งนักวิเคราะห์จาก BMO กล่าวว่า ตัวเลขในครั้งนี้เลวร้ายกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้มาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักเมื่อพิจารณาจากแรงกดดันมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่มีมาตั้งแต่ต้นปี ที่ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกจากทั้งสองประเทศได้มีการเร่งการนำเข้าส่งออกในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้ตัวเลขการค้าในเดือนล่าสุดมีมูลค่าลดลง อย่างไรก็ตาม หากเจาะลึกในรายอุตสาหกรรม จากตัวเลขการค้าเดือนล่าสุดจะพบว่า ภาคยานยนต์ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยการส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ ลดลงถึงร้อยละ 17.4 เนื่องจากโรงงานในแคนาดาชะลอการผลิต
ภายหลังจากภาษีนำเข้าใหม่มีผลบังคับใช้เมื่อต้นเดือนเมษายน 2568 ในขณะที่การส่งออกน้ำมันดิบลดลงร้อยละ 11.7 จากราคาในตลาดโลกที่อ่อนตัวลง และเหตุผลจากการหยุดชั่วคราวของท่อส่งน้ำมันในสหรัฐฯ ในเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ค่าเงินเหรียญแคนาดาที่แข็งค่าขึ้นในเดือนเมษายนยังส่งผลให้มูลค่าการค้าสุทธิในรูปสกุลเงินแคนาดาลดลงอีกด้วย เนื่องจากธุรกรรมการค้าส่วนใหญ่ดำเนินการในสกุลเหรียญสหรัฐ

แม้ว่าแคนาดาเผชิญกับปัญหาการค้ากับสหรัฐฯ แต่แคนาดามียุทธศาสตร์กระจายความเสี่ยง (ทางการค้า) มากขึ้น โดยการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 โดยเฉพาะการส่งออกทองคำแท่งไปยังสหราชอาณาจักร เหล็กและข้าวสาลีไปแอลจีเรีย และปุ๋ย (แร่
โพแทช) ไปบราซิล การเปิดตลาดส่งออกและสินค้าใหม่ๆ แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการกระจายตลาด แม้ว่าตัวเลขยังต่ำกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.8 ของเดือนมีนาคม 2568

ในขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ จะพบว่าจากข้อมูลการค้าล่าสุด การนำเข้าจากทั่วโลกของสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 16 ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุด ขณะที่การส่งออกของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ส่งผลให้การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ลดลงจาก 138.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 61.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในเดือนเมษายน 2568 โดย นักวิเคราะห์ Moody’s Analytics เห็นว่ามาตรการภาษีไม่น่าจะช่วยลดดุลการค้าของสหรัฐฯ ได้อย่างยั่งยืน เว้นแต่จะมีการปรับโครงสร้างนโยบายเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะในด้านการคลัง

 

ความคิดเห็น สคต.

ผลกระทบสงครามการค้าระหว่างแคนาดากับสหรัฐ ได้เริ่มส่งผลต่อภาคการส่งออกในเดือนเมษายน 2568 ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา แคนาดาพึ่งพาการส่งออกหลักไปยังตลาดสหรัฐฯ เพียงตลาดเดียว
คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 75 ของการส่งออกทั้งหมด ซึ่งการมีปัญหาการค้ากับตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของแคนาดามีผลกระทบอย่างรุนแรงกับเศรษฐกิจแคนาดาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยในเดือนเมษายน 2568 แคนาดาขาดดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 7.1 พันล้านเหรียญแคนาดา ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าแคนาดาจะเข้าสู่การถดถอยทางเศรษฐกิจในครึ่งหลังปี 2568 ล่าสุด แคนาดาและสหรัฐฯ อยู่ระหว่างเจรจา ซึ่งนำทีมโดยนายกรัฐมนตรีแคนาดา นายมาร์ค คาร์นีย์ และประธานาธิบดีทรัมป์ และคณะรัฐมนตรีของสองฝ่าย โดยที่ไม่ได้รวมเม็กซิโกในการหารือดังกล่าว เพื่อร่างข้อตกลงความร่วมมือด้านการค้าและความมั่นคงระหว่างแคนาดา–สหรัฐฯ ภายใต้สถานการณ์ความตึงเครียดด้านภาษีการค้า โดยข้อตกลงที่อยู่ระหว่างเจรจาครอบคลุมหลายประเด็น เช่น ยานยนต์ เหล็ก อลูมิเนียม การเพิ่มการเข้าถึง critical mineral ในแคนาดาของสหรัฐฯ บทบาทของแคนาดาในอาร์คติก การผลักดันให้แคนาดาเพิ่มงบประมาณในการป้องกันประเทศ และการควบคุมปัญหายาเสพติดข้ามพรมแดน ซึ่งล่าสุด นาย Pete Hoekstra เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำแคนาดา เห็นว่าสองน่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากันได้ภายในเดือนกันยายน 2568 หรือก่อนหน้านั้น โดยหนึ่งในเงื่อนไขของข้อตกลงคือ แคนาดาจะร่วมมือกับสหรัฐฯ ในฐานะพันธมิตร เพื่อป้องกันและรับมือกับภัยคุกคามทางการค้าจากจีน

โปรดติดตามความเคลื่อนไหวในการค้าระหว่างประเทศผ่าน ช่องทางต่างๆ ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ www.ditp.go.th และ www.thaitrade.com หรือโทรปรึกษาเรื่องการค้าระหว่างประเทศที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โทร. 1169 (หากโทรจากต่างประเทศ โปรดติดต่อที่ โทร. +66 2792 6900)

*****************************************

thThai