กลุ่มสินค้านำเข้าจากจีนสุ่มเสี่ยงต่อการขาดตลาดในระยะนี้

เนื้อหาสาระข่าว: จากการที่สหรัฐฯ โดยนโยบายเรือธงของประธานาธิบดีทรัมป์ เริ่มบังคับใช้มาตรการกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนสูงถึง 145% ทำให้มีการคาดการณ์ว่าสินค้าหลากหลายประเภทที่ปกติจะนำเข้าจากประเทศจีนอาจเริ่มลดลงในช่วงปลายฤดูร้อนนี้ เนื่องจากการใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมและช่วงเทศกาลวันหยุดจะเพิ่มมากขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเตือนว่าการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วของการจับจ่ายใช้สอยอาจส่งผลให้เกิดสภาวะการขาดแคลนสินค้าในทำนองคล้ายคลึงกับเมื่อมีโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งหมายความรวมถึงสินค้าที่ประกอบในสหรัฐฯ หรือที่อื่นๆ ที่ใช้วัตถุดิบหรือส่วนประกอบจากประเทศจีน

ก่อนหน้านี้บรรดาผู้ค้าปลีกในสหรัฐฯจำนวนมากต่างเร่งเพิ่มสินค้าในสต๊อกของตน ก่อนที่มาตรการกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจะเริ่มบังคับใช้ ส่งผลให้มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นมาการนำเข้าสินค้ากลับชะลอตัวลง โดยผู้ค้าปลีกจำนวนไม่น้อยพากันยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าเสื้อผ้า สินค้าสำหรับเด็ก และสินค้าอื่นๆ ที่ปกติจะสั่งนำเข้าสินค้ามายังสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม มีนักวิเคราะห์จากธนาคารเพื่อการลงทุน TD Cowen ให้ข้อสังเกตว่ามีความเป็นไปได้สูงที่บรรดาผู้ค้าในสหรัฐฯจะเผชิญกับสภาวะสินค้าขาดสต๊อกครั้งใหญ่ หลังจากที่สินค้าที่สต็อกเอาไว้ก่อนหน้านี้พร่องไป เนื่องจากการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนจะยากมากขึ้น ตัวอย่างของกลุ่มสินค้าที่จะประสบสภาวะดังกล่าว ได้แก่ คอมพิวเตอร์ รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ และแบตเตอรี่สำรองไฟฟ้า โดยข้อมูลดังกล่าวอ้างอิงจากสถิติการนำเข้าสินค้าของท่าเรือลอสแองเจลิสและท่าเรือลองบีช ซึ่งนำเข้าสินค้าจากเอเชียประมาณ 40%

ทั้งนี้ จากข้อมูลของบริษัท Flexport ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการการจัดการระบบห่วงโซ่อุปทาน ระบุว่า ให้หลังการนำเข้าที่กระโดดสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ก่อนมาตรการกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจะเริ่มบังคับใช้ ยอดการจองตู้คอนเทนเนอร์สินค้าจากจีนไปยังสหรัฐฯลดลงมากถึง 60% และพบว่า “การเดินเรือเปล่า” หรือการยกเลิกการเดินทางไปยังท่าเรือลอสแองเจลิสเพิ่มขึ้นเป็น 17 ครั้งในเดือนพฤษภาคม จากเพียง 6 ครั้งในเดือนเมษายน

จากวิเคราะห์ของ TD Cowen ในภาพรวมมีสินค้าหลายประเภทที่ผู้ค้าในสหรัฐฯนำเข้าจากจีนและมีความเสี่ยงสูงที่สินค้าจะขาดแคลนเนื่องจากสงครามการค้าที่กำลังดำเนินอยู่ ต่อไปนี้คือรายชื่อสินค้าบางส่วนจากประเทศจีนที่อาจเผชิญสภาวะขาดแคลนสินค้าในไม่ช้านี้อันเป็นผลจากมาตรการกำแพงภาษีนำเข้าสินค้า

  • ขนเป็ด/ห่าน (Down feathers) : ปัจจุบันสหรัฐฯนำเข้าขนเป็ด/ห่านจากประเทศจีนทั้งหมดมูลค่าประมาณ 1.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 77% ของขนเป็ด/ห่านที่นำเข้าทั้งหมด โดยขนเป็ด/ห่านมักถูกใช้เป็นวัสดุให้ความอบอุ่นในสินค้าผ้าห่มและเสื้อผ้าชั้นนอก
  • ของเล่น เกม และอุปกรณ์กีฬา (Toys, games and sports equipment) : ปัจจุบันสินค้าของเล่น เกม และอุปกรณ์กีฬาที่วางขายในสหรัฐฯมูลค่ามากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์นำเข้าจากประเทศจีน ซึ่งคิดเป็น 73% ของมูลค่าการนำเข้ากลุ่มสินค้าดังกล่าวทั้งหมดของสหรัฐฯ โดยสงครามการค้าที่เกิดขึ้นอยู่นี้อาจส่งผลให้สินค้าขาดแคลนของเล่นเด็กขาดแคลนในช่วงก่อนคริสต์มาส
  • งานศิลปะสิ่งทอ (Textile art) : ปัจจุบันสหรัฐฯ นำเข้าศิลปะสิ่งทอจากประเทศจีนมูลค่ารวม 8.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของมูลค่าสินค้างานศิลปะสิ่งทอทั้งหมดที่สหรัฐฯ นำเข้า
  • รองเท้า (Footwear) : สหรัฐฯ พึ่งพาการนำเข้าสินค้ารองเท้าจากประเทศจีนค่อนข้างมาก โดยมีมูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ประมาณ 9.8 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 36% ของรองเท้าที่ขายในประเทศ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทรองเท้ารายใหญ่อย่าง Adidas ก็เป็นอีกหนึ่งที่ได้ประกาศว่าอาจมีการปรับขึ้นราคาสำหรับลูกค้าในสหรัฐฯ เนื่องจากมาตรการกำแพงภาษีนำเข้าสินค้า
  • เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร (Cutlery) และเครื่องแก้ว (Glassware) : สินค้าภาชนะใส่อาหารและเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารต่าง ๆ ที่นำเข้าจากประเทศจีนอาจเริ่มหายากขึ้นเช่นกัน โดยในปัจจุบันสหรัฐฯ นำเข้าสินค้าช้อนส้อมและเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารมูลค่ากว่า 3.1 พันล้านดอลลาร์จากประเทศจีน และเกือบ 30% ของการนำเข้าสินค้าเครื่องแก้วและสินค้าอื่นๆที่ทำจากแก้วของสหรัฐฯล้วนนำเข้าจากประเทศจีน
  • เฟอร์นิเจอร์และเครื่องนอน (Furniture and bedding) : สินค้าเฟอร์นิเจอร์และเครื่องนอนมูลค่ากว่า 1.85 หมื่นล้านดอลลาร์นำเข้ามาจากประเทศจีน คิดเป็น 28% ของการนำเข้าทั้งหมดของสินค้ากลุ่มนี้
  • เครื่องแต่งกาย (Apparel) : สหรัฐฯนำเข้ากลุ่มสินค้าเครื่องแต่งกายจากประเทศจีนมูลค่ากว่า 17,300 ล้านดอลลาร์ โดยในจำนวนนี้รวมถึงสินค้าเสื้อผ้าถักหรือโครเชต์ (knit or crocheted clothing) เกือบ 1หมื่นล้านดอลลาร์ และเสื้อผ้าไม่ถัก (not-knit apparel) ประมาณ 7,300 ล้านดอลลาร์

นอกเหนือจากต้นทุนที่คาดว่าจะปรับสูงขึ้นของสินค้าอุปโภคบริโภคแล้ว ยังมีธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่อาจเผชิญกับความท้าทายอันเนื่องมาจากมาตรการกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าและสงครามการค้า อาทิ อุตสาหกรรมสินค้าเครื่องจักรไฟฟ้า (สหรัฐฯนำเข้ามูลค่า 1.24 แสนล้านดอลลาร์) อุตสาหกรรมเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ หม้อไอน้ำ และเครื่องจักรอื่นๆ (สหรัฐฯนำเข้ามูลค่า 8. หมื่นล้านดอลลาร์) อุตสาหกรรมสินค้าที่ทำจากเหล็กหรือเหล็กกล้า (สหรัฐฯนำเข้ามูลค่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์) และ อุตสาหกรรมสินค้าพลาสติก (สหรัฐฯนำเข้ามูลค่า 1.93 หมื่นล้านดอลลาร์) ตามข้อมูลจาก International Trade Administration ของสหรัฐฯ

ที่มา: CBS News
เรื่อง: “These Chinese-made products could soon be hard to find in the U.S.”
โดย: Megan Cerullo
สคต. ไมอามี /วันที่ 9 พ.ค. 2568
thThai