กระทรวงการลงทุนและการค้าต่างประเทศของอียิปต์ ร่วมกับกระทรวงการคลัง ได้ประกาศเปิดตัว โครงการคืนเงินอุดหนุนการส่งออกฉบับใหม่ (Egypt’s new export subsidy rebate program for the fiscal year 2025/2026) สำหรับปีงบประมาณ 2568-2569
โครงการใหม่นี้ได้ เพิ่มงบประมาณรวมเป็น 4.5 หมื่นล้านปอนด์อียิปต์ (เทียบเท่าประมาณ 948 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน) โดยแบ่งเป็น 3.8 หมื่นล้านปอนด์อียิปต์สำหรับการจัดสรรให้กับภาคการส่งออกที่มีลำดับความสำคัญ และอีก 7 พันล้านปอนด์อียิปต์จะถูกกันไว้เป็นกองทุนยืดหยุ่น เพื่อรองรับความต้องการและโอกาสที่เกิดขึ้นใหม่
หลักเกณฑ์การจัดสรรเงินและเกณฑ์คุณสมบัติ
เพื่อความเป็นธรรมและประสิทธิภาพในการกระจายเงินทุน รัฐบาลได้พัฒนารูปแบบทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดสรรเงินให้กับสภาผู้ส่งออกต่าง ๆ โดยพิจารณาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่:
- มูลค่าเพิ่มจากการส่งออก (50%)
- อัตราการเติบโตของการส่งออก (30%)
- กำลังการผลิต (10%)
- ระดับการจ้างงาน (10%)
โครงการใหม่นี้ยังได้นำระบบการจัดลำดับชั้นคุณสมบัติมาใช้ โดยพิจารณาจากทั้ง เกณฑ์หลัก และ เกณฑ์เพิ่มเติม
- เกณฑ์หลัก ประกอบด้วยมูลค่าการส่งออกทั้งหมดและมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์
- เกณฑ์เพิ่มเติม สะท้อนวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้นสำหรับการพัฒนาการส่งออก ครอบคลุมด้านต่าง ๆ เช่น การเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ, การเจาะตลาดเชิงกลยุทธ์, การสนับสนุนการสร้าง แบรนด์, การปรับปรุงด้านโลจิสติกส์, สิ่งจูงใจทางภูมิศาสตร์, การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม และประสิทธิภาพด้านพลังงาน ปัจจัยเพิ่มเติมเหล่านี้จะถูกพิจารณาอย่างเหมาะสม เพื่อให้แต่ละภาคส่วนได้รับประโยชน์ในลักษณะที่ตรงกับความต้องการและความท้าทายเฉพาะของตน
อุตสาหกรรมที่ได้รับการสนับสนุน:
โครงการคืนเงินอุดหนุนการส่งออกฉบับใหม่นี้ มุ่งเน้นการสนับสนุนภาคส่วนสำคัญหลายภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและการแข่งขันในตลาดโลก:
- อุตสาหกรรมวิศวกรรมและเคมีภัณฑ์: กองทุนยืดหยุ่นมูลค่า 7 พันล้านปอนด์อียิปต์ จะมุ่งเป้าไปที่ผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพการส่งออกสูงในภาคส่วนเหล่านี้ โดยนำเสนอแผนการจูงใจตามความซับซ้อนทางเศรษฐกิจของสินค้า
- ภาคการส่งออกหลักอื่น ๆ ที่ได้รับการสนับสนุน: รัฐบาลได้จัดการหารืออย่างกว้างขวางกับสภาผู้ส่งออก 13 แห่ง ซึ่งแสดงถึงความหลากหลายของอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ แม้ไม่ได้ระบุชื่อทุกอุตสาหกรรมในข่าวนี้ แต่ข้อมูลจากแหล่งอื่น ๆ (เช่น การอนุมัติของคณะรัฐมนตรีสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญ) ว่าอุตสาหกรรมที่ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่:
- ยาและเวชภัณฑ์
- อาหาร
- เสื้อผ้าสำเร็จรูปและสิ่งทอ
- เฟอร์นิเจอร์
- วัสดุก่อสร้างและโลหะ
- เกษตรกรรม
- การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์
- เครื่องใช้ภายในบ้าน
- เครื่องหนัง
- หัตถกรรม
กองทุนยืดหยุ่นยังมุ่งเป้าเพื่อดึงดูดบริษัทต่างชาติเข้าสู่ตลาดอียิปต์, สนับสนุนผู้ส่งออกชั้นนำ และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกระยะยาว
ข้อดีของโครงการใหม่และการชำระเงิน
ข้อดีที่สำคัญของโครงการใหม่นี้ ได้แก่ การขยายเงินทุน, ความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้น และลักษณะที่ครอบคลุม โดยรองรับบริษัททุกขนาด มีมาตรฐานคุณสมบัติที่ชัดเจน และกำหนดระยะเวลาการเบิกจ่ายที่รวดเร็ว ที่สำคัญคือ รับประกันการชำระเงินภายใน 90 วัน โดยไม่มีการหักภาษีค้างจ่าย ซึ่งถือเป็นการปรับปรุงที่โดดเด่นในด้านความโปร่งใสและความเชื่อมั่นของผู้ส่งออก
สำหรับโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ในปีงบประมาณ 2567-2568 ซึ่งมีงบประมาณ 2.3 หมื่นล้านปอนด์อียิปต์ รัฐบาลได้ยืนยันที่จะปฏิบัติตามการจัดสรรที่ได้รับการอนุมัติอย่างเต็มที่ โดยไม่มีการใช้มาตรการย้อนหลัง การเบิกจ่ายภายใต้รอบนี้ได้ดำเนินการภายใน 90 วันเป็นครั้งแรก และการชำระเงินสำหรับผู้ส่งออกชุดแรกที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ได้รับการดำเนินการเต็มจำนวน โดยไม่มีการหักลดหย่อนที่เกี่ยวข้องกับภาษี
การจัดการหนี้ค้างชำระและการปฏิรูปเศรษฐกิจ
ในส่วนของหนี้ค้างชำระที่มีมานานกว่า 6 หมื่นล้านปอนด์อียิปต์สำหรับการส่งออกก่อนเดือนกรกฎาคม 2567 ได้มีการกำหนดกลไกการชำระหนี้ โดยครึ่งหนึ่งของยอดค้างชำระ (ประมาณ 3 หมื่นล้านปอนด์อียิปต์) จะชำระเป็นเงินสดให้กับบริษัทผู้ส่งออกภายในระยะเวลา 4 ปี ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือจะชำระโดยการหักลบกลบหนี้กับภาระผูกพันของผู้ส่งออกที่มีต่อหน่วยงานของรัฐ เช่น หน่วยงานสรรพากร ศุลกากร ผู้ให้บริการไฟฟ้าและก๊าซ และกองทุนประกันสังคม
ในแถลงการณ์ร่วมของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน นายฮัสซัน เอล-คาติบ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอาเหม็ด คูชุก ได้เน้นย้ำว่าโครงการคืนเงินใหม่นี้ได้รับการจัดทำขึ้นผ่านการหารืออย่างกว้างขวางกับสภาผู้ส่งออก รัฐบาลได้จัดการประชุมหลายครั้งกับสภาภาคส่วน 13 แห่ง เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะและทำความเข้าใจความท้าทายเฉพาะที่เผชิญภายใต้โครงการฉบับก่อนหน้า ด้วยเหตุนี้ กรอบการทำงานปี 2568-2569 จึงสะท้อนถึงการออกแบบที่ปรับแต่งและตอบสนองได้ดีขึ้น ซึ่งปรับให้เข้ากับลำดับความสำคัญและสถานการณ์จริงของแต่ละภาคส่วน เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนของอียิปต์ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงนโยบายการเงินที่สนับสนุน อัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่น การลดหย่อนภาษี การลดภาระทางการเงินที่ไม่ใช่ภาษี การปรับปรุงขั้นตอนศุลกากร และการปฏิรูปการอำนวยความสะดวกทางการค้า 29 รายการ
รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ได้ยืนยันว่าได้มีการจัดสรรงบประมาณ 4.5 หมื่นล้านปอนด์อียิปต์ ในงบประมาณปีงบประมาณที่จะมาถึง เพื่อสนับสนุนแผนเงินอุดหนุนการส่งออกนี้ ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นของรัฐในการเป็นพันธมิตรที่ลึกซึ้งและมีประสิทธิภาพกับภาคธุรกิจ
นับตั้งแต่ปี 2562 ถึง 2567 มีการจ่ายเงินรวมกว่า 7 หมื่นล้านปอนด์อียิปต์ ให้กับบริษัทผู้ส่งออกมากกว่า 2,800 แห่ง และเป็นครั้งแรกที่หนี้ค้างชำระของผู้ส่งออกสำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน ได้รับการชำระภายในระยะเวลา 90 วันตามที่สัญญาไว้
ความเห็น/ข้อเสนอแนะ
- ผลกระทบต่อการค้าระหว่างไทย-อียิปต์ โครงการนี้มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อการค้าของไทยในสองมิติหลัก คือ (1) การส่งออกของไทยไปยังอียิปต์: สินค้าอียิปต์ที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของโครงการนี้ (เช่น เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนยานยนต์) จะมีราคาถูกลงและแข่งขันได้ดีขึ้นในตลาดอียิปต์เอง ซึ่งอาจทำให้สินค้าไทยประเภทเดียวกันที่ส่งออกไปอียิปต์ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และอาจสูญเสียส่วนแบ่งตลาดได้ และ (2) การแข่งขันในตลาดที่สาม: สินค้าส่งออกของอียิปต์จะมีราคาที่แข่งขันได้มากขึ้นในตลาดโลกโดยรวม ซึ่งหมายความว่าสินค้าไทยที่แข่งขันกับสินค้าอียิปต์ในตลาดอื่นๆ (เช่น ในแอฟริกา ยุโรป หรือตะวันออกกลาง) จะต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านราคาที่สูงขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้าในกลุ่มที่คาบเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของอียิปต์ควรเตรียมพร้อมรับมือกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ทั้งในตลาดอียิปต์และตลาดโลก
- ความสอดคล้องกับกฎขององค์การการค้าโลก (WTO) ประเด็นนี้มีความซับซ้อนและเป็นความท้าทายที่สำคัญของโครงการนี้ ได้แก่ (1) ข้อตกลงว่าด้วยการอุดหนุนและมาตรการตอบโต้ (Agreement on Subsidies and Countervailing Measures – ASCM): โดยทั่วไปแล้ว WTO ห้ามการให้เงินอุดหนุนที่ผูกกับการส่งออกโดยตรง (Export Subsidies) สำหรับประเทศพัฒนาแล้ว อย่างไรก็ตาม ประเทศกำลังพัฒนาอย่างอียิปต์อาจได้รับความยืดหยุ่นบางประการ (2) ลักษณะของ “เงินคืน” (Rebate): หาก “เงินคืน” ที่อียิปต์ให้นั้นเป็นเพียงการคืนภาษีหรืออากรขาเข้าสำหรับวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก (Duty Drawback) ก็จะถือว่าสอดคล้องกับกฎของ WTO แต่หากเงินคืนที่ให้มีมูลค่าสูงกว่าภาษีที่จ่ายไปจริง จะเข้าข่ายเป็นการอุดหนุนการส่งออกที่ผิดกฎ และ (3) เงื่อนไขการใช้วัตถุดิบในประเทศ (Local Content Requirement): การกำหนดเงื่อนไขให้การอุดหนุนผูกกับการใช้วัตถุดิบในประเทศอาจขัดต่อหลักการของ WTO (Subsidies contingent upon the use of domestic over imported goods) ซึ่งห้ามการปฏิบัติต่อสินค้านำเข้าด้อยกว่าสินค้าในประเทศ โดยสรุป โครงการของอียิปต์มีความเสี่ยงที่จะถูกมองว่าเป็นการอุดหนุนการส่งออกที่ไม่สอดคล้องกับกฎของ WTO โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงื่อนไขที่ผูกกับการส่งออกและการใช้วัตถุดิบในประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกประเทศสมาชิก WTO อื่นๆ ใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้า (เช่น การเรียกเก็บอากรตอบโต้การอุดหนุน – Countervailing Duties) ต่อสินค้าส่งออกของอียิปต์ได้ในอนาคต
- ข้อเสนอแนะ โครงการนี้ถือเป็นความท้าทายที่ต้องจับตามอง ผู้ส่งออกไทย โดยเฉพาะในกลุ่มเคมีภัณฑ์และชิ้นส่วนยานยนต์ อาจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นทั้งในตลาดอียิปต์และตลาดโลก ผู้ประกอบการไทยควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ประเมินผลกระทบต่อธุรกิจของตน และพิจารณากลยุทธ์ในการรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น การลดต้นทุน การเพิ่มนวัตกรรม หรือการหาตลาดใหม่
——————————————————-
ที่มา https://www.dailynewsegypt.com/2025/06/03/egypt-unveils-comprehensive-new-export-rebate-programme/