จีนเปิดตัว “วีซ่าอาเซียน” และขยายการยกเว้นวีซ่าแก่ประเทศกลุ่ม GCC

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2568 นายหลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน แถลงข่าวว่า จีนได้เปิดตัว “ วีซ่าอาเซียน (ASEAN Visa) ” หรือ วีซ่าธุรกิจพิเศษสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ และติมอร์-เลสเต ซึ่งมีสถานะเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ของอาเซียน โดยวีซ่าดังกล่าว  ออกให้แก่บุคลากรด้านธุรกิจ รวมถึงคู่สมรสและบุตรที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนด โดยสามารถยื่นขอวีซ่าประเภทเข้า-ออกหลายครั้ง  (multiple-entry visa) ได้เป็นระยะเวลา 5 ปี และพำนักในจีนได้สูงสุดครั้งละไม่เกิน 180 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่าใหม่ มาตรการใหม่นี้จะครอบคลุมผู้เดินทางจากประเทศในกลุ่มอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย บรูไน เวียดนาม ลาว เมียนมา กัมพูชา รวมถึงติมอร์-เลสเต

 

เว็บไซต์ทางการของกระทรวงการต่างประเทศจีนได้รายงานถ้อยแถลงของนายหลิน เจี้ยน ที่ได้ตอบ ข้อซักถามของผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CCTV) โดยระบุว่า “ตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความร่วมมือในการผลักดันการสร้างประชาคมจีนและอาเซียนได้เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และโครงการ  “กรอบความร่วมมือ 5 ประการแห่งประชาคมจีน–อาเซียน” มีความก้าวหน้าเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นขณะเดียวกัน การแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างจีนกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็มีความต่อเนื่องและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์ร่วมกันในการผลักดันให้เกิดความสะดวกในการเดินทางระหว่างประเทศ ”

 

นโยบาย “วีซ่าอาเซียน” ดังกล่าว เป็นการต่อยอดจากความร่วมมือด้านการยกเว้นวีซ่าที่จีน ได้ดำเนินการกับประเทศสมาชิกอาเซียนบางประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ไทย และมาเลเซีย รวมถึงโครงการ “วีซ่าแม่โขง–ล้านช้าง” ที่ครอบคลุมประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการเดินทางข้ามพรมแดนอย่างสะดวก คล่องตัว และปลอดภัยในระดับภูมิภาค

จีนเปิดตัว “วีซ่าอาเซียน” และขยายการยกเว้นวีซ่าแก่ประเทศกลุ่ม GCC

( ภาพและแหล่งที่มา : currentaffairs )

จีนขยายการยกเว้นวีซ่าแก่ประเทศในกลุ่มอ่าวอาหรับ (GCC)

ในโอกาสเดียวกัน จีนยังได้ประกาศขยายขอบเขตการยกเว้นวีซ่าให้แก่ พลเมืองของ 4 ประเทศในกลุ่มสภาความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council – GCC) ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย โอมาน คูเวต และบาห์เรน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2568 ถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2569 ภายใต้นโยบายดังกล่าว พลเมืองที่ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของทั้ง 4 ประเทศ สามารถเดินทางเข้าประเทศจีนโดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า   เพื่อวัตถุประสงค์ด้านธุรกิจ การท่องเที่ยว การเยี่ยมญาติ การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และการเดินทางผ่านประเทศ โดยสามารถพำนักอยู่ในจีนได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน ทั้งนี้ ผู้ที่ไม่เข้าเกณฑ์การยกเว้นวีซ่ายังคงต้องยื่นขอวีซ่าตามขั้นตอนปกติก่อนเดินทางเข้าประเทศ

 

ทั้งนี้ เมื่อรวมกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และกาตาร์ ซึ่งจีนได้มีข้อตกลงยกเว้นวีซ่าก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้จีนเป็นประเทศเศรษฐกิจหลักรายแรกของโลกที่ยกเว้นวีซ่าให้แก่ประเทศสมาชิก GCC ครบทั้ง 6 ประเทศ สะท้อนถึงนโยบายเปิดประเทศเชิงรุกของจีนในการสนับสนุนการเชื่อมโยงระดับภูมิภาคและการเดินทางข้ามพรมแดนอย่างเสรีมากยิ่งขึ้น

 

ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู

การเปิดตัววีซ่าอาเซียนและการยกเว้นวีซ่าแก่ประเทศในกลุ่มอ่าวอาหรับ (GCC) นับเป็นหนึ่งในนโยบายเชิงรุกของจีนที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และวัฒนธรรมในระดับภูมิภาคอย่างชัดเจน โดยมาตรการดังกล่าวจะเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อการขยายตัวของการค้าการลงทุนระหว่างจีนกับประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม

 

สำหรับวีซ่าอาเซียน ซึ่งเป็นวีซ่าธุรกิจพิเศษแบบเข้า-ออกหลายครั้ง (Multiple-entry visa) เป็นระยะเวลา 5 ปี และอนุญาตให้พำนักในจีนได้สูงสุดครั้งละ 180 วัน มาตรการนี้จะช่วยลดต้นทุนทั้งด้านเวลาและค่าใช้จ่ายในการยื่นขอวีซ่าซ้ำให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่มีความจำเป็นต้องเดินทางเข้าจีนบ่อยครั้ง เช่น การเจรจาธุรกิจ การเยี่ยมชมโรงงาน หรือการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการไทย  รายย่อย (SMEs) ที่กำลังขยายกิจการในจีน วีซ่าดังกล่าวจะเอื้อต่อการติดตามความคืบหน้าโครงการทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มโอกาสในการขยายฐานการผลิต การเจรจาร่วมทุน หรือการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในจีนได้อย่างคล่องตัว การได้รับสิทธิพิเศษทางวีซ่านี้ ยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ไทย–จีน และส่งเสริมความเชื่อมั่นให้แก่ภาคเอกชนไทยว่า จีนให้ความสำคัญกับประเทศไทยในฐานะหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาขั้นตอนการยื่นขอ “วีซ่าอาเซียน” (ASEAN Visa) อย่างละเอียด เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากมาตรการนี้ได้อย่างเต็มที่และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจ

———————————–

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู

มิถุนายน 2568

แหล่งข้อมูล

https://baijiahao.baidu.com/s?id=1833889008413325605&wfr=spider&for=pc

https://finance.eastmoney.com/a/202505283417061784.html

ภาพและแหล่งที่มา : thansettakij

thThai