การใช้จ่ายของผู้บริโภคในสาธารณรัฐเช็กยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 อิงจากข้อมูลล่าสุดของเว็ปไซต์ Czech daily ได้เผยว่าช่วงเดือนเมษายน 2025 ยอดการขายปลีก (Retail sale) พุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 5.8 จากอัตราการเติบโตในเดือนมีนาคมที่ร้อยละ 3.9 (+1.9%) โดยเฉพาะสินค้าจำพวกน้ำมันเชื้อเพลิง สินค้าออนไลน์ (e-commerce) และอาหาร โดยแนวโน้มพฤฒิกรรมของผู้บริโภคชาวเช็กนิยมจับจ่ายใช้สอยในช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากยอดขายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11 ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสุขภาพก็เติบโตในระดับใกล้เคียงกัน ด้านการใช้จ่ายในหมวดวัฒนธรรม กีฬา และกิจกรรมนันทนาการ ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญประมาณร้อยละ 7 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการกลับมาใช้ชีวิตอย่างเต็มรูปแบบหลังสถานการณ์โควิด-19 นอกจากนี้ ภาคส่วนยานยนต์ ก็แสดงสัญญาณเชิงบวกเช่นกัน โดยยอดขายและการซ่อมรถยนต์เติบโตขึ้นร้อยละ 4.8 จากปีก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3 (+1.8%) ทั้งนี้ Mr. Martin Kron นักวิเคราะห์จาก Raiffeisen bank ให้ความเห็นว่าการเติบโตของการใช้จ่ายผู้บริโภคในครั้งนี้มาจากปัจจัยสนับสนุนหลัก ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกำลังซื้อสะสม (pent-up demand) จากช่วงก่อนหน้า แม้ว่าอัตราการว่างงานจะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการบริโภคโดยรวม และที่สำคัญตัวเลขการเติบโตดังกล่าวสะท้อน ‘real growth’ หรือการเติบโตเชิงปริมาณที่แท้จริง โดยคำนวณจากราคาคงที่ (constant prices) ซึ่งหมายความว่า ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเกิดจากจำนวนการซื้อจริง ไม่ใช่ผลจากเงินเฟ้อ
ข้อคิดเห็น/เสนอแนะของ สคต.
เมื่อพิจารณาโดยรวม แนวโน้มเศรษฐกิจของเช็กในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 อยู่ในเกณฑ์แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในภาคค้าปลีกซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ในขณะที่ภาคการผลิตและส่งออกยังอยู่ระหว่างการฟื้นตัว ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าหากแรงสนับสนุนจากฝั่งผู้บริโภคยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจเช็กมีโอกาสเติบโตได้สูงกว่าการคาดการณ์เดิมของตลาดในปีนี้ โดยพฤติกรรมการจับจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตลอดจนการเติบโตในกลุ่มสินค้าความงาม สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และยานยนต์ สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางการตลาดของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะสินค้าเครื่องสำอางจากธรรมชาติ สมุนไพร และผลิตภัณฑ์สปาไทย ซึ่งเป็นสินค้าที่มีศักยภาพในตลาดนี้ ประกอบกับผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญกับการทำการตลาดและการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งกลายเป็นพฤติกรรมหลักของผู้บริโภคในยุโรปกลางในปัจจุบัน พร้อมทั้งศึกษากฎระเบียบทางการค้าและแนวโน้มตลาดในสหภาพยุโรปอย่างใกล้ชิด เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป