งาน Innovex 2025 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน COMPUTEX Taipei ได้เปิดฉากขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 พฤษภาคม 2568 สำหรับหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของงาน COMPUTEX TAIPEI ในปีนี้ คือ การแสดงปาฐกถาของ Mr. Jansen Huang, CEO ของ NVIDIA ยักษ์ใหญ่ของโลกในด้าน AI ซึ่งมองว่า ในอีกสิบปีข้างหน้า AI จะซึมซับเข้าไปในทุกส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน เหมือนกับระบบไฟฟ้า โดยปัจจุบันศูนย์ข้อมูลไม่ใช่แค่ศูนย์เก็บข้อมูลแบบเดิมอีกต่อไป แต่กลายเป็นโรงงาน AI ที่ต้องทำหน้าที่เหมือนโรงไฟฟ้า คอยจ่ายพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลิตหน่วยข้อมูลอัจฉริยะที่เรียกว่า Token ซึ่งจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงในอนาคต

DITP นำ Startup ไทยโชว์ศักยภาพในงาน Innovex 2025 ของไต้หวัน

โดย Jensen Huang ยังได้เปิดเผย “เส้นทางวิวัฒนาการของ AI” ด้วยว่า การพัฒนา AI ได้เคลื่อนตัวจาก Perceptual AI ไปสู่ Generative AI เช่น ChatGPT และกำลังจะต่อยอดสู่การเป็น Agentic AI พร้อมกับแสดงวิสัยทัศน์ว่า AI เชิงกายภาพ (Physical AI) จะเป็นก้าวต่อไปในอนาคตอันใกล้ โดยชี้ว่า Agentic AI คือ AI ที่สามารถ “เข้าใจ (Understand), คิดวิเคราะห์ (Reason) และลงมือทำ (Act)” ได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งแตกต่างจาก AI แบบเดิมที่ต้องรอรับคำสั่งหรือ Prompt เท่านั้น โดยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะเป็นช่วงเวลาที่เทคโนโลยีหุ่นยนต์จะเกิดการพัฒนาแบบก้าวกระโดดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมชี้ด้วยว่า General-Purpose Robots จะกลายเป็น อุตสาหกรรมระดับล้านล้านดอลลาร์ของโลกเป็นอุตสาหกรรมถัดไป ซึ่ง NVIDIA เห็นว่า ไต้หวันไม่เพียงเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมระดับโลก แต่ยังเป็น “หัวใจของการปฏิวัติ AI ระดับโลก” อีกด้วย จึงมีแผนจะร่วมกับ TSMC และ Foxconn Technology Group ในการเสริมสร้างความร่วมมือในระยะยาว โดยจะจับมือกับรัฐบาลไต้หวัน ในการร่วมกันสร้างโรงงาน AI ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์แห่งแรกของไต้หวัน เพื่อยกระดับนวัตกรรมและศักยภาพด้านปัญญาประดิษฐ์อย่างรอบด้าน พร้อมประกาศตั้งสำนักงานใหญ่ของ NVIDIA ไต้หวันที่ในไทเปด้วย โดยใช้ชื่อว่า “NVIDIA Constellation” ที่สื่อถึงการรวมตัวของ “กลุ่มดาวแห่งนวัตกรรม” ของวงการ AI และเทคโนโลยีในไต้หวัน

DITP นำ Startup ไทยโชว์ศักยภาพในงาน Innovex 2025 ของไต้หวัน

นอกจากนี้ ภายในงานฯ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ได้ร่วมกันคัดเลือกผู้ประกอบการ Tech Startup ชั้นนำจากประเทศไทยจำนวน 17 บริษัทมาร่วมจัดแสดงในคูหาประเทศไทย ซึ่งอยู่ในโซน InnoVex โดยนำเสนอศักยภาพและนวัตกรรมอันโดดเด่นในหลากหลายสาขา อาทิ เทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ (Smart City Tech), เทคโนโลยีการขับเคลื่อน (Mobility Tech), เทคโนโลยีแพลตฟอร์มข้อมูล (Data Platform Tech), เทคโนโลยีการตลาด (Mar Tech), เทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) และอื่น ๆ อีกมากมาย ตัวอย่างเช่น MUI Robotics ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม Artificial Sense ด้วยเทคโนโลยี Electronic Nose เปลี่ยนกลิ่นให้เป็นข้อมูลดิจิทัล ประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อาหาร เครื่องดื่ม การเกษตร และการแพทย์ หรือ OsseoLabs ผู้เชี่ยวชาญด้าน Personalized Surgical Solutions ออกแบบและผลิตอุปกรณ์การแพทย์แบบฝังในเฉพาะบุคคลด้วยเทคโนโลยี 3D Printing และ AI รวมถึง ViaBus ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน Transit Tech ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามและวางแผนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะแบบเรียลไทม์ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 7 ล้านคนทั่วประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังได้รับความสนใจจาก นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรีไต้หวันและนายกัวจื้อฮุย รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน ซึ่งเดินทางมาเยี่ยมชมคูหาประเทศไทยด้วยตนเอง นอกจากนี้ ยังมี Startup ของไทย คือ ViaBus สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในการประกวด Pitching ของกลุ่ม Startup ต่างชาติ จนสามารถคว้ารางวัล AAN Global Startup Awards มาครองได้สำเร็จ

ที่มา: Economic Daily News / Central News Agency / Yahoo! News (19-20 May 2025)

DITP นำ Startup ไทยโชว์ศักยภาพในงาน Innovex 2025 ของไต้หวัน
ข้อเสนอแนะ/ความคิดเห็นของ สคต.

การที่ Jensen Huang เน้นว่าโลกกำลังก้าวสู่ AI ที่ “คิดและลงมือปฏิบัติได้” และหุ่นยนต์อัจฉริยะจะกลายเป็นอุตสาหกรรมระดับล้านล้านดอลลาร์ ทำให้ผู้ประกอบการควรจับตามองการพัฒนาของ AI ในแนวโน้มที่เป็นแบบ AI-as-a-Service, Robotics-as-a-Service หรือ AI Model-as-Plugin สำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยควรมองหาปัญหาเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ยังไม่มีการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาเทคโนโลยีที่จับต้องได้-ใช้งานได้จริง (Practical Innovation) มารองรับ เช่น AgriTech ที่ตอบโจทย์ปัญหาด้านการเกษตรของไทย, MedTech สำหรับสังคมผู้สูงอายุ, หรือ EdTech เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา อีกทั้งการสร้างพันธมิตรระหว่างภาคเอกชน–ภาคการศึกษา–หน่วยงานรัฐ รวมถึงพัฒนาความร่วมมือในภูมิภาค เช่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น หรือกลุ่มอาเซียน (ASEAN Startup Alliance) ต่างก็เป็นแนวทางที่น่าสนใจไม่น้อย ในการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ “วันนี้” แต่ยังรองรับ “วันพรุ่งนี้” อย่างมีวิสัยทัศน์

thThai