สหรัฐฯ และจีนตกลงลดภาษีนำเข้าสินค้าชั่วคราวเพื่อคลี่คลายสงครามการค้า

สหรัฐอเมริกาและจีนประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ 12 พ.ค. 2025 ว่าทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงเพื่อยุติการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าซึ่งกันและกันชั่วคราวและพยายามคลี่คลายสงครามการค้าที่กำลังคุกคามเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดสองประเทศของโลก โดยอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 145% ของสหรัฐฯ จะลดลงเหลือ 30% เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายยังคงเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งต่อไป
ทั้งสองประเทศระบุในแถลงการณ์ร่วมว่าจะระงับการเก็บภาษีนำเข้าของแต่ละประเทศเป็นเวลา 90 วัน และเดินหน้าเจรจาต่อเนื่องหลังจากที่เริ่มต้นการเจรจาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายใต้ข้อตกลงนี้สหรัฐฯ จะลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจากอัตราปัจจุบัน 145% เหลือ 30% ขณะที่จีนจะลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ จาก 125% เหลือ 10%
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสก็อตต์ เบสเซนต์ กล่าวในการแถลงข่าวที่นครเจนีวาหลังจากที่เจ้าหน้าที่จากสหรัฐฯ และจีนพบปะกันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “สรุปได้ว่าทั้งสองฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกันและเห็นพ้องตรงกันว่าไม่มีใครต้องการแยกตัวออกจากกัน”

สหรัฐฯ และจีนตกลงลดภาษีนำเข้าสินค้าชั่วคราวเพื่อคลี่คลายสงครามการค้า

จีนระบุว่าจะระงับหรือยกเลิกมาตรการภาษีก่อนหน้านี้ที่เคยใช้ตอบโต้ต่อภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2025 อย่างไรก็ดี รัฐบาลจีนยังคงมีการจำกัดการส่งออกสินค้าแร่โลหะหายากและแม่เหล็ก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในอุตสาหกรรมหลายประเภท อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ อากาศยาน และเซมิคอนดักเตอร์
ข้อตกลงระงับการขึ้นภาษีนำเข้าฉบับนี้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ที่ทำให้การค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนหยุดชะงัก ธุรกิจอเมริกันจำนวนมากระงับการสั่งซื้อสินค้าไว้ โดยหวังว่าทั้ง 2 ประเทศจะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อลดอัตราภาษีได้ นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าสงครามการค้าจะชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และทำให้สินค้าในตลาดขาดแคลน ซึ่งอาจผลักดันให้สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นายเบสเซนต์กล่าวในรายการข่าว CNBC เมื่อวันจันทร์ที่ 12 พ.ค. 2025 ว่าทั้งสองประเทศอาจหารือถึงข้อตกลงการจัดซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ ส่งไปยังประเทศจีน ซึ่งอาจช่วยลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ กับจีนได้ “เราพยายามหาผลประโยชน์ร่วมกัน เรามาพร้อมกับรายการปัญหาที่ต้องการแก้ไข และผมคิดว่าเราทำได้ดีทีเดียว” โดยนายเบสเซนต์กล่าวโทษรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดนว่าไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าที่ประธานาธิบดีทรัมป์เคยทำไว้กับจีนในการดำรงตำแหน่งสมัยแรก และระบุว่าข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการเจรจารอบปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินต่อไปอีกหลายสัปดาห์จนกว่าจะได้ข้อตกลงที่ครอบคลุมมากขึ้น
โรงงานในจีนเองก็เผชิญกับการลดคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐฯ อย่างรุนแรง และสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว โดยผู้ผลิตจีนพยายามหันไปขยายการค้ากับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีจากสหรัฐฯ
นายเบสเซนต์กล่าวว่าภาษีที่เก็บเพิ่มขึ้นนั้นเทียบได้กับการสั่งห้ามนำเข้าสินค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่จริงแล้วทั้งสองฝ่ายไม่ต้องการ ทั้งนี้ การเจรจามีผู้เข้าร่วมสำคัญ ได้แก่ นายสก็อต เบสเซนต์ และนายเจมิสัน เกรียร์ ผู้นำการเจรจาของฝ่ายสหรัฐฯ และนายเหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีนผู้ดูแลนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผู้นำการเจรจาของฝ่ายจีนในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในบันทึกการวิเคราะห์ นายมาร์ค วิลเลียมส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ด้านเอเชียของ Capital Economics กล่าวว่าข้อตกลงนี้ถือเป็น “การถอยครั้งสำคัญจากท่าทีแข็งกร้าวของรัฐบาลทรัมป์” เพราะไม่ได้มีข้อผูกพันใดๆ จากจีนในเรื่องค่าเงินหรือความไม่สมดุลทางการค้า และยังเตือนว่าไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าการระงับภาษี 90 วันจะนำไปสู่ข้อตกลงถาวร โดยเฉพาะหากสหรัฐฯ ยังคงพยายามชักชวนประเทศอื่นให้กีดกันการค้ากับจีน
แม้การลดภาษีชั่วคราวจะเป็นข่าวดีสำหรับภาคธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศ แต่อย่างไรก็ตามผลกระทบจะยังคงอยู่ โดยธุรกิจต่างๆ อาจเผชิญกับความต้องการสินค้าที่ค้างสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ราคาค่าขนส่งพุ่งสูง เนื่องจากบริษัทต่างๆ เร่งจองการขนส่งสินค้าในช่วงเวลา 90 วันนี้เพื่อใช้ประโยชน์จากอัตราภาษีที่ลดลง
นายจื้อเว่ย จาง ประธานและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทบริหารสินทรัพย์ Pinpoint Asset Management ในฮ่องกง กล่าวว่าข้อตกลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับทั้งสองประเทศ “ในมุมมองของจีน ผลลัพธ์ของการประชุมครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จ เพราะจีนได้ยืนหยัดตอบโต้ต่อการขึ้นภาษีที่สูงของสหรัฐฯ และสามารถลดภาษีลงได้อย่างมีนัยสำคัญโดยไม่ต้องยอมอ่อนข้อ”
นายเบสเซนต์และนายเกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นที่สหรัฐฯ เรียกร้องให้จีนปราบปรามการลักลอบนำเข้าสารเคมีที่ใช้ผลิตเฟนทานิล โดยนายเบสเซนต์กล่าวว่าจีนเข้าใจถึงความรุนแรง ของวิกฤตเฟนทานิลในสหรัฐฯ และทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันถึงแนวทางที่เป็นบวก ประธานาธิบดีทรัมป์เคยขึ้นภาษี 20% กับสินค้านำเข้าจากจีน โดยกล่าวหาว่าจีนไม่พยายามหยุดยั้งการส่งออกเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งภาษีดังกล่าวยังคงมีผลบังคับใช้ รวมถึงภาษีฐาน 10% ที่เรียกเก็บกับคู่ค้าส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ รวมทั้งจีนด้วย
นายเกรียร์กล่าวว่าการเจรจาดำเนินไปบนพื้นฐานของความเข้าใจและความเคารพซึ่งกันและกันแต่ก็เน้นว่าจีนเป็นประเทศเดียวที่ขึ้นภาษีตอบโต้สหรัฐฯ หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกเก็บภาษีแบบต่างตอบแทนกับหลายประเทศเมื่อเดือนเมษายนที่แล้ว
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2025 รัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศระงับการเก็บภาษีแบบต่างตอบแทนเป็นเวลา 90 วันกับประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ ยกเว้นจีน โดยสหรัฐฯ กำลังเร่งเจรจาทำข้อตกลงการค้ากับประเทศต่างๆก่อนถึงเส้นตายต้นเดือนกรกฎาคม 2025 นี้ รัฐบาลทรัมป์กล่าวหาว่าจีนอุดหนุนอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศและส่งออกสินค้าราคาถูกล้นตลาดโลก โดยประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าจีนหลอกใช้สหรัฐฯ มานานหลายทศวรรษด้วยนโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรมซึ่งส่งผลให้ภาคการผลิตของอเมริกาถูกทำลายและสูญเสียตำแหน่งงานจำนวนมาก
นายหวัง เหวิน คณบดีสถาบันวิจัยการเงินฉงหยาง มหาวิทยาลัยเหรินหมินในกรุงปักกิ่งกล่าวว่า ข้อตกลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของทั้งสองฝ่ายที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เขากล่าวว่าจีนรับมือได้ดีขึ้นกับแนวทางของประธานาธิบดีทรัมป์ในสมัยที่สองนี้มากกว่าที่เคยเป็นในสมัยแรก
ในการนำเสนอข้อตกลงนายเบสเซนต์และนายเกรียร์พยายามหลีกเลี่ยงการวิจารณ์จีนโดยตรง โดยหันไปตำหนิรัฐบาลไบเดนว่าเพิกเฉยต่อความไม่สมดุลทางการค้าของสหรัฐฯ ทั้งสองประเทศสามารถช่วยเหลือกันโดยสร้างสมดุลให้กับเศรษฐกิจของตนเอง โดยสหรัฐฯ สามารถฟื้นฟูภาคการผลิต ขณะที่จีนควรลดการผลิตเกินความจำเป็นในภาคอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ดี ตลอดช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งสหรัฐฯ และจีนยังคงมีการปะทะคารมกันในที่สาธารณะ ทำเนียบขาวยืนยันว่ากำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่จีน ขณะที่ปักกิ่งกลับปฏิเสธว่าไม่มีการพูดคุยใดๆ เกิดขึ้น ในช่วงแรกจีนตอบโต้ต่อภาษีของทรัมป์อย่างแข็งกร้าว โดยเมื่อเดือนที่แล้ว นางเหมา หนิง โฆษกหญิงอาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้โพสต์วิดีโอคำปราศรัยของเหมา เจ๋อตงในช่วงสงครามเกาหลี — ซึ่งจีนเรียกว่า “สงครามต่อต้านการรุกรานของสหรัฐฯ และช่วยเหลือเกาหลี” — โดยกล่าวว่า “ไม่ว่าสงครามนี้จะยืดเยื้อแค่ไหน เราก็จะไม่มีวันยอมแพ้”
จีนพยายามสื่อสารว่าการเข้าร่วมการเจรจาที่นครเจนีวาไม่ใช่การยอมจำนนต่อภาษีของทรัมป์ แต่เป็นก้าวสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียดที่รุนแรงยิ่งขึ้น กระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุว่าข้อตกลงนี้ “เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและประโยชน์ร่วมกันของโลก” พร้อมแสดงความหวังว่าสหรัฐฯ จะร่วมมือกับจีนในการเดินหน้าต่ออย่างสมดุล
นับตั้งแต่มีการประกาศเก็บภาษี จีนได้ดำเนินมาตรการตอบโต้หลายอย่างต่อสหรัฐฯ โดยระงับการนำเข้าสินค้า เช่น ข้าวฟ่าง สัตว์ปีก และกระดูกป่นจากบริษัทอเมริกัน และขึ้นบัญชีดำบริษัทสหรัฐฯ อีก 27 แห่งทำให้บริษัทเหล่านั้นต้องเผชิญข้อจำกัดทางการค้า
แม้ว่าจีนจะลดมาตรการภาษีตอบโต้ที่ดำเนินมาในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่หลายหน่วยงานของจีนรวมถึงกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐยังคงประชุมหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุเชิงยุทธศาสตร์ไปยังสหรัฐฯ
หอการค้าแห่งสหภาพยุโรปประจำประเทศจีนระบุว่ารู้สึกยินดีกับการประกาศข้อตกลงนี้ แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนเนื่องจากการระงับภาษีเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว นายเยนส์ เอสเคลุนด์ ประธานหอการค้าฯ กล่าวว่า “เราหวังว่าจะได้เห็นทั้งสองฝ่ายเดินหน้าเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง และหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าโลกและสร้างความเสียหายต่อภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยไม่ตั้งใจ”
ก่อนหน้าการเจรจาในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ก็พยายามยื่นข้อเสนอลดภาษีโดยระบุว่าอาจจะยอมลดภาษีลงเหลือ 80% ซึ่งเขาเขียนบน Truth Social เมื่อวันเสาร์ก่อนการเจรจาและระบุว่าการเจรจานี้ถือเป็น “การรีเซ็ตครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในบรรยากาศที่เป็นมิตรแต่สร้างสรรค์”

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก
ข้อมูลอ้างอิง The New York Times
thThai