งานแสดงสินค้าสัตว์เลี้ยงนานาชาติ Zoomark 2025 ครั้งที่ 21 (จัดขึ้นทุก ๆ 2 ปี) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์แสดงสินค้า BolognaFiere เมืองโบโลญญา ประเทศอิตาลี เป็นงานแสดงสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงครบวงจร อาทิ อาหาร ผลิตภัณฑ์ดูแลความสะอาด อุปกรณ์และเครื่องอำนวยความสะดวก การให้บริการด้านความสวย ความงาม และสุขภาพ เป็นต้น จัดบนพื้นที่กว่า 90,000 ตารางเมตร (+32% เมื่อเทียบกับงานครั้งที่ 20) ภายในอาคารแสดงสินค้า 9 อาคาร โดยในปีนี้ มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าทั้งสิ้น 1,268 ราย (+23% เมื่อเทียบกับงานปี 2566) ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีผู้ประกอบการกลุ่มสตาร์ทอัพถึง 43 ราย โดยมีประเทศที่เข้าร่วมในลักษณะ Country pavilion ถึง 8 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร จีน สาธารณรัฐเช็ก แคนาดา อินเดีย โปแลนด์ และเกาหลีใต้ มีผู้เข้าชมงานมากกว่า 31,000 ราย แบ่งเป็น ผู้เข้าชมจากต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 64% จาก 56 ประเทศทั่วโลก ส่วนใหญ่จากยุโรป สหรัฐอเมริกา เอเชีย และตะวันออกกลาง ซึ่งผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่ประกอบด้วยผู้แทนจำหน่าย ร้าน Pet shop ผู้ประกอบการ ผู้นำเข้า-ส่งออก และเครือข่ายค้าปลีกระดับโลก งานในปีนี้ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้ซื้อ (Hosted Buyers) จาก 120 ประเทศทั่วโลก ซึ่งผู้ซื้อ (Hosted Buyers) ส่วนใหญ่เข้าเยี่ยมชมงานจากการสนับสนุนของสำนักงานพาณิชย์อิตาเลียน (Italian Trade Agency)
ตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา งาน Zoomark มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 มีจำนวนผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าเพิ่มขึ้นถึง 23% ส่งผลให้มีการปรับผังการจัดแสดงใหม่ และขยายพื้นที่จัดงานด้วยอาคารเพิ่มเติมอีก 3 อาคารเพื่อรองรับผู้ประกอบการที่มีความต้องการเปิดตัวนวัตกรรมล่าสุด และขยายธุรกิจในระดับนานาชาติ อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่ส่งเสริมให้งานได้รับผลตอบรับที่ดี คือ การเข้าร่วมของสื่อมวลชนมากกว่า 130 ราย จากในประเทศและต่างประเทศ โดยตลอดสองปีที่ผ่านมา Zoomark ได้ดำเนินแคมเปญประชาสัมพันธ์งานอย่างเข้มข้น ครอบคลุมทุกทวีปทั่วโลก ทั้งยุโรป อเมริกา เอเชีย แอฟริกา และโอเชียเนีย
โดยงาน Zoomark 2025 ครั้งที่ 21 มีการจัดสรรพื้นที่ที่ดึงดูดความสนใจแก่ผู้เข้าชม โดยเฉพาะพื้นที่ Pet Vision ถือเป็นหัวใจหลักของงาน จัดแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงใหม่ ๆ กว่า 500 รายการ พร้อมจัดประกวดสินค้าที่มีความโดดเด่น ที่มีความสอดคล้องกับ 4 แนวโน้มของตลาดสัตว์เลี้ยงที่กำลังมาแรง ได้แก่ สินค้ามีความคุ้มค่า (Value for Money) การเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน (Green Transition) ความนิยมในสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก (Mini Mania) และการให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตและกายของสัตว์เลี้ยง (Brain & Health) โดยหนึ่งในไฮไลต์ที่สำคัญของงานในปีนี้ คือ “Greenmark” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างผู้จัดงาน Zoomark และองค์กรด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง (Pet Sustainability Coalition – PSC) โดยจัดพื้นที่เฉพาะสำหรับผู้ประกอบการที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และแนวคิดเพื่อความยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีการจัดพื้นที่ “Italian Style” ที่สะท้อนความโดดเด่นด้านการออกแบบ คุณภาพ และนวัตกรรมของสินค้าอิตาลีในตลาดสินค้าสัตว์เลี้ยง และ “Tech for Future” ที่พาผู้เข้าชมไปสัมผัสกับเทคโนโลยีล้ำสมัยที่จะกำหนดทิศทางของตลาดสัตว์เลี้ยงในอนาคต
ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจภายในงาน ได้แก่ อุปกรณ์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล เช่น สายรัดทำจากไม้คอร์ก ของเล่นฝึกสมองแบบปริศนา ไปจนถึงอุปกรณ์ไฮเทค เช่น สมาร์ทโฟนสำหรับสัตว์เลี้ยง เครื่องให้อาหารและน้ำอัตโนมัติที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของเจ้าของ เป็นต้น นอกจากนี้ งาน Zoomark ยังรวบรวมผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์จากนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นอาหารปรุงสุกแบบอ่อน ๆ (gentle cooking) อาหารจากวัตถุดิบทางเลือก อาหารเพื่อสุขภาพ และขนมหลากหลายรูปแบบ รวมถึงอาหารและอุปกรณ์สำหรับนก สัตว์เล็ก ปลา และสัตว์เลี้ยงแปลก ๆ (exotic pets) ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนรักสัตว์ นอกจากนี้ ภายในงาน Zoomark 2025 ยังจัดกิจกรรมที่น่าสนใจกว่า 80 รายการ ทั้งการจัดประชุม สัมมนา จากหน่วยงาน องค์กร ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมดังกล่าว รวมถึงการนำเสนอข้อมูลที่มีประโยชน์และน่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง เพื่อช่วยเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนความรู้ และพัฒนาเครือข่ายให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด
โดยงานในครั้งนี้ พบว่ามีผู้ประกอบการไทยสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงเข้าร่วมแสดงสินค้า จำนวน 14 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอาหารสุนัขและแมว ทั้งในรูปแบบเปียก แห้ง และฟรีซดราย ซึ่งการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยมีความต้องการเจาะตลาดสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงในอิตาลีและประเทศใกล้เคียง เนื่องจากอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในอิตาลีถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอันดับต้น ๆ ในยุโรป โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมงานและผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมโครงการ SMEs Pro-active จำนวน 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท โอ สแควร์ ดิสทริบิวชั่น จำกัด และบริษัท เคลลี่ แอนด์ คอมพาเนี่ยน จำกัด ซึ่งผู้ประกอบการดังกล่าวให้ข้อมูลว่า การเข้าร่วมงาน Zoomark 2025 ผู้ประกอบการได้พบปะกับลูกค้าเป็นจำนวนมากทั้งจากอิตาลีและต่างประเทศ อาทิ สหราชอาณาจักร โปแลนด์ คูเวต ยูเครน ไต้หวัน และญี่ปุ่น เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่มองว่าสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยเป็นสินค้าที่ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน การผลิตมีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย และราคาสามารถแข่งขันได้ในตลาดอิตาลี/ยุโรป โดยผู้ประกอบการไทยมีความเห็นว่า การที่จะเจาะตลาดสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงในต่างประเทศได้อย่างถาวรนั้น ควรคำนึงและให้ความสำคัญในด้านคุณภาพและมาตรฐาน เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า และสร้างความแตกต่างจากประเทศคู่แข่ง
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังมองว่า อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงไทย เป็นอุตสาหกรรมที่มีจุดแข็งอย่างมาก ควรได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการร่วมออกงานแสดงสินค้าในลักษณะคูหาประเทศ (Country Pavilion) จะยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยในตลาดต่างประเทศให้มีความโดดเด่นมากขึ้น
ความคิดเห็นของ สคต. ณ เมืองมิลาน
1. สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทยถือเป็นสินค้าที่มีศักยภาพและเป็นสินค้าส่งออกของไทยที่สำคัญอันดับต้น ๆ มายังตลาดอิตาลี โดยมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุก ๆ ปี โดยปี 2568 (มกราคม-มีนาคม) มีมูลค่า 45.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.49% (สัดส่วน 7.38% ของมูลค่าสินค้าที่ไทยส่งออกมายังอิตาลีทั้งหมด) ในขณะที่ ปี 2567 มีมูลค่า 165.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 33.72% (สัดส่วน 7.68% ของมูลค่าสินค้าที่ไทยส่งออกมายังอิตาลีทั้งหมด) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
2. ในปี 2568 (มกราคม-กุมภาพันธ์) ไทยถือเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง (อาหารสุนัขและแมว) ของอิตาลีเป็นอันดับ 1 โดยแหล่งนำเข้าอันดับ 2 – 10 เป็นการนำเข้าจากประเทศในยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮังการี เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ สเปน ออสเตรีย เซอร์เลีย และเดนมาร์ก ตามลำดับ ซึ่งการนำเข้าสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของอิตาลีในภาพรวมลดลง (-47%) หรือคิดเป็นมูลค่า 103.76 ล้านยูโร และการนำเข้าจากประเทศในยุโรปทั้ง 9 ประเทศ หดตัวเช่นกัน แต่การนำเข้าจากไทยยังคงขยายตัวอยู่ที่ 24.66% หรือคิดเป็นมูลค่า 23.50 ล้านยูโร
3. สคต. ณ เมืองมิลาน เห็นว่า ตลาดสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงและสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงในอิตาลียังสามารถขยายตัวได้อีก เห็นได้จากจำนวนสัตว์เลี้ยงในอิตาลีปี 2567 มีจำนวนสูงถึง 65 ล้านตัว (แมว 11.9 ล้านตัว และสุนัข 9 ล้านตัว) ส่งผลให้มีรายได้จากการจำหน่ายอาหารสุนัขและอาหารแมวรวมอยู่ที่ 3,125 ล้านยูโร (เพิ่มขึ้นจาก 3,013 พันล้านยูโรในปี 2566) ขยายตัว 3.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นปริมาณ 666,504 ตัน ลดลง 1.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ระหว่างปี 2564-2567 อยู่ที่ +9.8% สวนทางกับกำลังซื้อของครัวเรือนที่ลดลงจากภาวะเงินเฟ้อในปี 2567โดยกลุ่มอาหารสำหรับแมว มีสัดส่วนสูงสุดถึง 56.3% รวมมูลค่ากว่า 1,758 ล้านยูโร (+5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า) ในขณะที่ กลุ่มอาหารสำหรับสุนัขมีมูลค่า 1,367 ล้านยูโร (+2.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า) สำหรับรายได้จากอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับสัตว์เลี้ยงมีมูลค่า 83.7 ล้านยูโร (-2.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า) นอกจากแมวและสุนัขแล้ว ครอบครัวชาวอิตาเลียนยังมีสัตว์เลี้ยงหลากหลาย เช่น ปลา (เป็นสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงมากที่สุด จำนวน 28.1 ล้านตัว) นก (จำนวน 12.7 ล้านตัว) และสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เช่น กระต่าย สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ขนาดเล็ก (จำนวน 3.2 ล้านตัว)
4. ในปัจจุบันเจ้าของสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มหันมาใส่ใจเรื่องโภชนาการมากขึ้น ส่งผลให้สัตว์เลี้ยงมีอายุยืนยาวขึ้น อาหารเหลือจากโต๊ะหรือเศษอาหารที่เต็มไปด้วยไขมันและเครื่องปรุงไม่เหมาะกับสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่เคยเป็นทางเลือกหลักในอดีตจึงค่อยๆ หายไป ในขณะที่ อาหารสำเร็จรูปทั้งแบบเม็ดและแบบเปียกในปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของสัตว์แต่ละชนิด อีกทั้ง Pet economy ในอิตาลีกำลังมุ่งหน้าไปสู่การให้บริการสินค้าที่ปรับแต่งเฉพาะ (personalization) มากขึ้น เพื่อสนองความต้องการที่หลากหลายของสัตว์เลี้ยงในยุคใหม่อย่างแท้จริง ในขณะเดียวกัน การจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้น โดยในปี 2567 ตลาดอีคอมเมิร์ซสำหรับอาหารแมวและสุนัข มีมูลค่า 451 ล้านยูโร (+8.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า) โดยแมวยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเจาะตลาดสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงในอิตาลี/ยุโรป ควรศึกษาข้อมูลความต้องการของตลาดดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงควรนำนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในภาคการผลิต ทั้งสินค้าอาหารและไม่ใช่อาหารให้มีความหลากหลาย เน้นการใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ เน้นด้านโภชนาการ และได้มาตรฐานตามกฎข้อบังคับของสหภาพยุโรป
ที่มา
1. Global Pet Industry Trade Event Zoomark 2025 Surpasses Expectations, Sets 2027 Dates – Pet Age
2. ZOOMARK SENZA CONFINI DA BOLOGNA A BANGKOK – Bologna Fiere Group
3. Il Rapporto Assalco – Zoomark 2025 – ASSALCO
4. ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร
5. Global Trade Atlas
6.เครดิตภาพจาก www.zoomark.it