ภาพรวมกาแฟปี 2024/25
การผลิตกาแฟทั่วโลกสำหรับปี 2024/25 คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 6.9 ล้านกระสอบ (ขนาด 60 กิโลกรัม) จากปีที่แล้วเป็น 174.9 ล้านกระสอบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของผลผลิตในเวียดนามและอินโดนีเซีย การส่งออกทั่วโลกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากการเพิ่มขึ้นในเวียดนามและอินโดนีเซียสามารถชดเชยปริมาณการส่งออกที่ลดลงจากบราซิลได้ การบริโภคทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.1 ล้านกระสอบเป็น 168.1 ล้านกระสอบ โดยบริโภคเพิ่มขึ้นมากที่สุดในสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และจีน สต็อกปลายปีคาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านกระสอบเหลือ 20.9 ล้านกระสอบ
การบริโภคกาแฟในจีน
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การบริโภคกาแฟของจีนพุ่งสูงขึ้นเกือบ 150% และคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 6.3 ล้านกระสอบ (ขนาด 60 กิโลกรัม) ในปี 2024/25 ในขณะที่ผลผลิตภายในประเทศยังคงอยู่ที่ประมาณ 2.0 ล้านกระสอบในช่วงเวลาเดียวกัน ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจึงถูกเติมเต็มด้วยการนำเข้าเมล็ดกาแฟจากประเทศผู้ส่งออกอื่นๆ ในช่วงเริ่มต้นของทศวรรษนี้ กาแฟสำเร็จรูปคุณภาพต่ำกว่าครองส่วนแบ่งการตลาด แต่ปัจจุบันกาแฟดิบคุณภาพสูงคิดเป็นกว่า 60% ของการนำเข้าทั้งหมด
แม้ว่าชาจะยังคงเป็นเครื่องดื่มหลักของจีน แต่การบริโภคกาแฟกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำงานในเขตเมือง ซึ่งมีแนวโน้มที่จะซื้อกาแฟนอกบ้านมากขึ้น ร้านค้าปลีกกาแฟกระจุกตัวอยู่ในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว และเซินเจิ้น แต่ก็เริ่มเพิ่มขึ้นในเมืองหลักอื่นๆ เช่น เฉิงตู หางโจว ซูโจว และฉงชิ่ง ตลาดเหล่านี้ในช่วงแรกถูกครองโดยบริษัทต่างชาติที่เข้ามาหลังจากการเปิดเสรีทางการค้าในช่วงต้นทศวรรษ 2000 แต่เครือข่ายร้านค้าปลีกในจีนได้ขยายตัวอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวโน้มนี้ได้รับแรงหนุนจากการซื้อสินค้าทางออนไลน์ไม่ว่าจะรับสินค้าหน้าร้านหรือจัดส่ง ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาณการขายและลดต้นทุน สิ่งนี้ยิ่งกระตุ้นการบริโภคเนื่องจากกาแฟมีราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น เมื่อตลาดเติบโตขึ้น ผู้บริโภคก็กำลังเปลี่ยนจากการบริโภคกาแฟสำเร็จรูปที่นำเข้า ไปสู่กาแฟคั่วในท้องถิ่นที่ระบุแหล่งกำเนิด (ในประเทศหรือนำเข้า)
ปริมาณการบริโภคกาแฟโดยเฉลี่ยต่อคนในจีนเพิ่มขึ้น 167% ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แต่ยังคงเป็นเพียง 1 ใน 3 ของปริมาณการบริโภคในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ แสดงให้เห็นว่ายังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมากในอนาคต นอกจากนี้การเติบโตของตลาดในเมืองรอง สัดส่วนร้านกาแฟที่เปิดใหม่ในเมืองระดับอำเภอสูงถึง 34% และเมืองระดับ Third Tier City ลงไป มีอัตราการเติบโตมากกว่า 35% (ในขณะที่เมือง First Tier City เติบโตชะลอตัวเพียง 18%) โดยกาแฟบดสดครองตลาดจีน ขนาดตลาดกาแฟบดสดมีมูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านหยวน และคาดว่าในอนาคตสัดส่วนจะเพิ่มขึ้นจาก 40% เป็น 80%
ที่มา : USDA
การเพาะปลูกกาแฟในจีน
ประเทศจีนปลูกกาแฟเกือบทั้งหมดเป็นสายพันธุ์อะราบิกา ในเขตปกครองป่าวซาน (Baoshan), เต๋อหง (Dehong), ผูเอ่อร์ (Pu’er), และหลินชาง (Lincang) ในมณฑลยูนนาน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลระหว่าง 1,000 ถึง 2,000 เมตร คาดการณ์ว่าผลผลิตในปี 2024/25 จะอยู่ที่ 1.9 ล้านกระสอบ
แม้ว่า คาทิมอร์ (Catimor) จะเป็นสายพันธุ์ที่นิยมปลูกมากที่สุดเนื่องจากมีความต้านทานต่อโรคสูง เช่น โรคราสนิมของใบกาแฟ แต่บางครั้งก็ให้รสชาติที่ไม่ดีเท่าที่ควร เพื่อตอบสนองความต้องการกาแฟคุณภาพสูงขึ้น เกษตรกรจึงเริ่มปลูกกาแฟอะราบิกาพันธุ์อื่นๆ เช่น เบอร์บอน (Bourbon) และ ทิปปิกา (Typica) ซึ่งให้รสชาติที่ดีกว่าและสามารถแข่งขันกับกาแฟนำเข้าได้ดีขึ้น
การนำเข้าและการบริโภคกาแฟของจีน
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การนำเข้ากาแฟทั้งหมดของจีนเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า โดยมีปริมาณสูงถึง 5.5 ล้านกระสอบ และคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 5.6 ล้านกระสอบในปี 2024/25 การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ได้รับแรงผลักดันจากการนำเข้ากาแฟดิบที่พุ่งขึ้นจากเพียง 900,000 กระสอบในปี 2014/15 ไปเป็น 3.6 ล้านกระสอบตามที่คาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน
เดิมที เวียดนามและอินโดนีเซีย เป็นซัพพลายเออร์อันดับต้นๆของจีน แต่ปัจจุบันถูกแซงหน้าโดยบราซิลและโคลัมเบีย ในส่วนของความต้องการนำเข้ากาแฟสำเร็จรูปนั้น ค่อนข้างคงที่ในช่วงเดือนธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 1.8 ล้านกระสอบในปี 2024/25 โดยมีซัพพลายเออร์หลักคือเวียดนามและมาเลเซีย จีนมักจะนำเข้ากาแฟคั่วในปริมาณน้อยกว่า 400,000 กระสอบ ส่วนใหญ่มาจากสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา การนำเข้ากาแฟคั่วสำเร็จในจีนไม่เป็นที่ต้องการมากนัก เนื่องจากกาแฟจะเริ่มสูญเสียรสชาติและกลิ่นหอมทันทีหลังจากคั่ว เว้นแต่จะถูกจัดส่งอย่างรวดเร็วในบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ
การเติบโตของการบริโภคกาแฟในจีนคาดว่าจะเติบโตต่อไป เนื่องจากวัฒนธรรมการดื่มชาส่วนใหญ่ในจีน เริ่มเปิดรับเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเพิ่มมากขึ้น และจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนความต้องการกาแฟทั่วโลก
ที่มา : finance.sina.com.cn
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ในปี 2023 เซี่ยงไฮ้มีจำนวนร้านกาแฟรวมทั้งสิ้น 9,553 แห่ง เพิ่มขึ้น 1,023 แห่งจากปีที่แล้ว และยังคงเป็นผู้นำด้านจำนวนร้านกาแฟทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ข้อมูลจำนวนร้านกาแฟในเมืองหลักอื่นๆ ยังแสดงให้เห็นว่า กวางโจว ปักกิ่ง เซินเจิ้น และเฉิงตู อยู่ในอันดับที่ 2-5 ตามลำดับ
ณ เดือนมีนาคม 2024 ร้านกาแฟแฟรนไชส์ในประเทศจีนมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 52,308 แห่ง ในจำนวนนี้ 77% ของร้านค้าทั้งหมดถูกครอบครองโดยแบรนด์กาแฟเชน 10 อันดับแรก โดย Luckin Coffee ครองอันดับหนึ่งด้วยสัดส่วนจำนวนร้านค้า 35% แบรนด์กาแฟเชนเก่าแก่อย่าง Starbucks มีสัดส่วนร้านค้า 14% และ Cotti Coffee ตามมาอย่างใกล้ชิดด้วยสัดส่วน 12%
ในปี 2024 กาแฟดิบเป็นประเภทกาแฟที่จีนนำเข้ามากที่สุดทั้งในเชิงปริมาณและมูลค่า โดยมีมูลค่านำเข้าสูงถึง 837.24 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 614.52 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 เติบโตขึ้นถึง 36.24% YoY ปริมาณการนำเข้าก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 108,653.90 ตันในปี 2022 เป็น 181,309.20 ตันในปี 2024 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในบรรดากาแฟทุกประเภท
โดยการนำเข้ากาแฟคั่วกลับมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องทั้งปริมาณและมูลค่า ลดลงจาก 214.39 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2022 เหลือเพียง 135.42 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024 และปริมาณนำเข้าลดลงจากปี 2022 ที่ 16,373.08 ตัน เหลือเพียง 9,602.54 ตัน
ในปี2024 แนวโน้มดังกล่าวอาจสะท้อนถึงการทดแทนด้วยผลิตภัณฑ์ที่คั่วในประเทศ หรือการเปลี่ยนแปลงความชอบของผู้บริโภคที่หันไปบริโภคกาแฟดิบมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของ USDA เนื่องจากกาแฟจะเริ่มสูญเสียรสชาติและกลิ่นหอมทันทีหลังจากคั่ว ทำให้กาแฟคั่วในจีนไม่เป็นที่นิยมมากนัก นอกจากจะได้รับการบรรจุเป็นอย่างดี ขณะที่กาแฟสำเร็จรูปยังคงเป็นส่วนสำคัญของตลาด แม้จะมีการเติบโตที่ไม่สูงเท่ากาแฟดิบ แต่ยังคงมีแนวโน้มนำเข้าที่ไม่ผกผวนมากนัก
นอกจากนี้ ใน 4 เดือนแรกของปี 2025 กาแฟดิบ ยังคงเป็นประเภทกาแฟที่จีนนำเข้ามากที่สุดทั้งในเชิงปริมาณและมูลค่า โดยในช่วง ม.ค.-เม.ย. 2568 มีมูลค่านำเข้าสูงถึง 415.91 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้น 15.80% YoY ตลาดนำเข้าสำคัญ ได้แก่ บราซิล (41.77%) ตามด้วยเอธิโอเปีย (17.17%) โคลอมเบีย (15.61%) เวียดนาม (9.83%) และอินโดนีเซีย (7.28%) การนำเข้ากาแฟคั่วยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องทั้งปริมาณและมูลค่า โดยในช่วง ม.ค.-เม.ย. 2568 มีมูลค่านำเข้า 44.79 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 12.78% YoY ปริมาณนำเข้าลดลงจาก 3,729.92 ตัน เป็น 2,948.12 ตัน และกาแฟสำเร็จรูปมีการเติบโตที่โดดเด่น โดยในช่วง ม.ค.-เม.ย. 2568 มีมูลค่านำเข้า 128.69 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณนำเข้าก็ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 14.87 ตัน เป็น 14.69 ตัน
แม้ว่าปริมาณโดยรวมอาจไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับการนำเข้าจากแหล่งอื่นๆของจีน แต่ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าจีนนำเข้ากาแฟคั่วจากไทยเพิ่มขึ้นจาก 160,690 เหรียญสหรัฐ ในปี 2022 เป็น 196,469 เหรียญสหรัฐ ในปี 2023 เป็น 259,911 เหรียญสหรัฐ ในปี 2024 และขยายตัวสูงถึง 32.29% YoY
ทั้งนี้ จีนนำเข้าสินค้าประเภทกาแฟสำเร็จรูป ลดลงถึง 45.35% YoY จาก 2,145.75 ตัน (มูลค่า 7.94 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2023 กลับลดลงอย่างมากเหลือเพียง 754.16 ตัน (มูลค่า 4.34 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2024 การลดลงนี้อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การแข่งขันที่สูงขึ้นจากประเทศอื่น หรือการเปลี่ยนแปลงในความต้องการของผู้บริโภคชาวจีน
ความเห็นสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน: ตลาดจีนมีความต้องการกาแฟดิบเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมการคั่วกาแฟภายในประเทศ หรือความนิยมในการบริโภคกาแฟสดใหม่ที่เพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน การนำเข้ากาแฟคั่วที่ลดลงอาจสะท้อนถึงการทดแทนด้วยผลิตภัณฑ์ที่คั่วในประเทศ หรือการเปลี่ยนแปลงความชอบของผู้บริโภค ขณะที่กาแฟสำเร็จรูปยังคงเป็นส่วนสำคัญของตลาด แม้จะมีการเติบโตที่ไม่สูงเท่ากาแฟดิบ นอกจากนี้ไทยในฐานะที่เป็นผู้มีศักยภาพด้านกาแฟในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน ทั้งสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสมสำหรับการปลูกกาแฟทั้งอาราบิก้า (ภาคเหนือ) และโรบัสต้า (ภาคใต้) โดยเฉพาะตลาดกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) ที่มีมูลค่าสูง ยังสามารถต่อยอดศักยภาพกาแฟ โดยเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ การสร้างแบรนด์และเรื่องราวที่น่าสนใจ การขยายช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ และการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ เพื่อเพิ่มมูลค่าและยกระดับกาแฟไทยสู่มาตรฐานสากลอย่างยั่งยืน
https://mp.weixin.qq.com/s/2juwubfLJjj9_S3Uz27kIA
https://www.fas.usda.gov/sites/default/files/2024-12/coffee.pdf
https://dikurniawanarif.medium.com/can-thailand-redefine-its-future-as-a-global-coffee-powerhouse-11d89168f7b9
https://finance.sina.com.cn/wm/2024-05-21/doc-inavxxsv0339743.shtml
Global Trade Atlas
เรียบเรียงโดยสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน
5 มิถุนายน 2568