ตามที่ 12 มลรัฐ (อริโซน่า โคโลราโด คอนเน็กติกัต เดลาแวร์ อิลินอยส์ เมน มินิโซตา เนวาด้า นิวเม็กซิโก นิวยอร์ค โอเรกอน และเวอร์มอนต์) ได้ยื่นฟ้องประธานาธิบดี Donald Trump ต่อศาลรัฐบาลกลาง U.S. Court of International Trade ในนครนิวยอร์ค ในข้อกล่าวหาว่า การออกมาตรการขึ้นภาษีนำเข้า โดยอ้างว่า การเสียดุลการค้าของสหรัฐฯ เป็นเหตุฉุกเฉินที่เป็นการคุกคามเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอ้างว่ากฎหมาย 1977 International Emergency Economic Powers Act (IEPPA) ให้อำนาจประธานาธิบดีในการดำเนินมาตรการที่จะเป็นการแก้ไขสภาวะฉุกเฉินนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงและเป็นการกระทำที่เกินอำนาจประธานาธิบดี
วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 U.S. Court of International Trade ได้ตัดสินว่า สหรัฐฯ ไม่ได้ตกอยู่ในสภาวะฉุกเฉินและถูกคุกคามจนต้องออกมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าตามอ้าง และการออกคำสั่งบริหารของประธานาธิบดี Trump เป็นการกระทำที่เกินอำนาจตามที่กฎหมายระบุ จริง และสั่งให้รัฐบาลยุติการดำเนินงานตามคำสั่ง Executive Order 6 คำสั่ง คือ
- คำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าร้อยละ 25 กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก
- คำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าร้อยละ 25 กับสินค้านำเข้าจากแคนาดาและขึ้นภาษีนำเข้าร้อยละ 10 กับพลังงานนำเข้าจากแคนาดา
- คำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10 กับสินค้านำเข้าจากจีน
- คำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าร้อยละ 10 กับสินค้านำเข้าจากคู่ค้าทั่วโลก
- คำสั่งเก็บภาษีตอบโต้แบบเท่าเทียม (reciprocal tariff)
- คำสั่งให้ยกเลิก การเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและฮ่องกง ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 เหรียญฯ ที่ภายใต้มาตรการ De Minimis แล้วจะได้รับยกเว้นภาษีนำเข้า
คำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าที่ศาลฯ ไม่ได้ออกคำสั่งห้าม คือ คำสั่งขึ้นภาษีที่เป็นผลมาจากการสอบสวนตาม Section 232 หรือ Section 301 หรือกฎระเบียบอื่นๆที่เป็นมาตรฐานปกติ เช่น ข้อตกลงการค้าเสรี เป็นต้น การขึ้นภาษีที่ศาลฯ ไม่สั่งห้าม คือ
- การขึ้นภาษีเหล็กและสินค้าเหล็ก ร้อยละ 25
- การขึ้นภาษีอลูมิเนียมและสินค้าอลูมิเนียม ร้อยละ 25
- การขึ้นภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนประกอบ ร้อยละ 25
- การขึ้นภาษีสินค้าจีนภายใต้ Section 301 ที่ได้ถูกจัดทำและนำมาใช้ตั้งแต่ พศ 2561 (คศ 2018) เฉลี่ยร้อยละ 51.1
- การขึ้นภาษีสินค้าต่างๆจากประเทศต่างๆ ที่จะเป็นผลมาจากการสอบสวนที่กำลังดำเนินอยู่.ในปัจจุบัน ภายใต้ Section 232 และ Section 301
ศาลฯให้เวลารัฐบาล 10 วันในการประกาศฝ่ายบริหารเรื่องคำสั่งห้ามดังกล่าวของศาล โดยให้มีการระบุให้ชัดเจนด้วยว่าอะไรคือภาษีนำเข้า (tariff) ที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะยังคงเรียกเก็บ ทั้งนี้ นอกเสียจากว่า หากมีการอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอื่นใด
ทนายความตัวแทนของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของ U.S. Court of International Trade ต่อศาล U.S. Court of Appeals for the Federal Circuit ที่กรุงวอชิงตัน โดยมีเวลา 14 วันที่จะยื่นเอกสารสนับสนุนคำอุทธรณ์
ข้อมูลเพิ่มเติม และข้อคิดเห็น สคต ลอสแอนเจลิส
ระยะเวลาการทำงานของศาลุทธรณ์ U.S. Court of Appeals for the Federal Circuit ในการตัดสินคดีจะอยู่ระหว่างประมาณ 8 – 12 เดือน ถึงมากกว่า 1 ปี เป็นที่ทราบกันว่าโอกาสชนะคดีอุทธรณ์ในศาลนี้อยู่ในระดับต่ำคือ ร้อยละ 14 อย่างไรก็ดี ขึ้นอยู่กับความสามารถในการโต้เถียงของผู้อุทธรณ์