ธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจ MENA ฟื้นตัวปีนี้ แม้ยังเผชิญความไม่แน่นอน-สงครามกดดันภาพรวมระยะยาว

ตามรายงานของธนาคารโลกที่เผยแพร่คาดการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (MENA) จะเร่งตัวขึ้นในปีนี้ แต่แนวโน้มยังคงไม่แน่นอน ท่ามกลางความเสี่ยงจากสงครามการค้า      การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ การเร่งตัวของเศรษฐกิจที่คาดการณ์ไว้เกิดขึ้นหลังจากปีก่อนหน้าที่ผลงานไม่สดใสนัก ซึ่งเป็นผลกระทบจากความขัดแย้งอย่างรุนแรงในกาซาและเลบานอน

ในปีนี้ คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รวมของ MENA จะขยายตัวที่ 2.6%       และจะเพิ่มขึ้นอีกในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ล่าสุดของธนาคารโลกสำหรับการเติบโตในปี 2568 ลดลง 1.3% จากการคาดการณ์ในรายงานเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และการคาดการณ์สำหรับปีหน้า (2569) ก็ลดลง 0.4% จากประมาณการเดิมเช่นกัน โดยให้เหตผลว่า สถานการณ์ในภูมิภาคนี้ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงมาก  นโยบายการค้าระหว่างประเทศ และความผันผวนของราคาน้ำมัน ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่อาจกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจระยะสั้นของประเทศในภูมิภาค MENA

การคาดการณ์ของธนาคารโลกสำหรับภูมิภาค MENA เกิดขึ้นหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยกองทุนได้ลดแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในระยะสั้นอย่างมาก สาเหตุหลักคือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าอย่างรุนแรง โดยเฉพาะจากมาตรการเรียกเก็บภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ

ตามการคาดการณ์ล่าสุด IMF คาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอลงจาก 3.3% ในปีที่แล้ว เหลือ 2.8% ในปีนี้ ซึ่งลดลงครึ่งเปอร์เซ็นต์จากการคาดการณ์ในเดือนมกราคม และคาดว่าจะฟื้นตัวที่ 3% ในปีหน้า   แต่ก็ยังต่ำกว่าการคาดการณ์เดิมของกองทุน ทั้งนี้ IMF คาดว่าเศรษฐกิจในตะวันออกกลางและเอเชียกลางจะเติบโตที่ 3% ในปีนี้ และ 3.5% ในปี 2569

การคาดการณ์ของธนาคารโลกสำหรับภูมิภาค MENA เกิดขึ้นหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยกองทุนได้ลดแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในระยะสั้นอย่างมาก สาเหตุหลักคือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าอย่างรุนแรง โดยเฉพาะจากมาตรการเรียกเก็บภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ

ตามการคาดการณ์ล่าสุด IMF คาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอลงจาก 3.3% ในปีที่แล้ว เหลือ 2.8% ในปีนี้ ซึ่งลดลงครึ่งเปอร์เซ็นต์จากการคาดการณ์ในเดือนมกราคม และคาดว่าจะฟื้นตัวที่ 3% ในปีหน้า   แต่ก็ยังต่ำกว่าการคาดการณ์เดิมของกองทุน ทั้งนี้ IMF คาดว่าเศรษฐกิจในตะวันออกกลางและเอเชียกลางจะเติบโตที่ 3% ในปีนี้ และ 3.5% ในปี 2569

 

ธนาคารโลกยังคาดว่า ทั้งประเทศผู้นำเข้าน้ำมันและผู้ส่งออกน้ำมันในภูมิภาค MENA จะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับปานกลาง แต่โชคชะตาทางเศรษฐกิจของพวกเขายังคงผูกติดอยู่กับสภาพแวดล้อมของความไม่แน่นอนด้านนโยบายระดับโลกที่ยังคงสูง

การเติบโตเศรษฐกิจของ MENA แม้ราคาน้ำมันตกต่ำ

แม้ต้องเผชิญกับราคาน้ำมันที่ลดลง กลุ่มประเทศ MENA โดยเฉพาะกลุ่ม GCC (เช่น ซาอุดีอาระเบีย และ ยูเออี) ยังคงเติบโตทางเศรษฐกิจได้ โดยพึ่งพาการเพิ่มการผลิตน้ำมันตามแผน OPEC+ และการเร่งกระจายเศรษฐกิจสู่ภาคที่ไม่ใช่น้ำมัน

ในปี 2568  คาดว่า GDP ของ MENA จะเติบโตที่ 3.2% เพิ่มขึ้นจาก 1.9% ในปี 2567 ส่วนกลุ่ม GCC คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 4.5% ในปี 2569 โดยยูเออี มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องถึง 4.9% ในปีหน้า แม้ยังมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมันและปัจจัยทางการค้าระดับโลก แต่การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจังช่วยให้หลายประเทศในภูมิภาคสามารถรักษาเสถียรภาพและการเติบโตได้ต่อเนื่อง

การเติบโตของประเทศผู้นำเข้าน้ำมันในภูมิภาค MENA

เศรษฐกิจของประเทศผู้นำเข้าน้ำมันในภูมิภาค MENA มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น ราคาน้ำมันที่ต่ำลงอาจช่วยลดผลกระทบด้านลบอื่น ๆ ต่อเงื่อนไขทางการค้าได้บางส่วน โดยธนาคารโลกคาดการณ์ว่า GDP จะเติบโตที่ 3.4% ในปี  2568 และเร่งเป็น 3.7% ในปี 2569 ซึ่งใกล้เคียงกับประมาณการเดิม โดยคาดว่าเศรษฐกิจอียิปต์ซึ่งเป็นประเทศอาหรับที่มีประชากรมากที่สุด ในปีงบประมาณ 2568 GDP จะเติบโตจาก 2.4% เป็น 3.8% โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวเมื่ออัตราเงินเฟ้อชะลอลง ขณะที่โมร็อกโก คาดว่าจะเติบโต 3.4% จากภาคการเกษตรที่ฟื้นตัวและตูนิเซีย คาดว่าจะขยายตัวที่ 1.9% โดยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนที่ดีขึ้น แม้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากราคาน้ำมันผันผวน แต่ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันกลับได้ประโยชน์จากราคาที่ลดลง ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสนับสนุนการเติบโตในบางส่วน

สันติภาพที่เปราะบางกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค MENA

สันติภาพในภูมิภาค MENA ยังคงเปราะบาง และเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของเศรษฐกิจในอนาคต ความขัดแย้งไม่เพียงสร้างความเสียหายโดยตรง แต่ยังซ้ำเติมความยากจนและทำให้การฟื้นตัวของประเทศต่าง ๆ เป็นไปอย่างล่าช้าและไม่ทั่วถึง บางประเทศในภูมิภาค MENA จะเริ่มมีแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่ภาพรวมของภูมิภาคยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งและความรุนแรง ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน

หนึ่งในกรณีรุนแรงที่สุดคือ ความขัดแย้งในฉนวนกาซา ซึ่งส่งผลให้ GDP ของดินแดนปาเลสไตน์โดยรวมลดลงถึง 27% ในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในฉนวนกาซาที่ GDP ดิ่งลงถึง 83% ส่วนเขตเวสต์แบงก์ก็ลดลง 17% ทั้งนี้ สัดส่วนเศรษฐกิจของฉนวนกาซาต่อภาพรวมของปาเลสไตน์ลดลงจาก 17% เหลือเพียง 3.3% ภายในสิ้นปี 2567

ความยากจน กลายเป็นปัญหารุนแรงตามมา โดยในเวสต์แบงก์มีอัตราความยากจนอยู่ที่ 28.5% ขณะที่ชาวกาซาเกือบทั้งหมดตกอยู่ในภาวะยากจน ธนาคารโลกชี้ว่าไม่มีประเทศใดในภูมิภาคที่ประสบสงครามสามารถฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างสมบูรณ์ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงรอยแผลลึกจากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ

การค้าไทย–MENA ขยายตัวแรง

ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศระบุว่า การค้าระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศ MENA ในไตรมาสแรกปี 2568 มีมูลค่ารวม 11,651 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 21.4% โดยเป็นการส่งออก 3,186 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+10.5%) และนำเข้า 8,466 ล้านเหรียญสหรัฐ (+26.2%) ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าถึง 5,280 ล้านเหรียญสหรัฐ (เนื่องจากไทยนำเข้าน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติจากกลุ่ม MENA เป็นหลัก) สินค้าส่งออกหลักของไทยได้แก่ ยานพาหนะ อาหารแปรรูป อัญมณี ข้าว ผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสิ่งทอ

ความเห็นของ สคต.ดูไบ

เศรษฐกิจ MENA ยังคงเผชิญแรงเสียดทานจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน แต่ในด้านการนำเข้าสินค้า ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันอาจได้ประโยชน์จากราคาพลังงานที่ลดลงน้ำมัน สามารถใช้โอกาสในการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศ สำหรับประเทศที่พึ่งพารายได้จากน้ำมันและประเทศที่เผชิญความขัดแย้งจะต้องเผชิญความเสี่ยงด้านการนำเข้าสูงขึ้น ควรเร่งการกระจายฐานเศรษฐกิจ (Diversification) เพื่อไม่ให้พึ่งพารายได้จากพลังงานมากเกินไปภูมิภาคนี้จึงต้องมีนโยบายเชิงรุกเพื่อรักษาสมดุลเศรษฐกิจ  ลงทุนในระบบโลจิสติกส์และความมั่นคงด้านอาหาร เพื่อรองรับวิกฤติซ้ำซ้อน โดยสรุป สันติภาพในภูมิภาค MENA ยังคงเปราะบาง และ         เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของเศรษฐกิจในอนาคต ความขัดแย้งไม่เพียงสร้างความเสียหายโดยตรง แต่ยังซ้ำเติม ความยากจนและทำให้การฟื้นตัวของประเทศต่าง ๆ เป็นไปอย่างล่าช้าและไม่ทั่วถึง

 

 

 

 

thThai