ผู้บริโภคฝรั่งเศสมีความภักดีต่อแบรนด์สูงที่สุดในทวีปยุโรป

บริษัท BCG- Boston Consulting Group ได้ทำการสำรวจตลาดผู้บริโภคประจำปี 2025 จากจำนวนผู้บริโภค 16,000 รายใน 9 ประเทศทั่วทวีปยุโรป พบว่าชาวฝรั่งเศสมีพฤติกรรมการบริโภคที่แตกต่างจากผู้บริโภคในประเทศอื่น ๆ หลายด้าน     โดยผู้บริโภคฝรั่งเศสมีความระมัดระวังในการจับจ่ายสินค้าและแสดงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ แต่กลับมีระดับความภักดีต่อแบรนด์สูงที่สุด และยังคงให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักมากกว่าสินค้า  house brand

ข้อมูลจากบริษัท BCG แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคฝรั่งเศสที่ระบุว่า “ไม่เคย” หรือ “แทบจะไม่เคย” ซื้อสินค้าที่มาจากแบรนด์ที่ไม่เป็นที่รู้จักเลยมีสัดส่วนสูงกว่าค่าเฉลี่ยโดยส่วนใหญ่ของผู้บริโภคในทวีปยุโรป  โดยผู้บริโภคฝรั่งเศสให้ความสำคัญต่อการเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด     ซึ่งประเภทของสินค้าที่แบรนด์มีอิทธิพลสูงสุดต่อการตัดสินใจซื้อ 3 อันดับแรก ได้แก่  ผลิตภัณฑ์ยาที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์   สินค้าเครื่องเรือน และผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสุขอนามัย   

ผู้บริโภคฝรั่งเศสมีความภักดีต่อแบรนด์สูงที่สุดในทวีปยุโรป

ข้อมูลจากบริษัท BCG จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 2-21 เมษายน 2568

นาง Sophie Gebel ผู้อำนวยการบริษัท BCG กล่าวว่าผลจากการตอบแบบสอบถาม    ผู้บริโภคฝรั่งเศส  1 ใน 3  แสดงความเห็นว่าสินค้าที่มีแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทใดล้วนแล้วแต่มีคุณภาพดีกว่าสินค้าที่เป็น house brand  โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสุขอนามัย  สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า  ผลิตภัณฑ์ยาและเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์   ส่งผลให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักมากกว่าซื้อสินค้า house Brand

ในขณะที่สินค้าอาหารแห้งที่เป็น house brand ยังมีโอกาสในตลาดสูงกว่าสินค้าประเภทอื่นๆ  เนื่องจากปริมาณผู้บริโภคในทวีปยุโรปและฝรั่งเศสที่ปฏิเสธการซื้อสินค้าอาหารแห้งที่เป็น house brand มีระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับสินค้าประเภทอื่น   เนื่องมาจากราคามีส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก และสินค้า house brand โดยส่วนใหญ่มีราคาต่ำว่าราคาสินค้าแบรนด์ที่มีชื่อเสียง

แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันจะสร้างความกังวลส่งผลให้ผู้บริโภคชาวฝรั่งเศสเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น    แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่ตนเองคุ้นเคยและใช้เป็นประจำ แทนการเลือกซื้อสินค้าประเภทเดียวกันจากแบรนด์คู่แข่งที่เน้นกลยุทธ์ด้านราคา สะท้อนให้เห็นถึงระดับความภักดีต่อแบรนด์ของผู้บริโภคชาวฝรั่งเศส ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าผู้บริโภคในประเทศอื่น ๆ ทั่วทวีปยุโรป

ทั้งนี้ ด้วยพื้นฐานนิสัยที่รอบคอบและระมัดระวังในการใช้จ่าย  ผู้บริโภคฝรั่งเศสมีความกังวลต่อการบริโภคในระดับสูงถึงร้อยละ 70 ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในยุโรปมีระดับความกังวลอยู่ที่เพียงร้อยละ 54 เท่านั้น โดยในอนาคตอันใกล้    ผู้บริโภคฝรั่งเศสส่วนใหญ่แสดงความเห็นว่าจำเป็นต้องลดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย และเลือกบริโภคเฉพาะสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น       แนวโน้มดังกล่าวเริ่มเห็นได้อย่างชัดเจนจากพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่เปลี่ยนไป เช่น ยอดขายของผักและผลไม้สดที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ยอดขายของอาหารสำเร็จรูปกลับลดลง ซึ่งเป็นรูปแบบการบริโภคที่คล้ายคลึงกับช่วงหลังสถานการณ์โควิด

ในอนาคตอันใกล้ สินค้าหลายประเภทที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ระมัดระวังของผู้บริโภค ได้แก่ สินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย (ยกเว้นเสื้อผ้ามือสอง), อาหารว่าง, ของเล่น, เครื่องดื่มทั้งที่มีและไม่มีแอลกอฮอล์ รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมความงามและสุขอนามัย

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรเร่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ ไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มสินค้าใดก็ตาม โดยจำเป็นต้องรักษาความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ผ่านการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อคงระดับราคาที่ผู้บริโภคยอมรับได้     นอกจากนี้ ผู้ประกอบการควรเตรียมความพร้อมรับโอกาสใหม่อยู่เสมอ ด้วยการนำนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจในระยะยาว

ความเห็นสคต.

จากข้อมูลของสถาบันสถิติและเศรษฐศาสตร์แห่งชาติฝรั่งเศส (INSEE) เศรษฐกิจฝรั่งเศสในไตรมาสแรกของปี 2025 ขยายตัวเพียงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.1 โดยหนึ่งในปัจจัยหลักมาจากการบริโภคภาคครัวเรือนที่หดตัวลงร้อยละ 0.2 หลังจากที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2024 สะท้อนให้เห็นถึงความระมัดระวังในการใช้จ่ายของผู้บริโภคฝรั่งเศสที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสินค้าหลายประเภทตามที่ได้กล่าวไว้ในเนื้อหาข้างต้น

ในขณะเดียวกัน การส่งออกของฝรั่งเศสในไตรมาสเดียวกันลดลงร้อยละ 1.8 โดยกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือสินค้าวัตถุดิบที่ใช้ในหมวดหมู่ยานพาหนะ และสินค้าเคมีภัณฑ์ ตรงกันข้ามกับการนำเข้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าพลังงานทั้งก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้า

สำหรับการนำเข้าสินค้าจากไทยในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2025 ภาพรวมยังคงใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า    ยกเว้นในกลุ่มสินค้าหมวดไข่มุกธรรมชาติ ไข่มุกเลี้ยง รัตนชาติ และกึ่งรัตนชาติฯลฯ (ตามพิกัดศุลกากร HS 71) ที่มีการนำเข้าลดลงร้อยละ 22.69    อย่างไรก็ตาม ระดับการนำเข้าและส่งออกอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งทางสคต. ณ กรุงปารีส จะติดตามและรายงานความคืบหน้าให้ทราบในโอกาสต่อไป

ที่มาของข่าว

Clotilde Briard

ข้อมูลจาก Les Echos

https://www.lesechos.fr/industrie-services/conso-distribution/les-francais-consommateurs-les-plus-fideles-des-grandes-marques-en-europe-2169790

thThai