หวัง หนิง เจ้าของ Pop Mart กลายเป็นมหาเศรษฐีระดับโลก

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2568 หวัง หนิง ผู้ก่อตั้งบริษัทอาร์ตทอย Pop Mart กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวย   ที่สุดในมณฑลเหอหนาน ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 20,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และในวันถัดมา มูลค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 20,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามการจัดอันดับรายชื่อมหาเศรษฐีแบบ Real-time ของนิตยสาร Forbes โดย หวัง หนิง อยู่อันดับ 10 ของจีน และอันดับ 101 ของโลก

หวัง หนิง กล่าวในรายงานประจำปีของบริษัทว่า ปี 2568 คือ “ปีแห่งตุ๊กตา Labubu” โดยยอดขายปลีกของสินค้าอาร์ตทอยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1,289 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 21.7 ของรายได้รวมทั้งหมดของ Pop Mart ทำให้กลายเป็นสินค้าขายดีประจำปีที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้บริโภคอย่างมาก

จุดกำเนิดของ Pop Mart และ Labubu

Pop Mart ก่อตั้งขึ้นในปี 2553 โดยหวัง หนิง เริ่มแรก Pop Mart เป็นร้านขายของขวัญและสินค้าไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย แต่หวัง หนิง ก็พบว่าการบริหารจัดการสินค้าหลากหลายประเภทเป็นเรื่องที่ท้าทาย และยอดขายก็ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

จุดเปลี่ยนสำคัญของ Pop Mart เกิดขึ้นในปี 2557 เมื่อหวัง หนิง ตัดสินใจปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่โดย  ลดการจำหน่ายสินค้าประเภทอื่น ๆ และหันมามุ่งเน้นการจำหน่ายอาร์ตทอยเท่านั้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของร้าน นอกจากนี้ เขายังเริ่มเข้าหานักออกแบบและศิลปินเพื่อพัฒนาหุ่นฟิกเกอร์ให้กับแบรนด์ของเขา

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ Pop Mart เริ่มประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดในปี 2559 โดย เฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดังอย่าง เคนนี่ หว่อง จากฮ่องกง ซึ่งได้สร้าง IP (Intellectual Property หรือ ทรัพย์สินทางปัญญา) Molly ที่กลายเป็นที่นิยมอย่างมาก

Pop Mart ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการนำเสนอกล่องสุ่ม ซึ่งเป็นรูปแบบการขายที่ผู้ซื้อจะไม่รู้ว่าได้ IP ตัวไหนจนกว่าจะเปิดกล่อง ซึ่งสร้างความตื่นเต้นและกระตุ้นให้ผู้คนอยากสะสมให้ครบชุด การตลาดแบบนี้ทำให้ Pop Mart กลายเป็นปรากฏการณ์ในหมู่ผู้ชื่นชอบของเล่นสะสมทั่วโลก และขยายสาขาไปต่าง ประเทศอย่างรวดเร็ว

 

หวัง หนิง เจ้าของ Pop Mart กลายเป็นมหาเศรษฐีระดับโลก

( ภาพและแหล่งที่มา : The Toy Chronicle )

 

เมื่อคนไทยพูดถึง Pop Mart ทุกคนมักจะนึกถึง Labubu เป็นอย่างแรก เพราะเป็น IP ที่โด่งดังและเป็นหนึ่งใน IP หลักที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของ Pop Mart ซึ่ง Labubu ถูกสร้างขึ้นโดย คาซิง ลัง ศิลปินชาวฮ่องกงที่เติบโตในประเทศเนเธอร์แลนด์ในปี 2558 โดยเป็นส่วนหนึ่งของชุดเรื่องราวของเขาที่ชื่อว่า The Monsters และแรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครเหล่านี้มาจากนิทานพื้นบ้านและตำนานนอร์ดิคที่เขาชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก Labubu เป็นเอลฟ์ที่มีลักษณะโดดเด่นคือ หูแหลม ฟันซี่เล็กๆ ที่แหลมคม และรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ในเรื่องราวต้นฉบับ Labubu ถูกระบุว่าเป็นเด็กผู้หญิง

 

หวัง หนิง เจ้าของ Pop Mart กลายเป็นมหาเศรษฐีระดับโลก

( ภาพและแหล่งที่มา : Shining Awards )

ปัจจุบัน Labubu สร้างรายได้จำนวนมหาศาลให้กับ Pop Mart และยังคงเป็นที่ชื่นชอบของผู้ซื้อจากทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่คนดังหลายคน รวมถึง ลิซ่า LISA วง Blackpink ที่เคยถ่ายรูปคู่กับ Labubu ซึ่งทำให้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ในขณะเดียวกัน ชาวจีนจำนวนมากกำลังเผชิญหน้ากับเศรษฐกิจที่ซบเซาและวัฒนธรรมการทำงานแบบ 996 ที่บังคับให้พนักงานต้องทำงานตั้งแต่ 9.00 น. ถึง    21.00 น. เป็นเวลา 6 วันต่อสัปดาห์ แต่ตุ๊กตา Labubu ทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นเพราะมีรอยยิ้มที่น่ารักและบุคลิกที่น่าเอ็นดู

นักวิเคราะห์ของบริษัททางการเงินระดับโลกอย่าง Morgan Stanley ชี้ให้เห็นว่าการอวดตุ๊กตา Labubu มีศักยภาพอย่างมากในการสร้างกระแส และช่วยให้ Pop Mart ดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ได้มากขึ้นและขยายตลาดได้อย่างมีศักยภาพ ดังนั้นเทรนด์การอวดตุ๊กตา Labubu ทำให้ Pop Mart สามารถครองกลุ่มผู้ซื้อโดยในกลุ่มวัยรุ่น Gen Z หรือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2538 – 2552 เนื่องจากพวกเขามีพฤติกรรมที่ให้ความสำคัญกับการแสดงออกทางตัวตนและความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พวกเขานิยมแบ่งปันเรื่องราวหรือสิ่งของที่สะท้อนรสนิยมส่วนบุคคลผ่านโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นการสะสม การจัดวาง หรือถ่ายภาพตุ๊กตา และการที่ Pop Mart ปรับกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ซื้อกลุ่มนี้ ช่วยสร้างความผูกพันทางอารมณ์ระหว่างแบรนด์กับผู้ซื้อ และทำให้ผู้ซื้ออยากกลับมาซื้ออีกครั้ง

หวัง หนิง เจ้าของ Pop Mart กลายเป็นมหาเศรษฐีระดับโลก

( ภาพและแหล่งที่มา : Thairaith )

ความสำเร็จของ Pop Mart แสดงให้เห็นถึงแนวคิดของการซื้อสินค้าแบบใหม่ของกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ในปัจจุบัน เพราะพวกเขาพร้อมที่จะใช้เงินเพื่อซื้อของที่มีความสวยความงาม โดยเน้นไปที่คุณค่าทางอารมณ์และความพึงพอใจส่วนตัว

 

กลยุทธการตลาดของ Pop Mart

เบื้องหลังความสำเร็จของ Pop Mart คือกลยุทธ์การเซ็นสัญญากับนักออกแบบกว่า 350 รายทั่วโลก เพื่อคัดเลือกผลงานที่มีศักยภาพผ่านนิทรรศการของเล่นและชุมชนศิลปะร่วมสมัย พร้อมทั้งนำข้อมูลพฤติกรรมของผู้ซื้อมาวิเคราะห์และนำไปพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง

ไฉ่ ฉู่ยิน ประธานบริษัท Pop Mart ประเทศจีน เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา บริษัทได้เปลี่ยนวิธีการประเมินผลจากเดิมที่เน้นประเภทสินค้ามาเป็นการให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้ามากขึ้น ทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เช่น การวิเคราะห์ช่วงเวลาที่ลูกค้าเข้าร้าน ระยะเวลาที่ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าและจำนวนลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น วิธีนี้ช่วยให้บริษัทเข้าใจภาพรวมการทำงานของแต่ละสาขาได้ชัดเจนและแม่นยำมากขึ้น

นอกจากนี้ Pop Mart ยังใช้ข้อมูล เช่น รายได้ของเฉลี่ยต่อของลูกค้า ระยะเวลาการเลือกซื้องานสินค้า และประเภทสินค้าที่ลูกค้านิยม เพื่อพัฒนาระบบทั้งการขายออฟไลน์และออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และในขณะเดียวกัน บริษัทก็ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้าในขั้นตอนการซื้อ-ขาย ด้วยการสร้างระบบสมาชิกที่แข็งแรง ส่งเสริมการซื้อซ้ำ และออกแบบกลยุทธ์ที่เน้นผู้ซื้อเป็นศูนย์กลาง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ Pop Mart ประสบความสำเร็จและเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

 

ความคิด/ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู

หวัง หนิง เจ้าของ Pop Mart กลายเป็นมหาเศรษฐีระดับโลก

( ภาพและแหล่งที่มา : Bangkok Post )

ข้อมูลจากรายงานของ Global Times ระบุว่า กระแสการเติบโตของตลาดอาร์ตทอยในจีนมีมูลค่ากว่า 40,000 ล้านหยวนในปี 2567 และคาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอัตราเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ10 ต่อปี สะท้อนถึงโอกาสสำคัญสำหรับประเทศไทยในการส่งเสริมการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะและ IP ที่มีเอกลักษณ์เพื่อเจาะตลาดดังกล่าว หนึ่งในตัวอย่างสำคัญของศิลปินไทยที่ประสบความสำเร็จในตลาดต่างประเทศ คือ IP น้องมะม่วง ของคุณวิศุทธิ์ พรนิมิตร ซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มแฟนคลับชาวจีนเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ตลาดอาร์ตทอยในจีนมีการแข่งขันสูง โดยมีแบรนด์ชั้นนำอย่าง Pop Mart และ Top Toy ที่ครองส่วนแบ่งตลาดและมีระบบบริหารจัดการ IP ที่เข้มแข็ง ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคจีนก็มีพฤติกรรมการเลือกซื้อที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วตามกระแส ด้วยเหตุนี้ เพื่อเข้าสู่ตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ประกอบการไทยจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการสร้างเรื่องราวที่น่าสนใจ การออกแบบที่เชื่อมโยงกับรสนิยมของผู้บริโภคจีน รวมถึงการทำตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลที่คนรุ่นใหม่ใช้งาน เช่น RedNote, Bilibili และ WeChat เพื่อสร้างการรับรู้ กระตุ้นความผูกพัน และผลักดันให้ผลงานไทยเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง

———————————–

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู

มิถุนายน 2568

แหล่งข้อมูล:

Global Times

https://www.globaltimes.cn/page/202505/1334456.shtml

https://mp.weixin.qq.com/s/4QlVEfDfGQubgYj0zEzY9g

https://mp.weixin.qq.com/s/hOOxjMr_Vx8BMmlmTNu7FA

https://mp.weixin.qq.com/s/2QR0_Xk7qv1qv5dNfV21Nw

thThai