รัฐอัลเบอร์ตา (Alberta) เป็น 1 ใน 10 รัฐของประเทศแคนาดา ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันตกของประเทศ โดยเป็นรัฐหนึ่งที่มีความสำคัญต่อโครงสร้างเศรษฐกิจแคนาดาอย่างมาก โดยเฉพาะในด้านพลังงาน การเกษตร และทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งทำให้แคนาดาเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่ของโลก
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐอัลเบอร์ตามักมีปัญหากระทบกระทั่งกับรัฐบาลกลางแคนาดาในประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับนโยบายและข้อกำหนดที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเชื้อเพลิงฟอสซิล และความพยายามที่จะส่งเสริมพลังงานสะอาดในประเทศ จนทำให้ชาวอัลเบอร์ตาเกิดความรู้สึกกำลังถูกโจมตีที่ไม่เป็นธรรม และเกิดความเคลื่อนไหวเพื่อการแยกตัวของอัลเบอร์ตา (Alberta separatism) ออกจากแคนาดา
เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ได้รับความสนใจที่มากขึ้นในช่วงหลังการเลือกตั้งของนายกรัฐมนตรีมาร์ค คาร์นีย์ (Mark Carney) จากพรรคเสรีนิยมในเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากกลุ่มที่เรียกว่า Alberta Prosperity Project ซึ่งตั้งเป้ารวบรวมลายเซ็น 600,000 รายชื่อ เพื่อเรียกร้องให้มีการทำประชามติเรื่องการแยกตัวออกจากแคนาดา โดยนับตั้งแต่เปิดตัวในวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 คำร้องดังกล่าวสามารถรวบรวมรายชื่อผู้สนับสนุนได้มากกว่า 80,000 รายชื่อภายใน 36 ชั่วโมง และยังคงเปิดให้ประชาชนลงชื่อสนับสนุนต่อไป
หากพิจารณาสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ประชาชนในรัฐอัลเบอร์ตารู้สึกไม่เป็นธรรม มาจากประเด็นดังนี้
- การจ่ายเงินชดเชย (Equalization Payments)
โปรแกรมการจ่ายเงินชดเชยของรัฐบาลกลาง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือรัฐที่มีรายได้น้อยให้สามารถให้บริการสาธารณะได้ในระดับที่ใกล้เคียงกัน แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐอัลเบอร์ตาไม่ได้รับเงินชดเชยใดๆ แม้จะมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของประเทศ โดยเมื่อปี 2564 ประชาชนในอัลเบอร์ตาร้อยละ 62 ออกเสียงได้มีการลงคะแนนเห็นด้วยกับการยกเลิกข้อกำหนดเกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยออกจากรัฐธรรมนูญในแคนาดา
- การเป็นตัวแทนในรัฐบาลกลาง
แม้อัลเบอร์ตาจะมีประชากรประมาณร้อยละ 11.6 ของประเทศ แต่มีที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรเพียงร้อยละ 10.8 ซึ่งใกล้เคียงกับสัดส่วนประชากร แต่สำหรับในวุฒิสภามีจำนวนวุฒิสมาชิกจากอัลเบอร์ตาเพียง 6 ที่นั่งจากทั้งหมด 105 ที่นั่ง ขณะที่รัฐโนวาสโกเชียและนิวบรันสวิกต่างมี 10 ที่นั่ง แสดงให้เห็นถึงจำนวนตัวแทนที่ไม่เพียงพออย่างชัดเจน ทำให้ชาวอัลเบอร์ตาบางกลุ่มเห็นว่า ไม่ได้รับการเป็นตัวแทนที่เพียงพอในรัฐบาลกลาง
- กฎระเบียบของรัฐบาลกลาง
ความคิดเห็นของชาวอัลเบอร์ตาที่มีต่อกฎระเบียบของรัฐบาลกลาง เช่น ภาษีคาร์บอน และกฎหมายควบคุมอาวุธปืน ถือเป็นนโยบายที่เหมาะสมกับเมืองอื่นๆ เช่น นครโตรอนโตในรัฐออนทาริโอ และมอนทรีออลในรัฐคิเบค แต่ไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและการบริหารจัดการภายในรัฐอัลเบอร์ตา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลัก จนกลายเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในรัฐ
ความท้าทายในการแยกตัว
แม้จะมีความไม่พอใจเกิดขึ้น แต่การแยกตัวรัฐอัลเบอร์ตาออกจากแคนาดาจะเผชิญกับความท้าทายทางกฎหมายและการปฏิบัติเป็นอย่างมาก เช่น สิทธิของชนพื้นเมือง การจัดการทรัพยากร และการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งทำให้หลายฝ่ายสงสัยในความเป็นไปได้ของการแยกตัวที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลของรัฐอัลเบอร์ตาได้ออกกฎหมายผ่อนปรนเงื่อนไขสำหรับการยื่นคำร้องของพลเมืองอัลเบอร์ตาเพื่อขอจัดทำประชามติ โดยกฎหมายฉบับนี้ได้ลดจำนวนรายชื่อลงจากระดับร้อยละ 20 เหลือร้อยละ 10 ของจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิในการเลือกตั้งของรัฐครั้งสุดท้าย และขยายกรอบเวลาในการรวบรวมรายชื่อจาก 90 วัน เป็น 120 วัน ดังนั้น เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ดังกล่าว คำร้องจำเป็นต้องรวบรวมรายชื่อให้ได้ 177,000 รายชื่อ ด้านฝ่ายรัฐบาล คุณ Danielle Smith มุขมนตรีรัฐอัลเบอร์ตา ได้ประกาศว่า หากมีการรวบรวมลายเซ็นเพียงพอ จะมีการจัดให้มีการลงประชามติในปีค.ศ. 2026 แม้ว่าส่วนตัวจะไม่สนับสนุนการแยกตัวออกจากแคนาดา แต่ก็ยืนยันถึงสิทธิ์ของประชาชนในการตัดสินใจ
ความเห็นสคต. การสำรวจความคิดเห็นล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ในอัลเบอร์ตายังคงต้องการอยู่ในแคนาดา โดยมีเพียงส่วนน้อยที่สนับสนุนการแยกตัวออกจากแคนาดา แม้อัลเบอร์ตาจะมีกลไกในการริเริ่มการลงประชามติ แต่การแยกตัวออกจากแคนาดายังคงเป็นเรื่องที่ยากมากและมีอุปสรรคทางกฎหมาย การอภิปรายในประเด็นนี้ อาจเป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อรัฐบาลกลางและความต้องการความเป็นอิสระมากขึ้นภายในรัฐมากกว่าการแยกตัวออกจากแคนาดาจริงๆ
โดย… สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครแวนคูเวอร์