มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาส่งผลให้การนำเข้าลดลง มีแนวโน้มสินค้าขาดตลาด

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตลาดสหรัฐฯปัจจุบันและที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ จากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดี Donald Trump คือ การนำเข้าสินค้าแสดงแนวโน้มลดลงอย่างมาก คาดการณ์สินค้าจะเริ่มขาดตลาดในเดือนพฤษภาคม 2568

 

Port of Los Angeles และ Port of Long Beach เป็นแหล่งขนถ่ายสำคัญของสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯในเอเซีย หรือร้อยละ 40 ของสินค้าที่เดินทางมาจากประเทศคู่ค้าในเอเซีย ปัจจุบันพบว่าการขนส่งสินค้าที่ท่าเรือดังกล่าวลดลง ในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนเมษายน 2568 การขนถ่ายสินค้าลดลงจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2567 ร้อยละ 10 และมีแนวโน้มว่าการนำเข้าจะลดลงต่อไป ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 ผู้บริหารระดับสูงของท่าเรือ Los Angeles คาดการณ์ว่า ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า การนำเข้าจะลดลงอีกร้อยละ 35 การนำเข้าจากจีน

 

Flexport บริษัทบริหารจัดการระบบห่วงโซ่อุปทาน รายงานว่า ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิตเป็นระยะเวลาเริ่มต้นของการจัดส่งสินค้า ไปจำหน่ายในช่วงเวลา back to school และเทศกาล Halloween ปกติแล้วในช่วงนี้การจองเรือเพื่อบรรทุกสินค้าเข้าสหรัฐฯ จะเพิ่มสูงกว่าทุกช่วงเวลา แต่ปัจจุบันการจองเรือเพื่อขนสินค้าออกจากจีนไปสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 60 ธุรกิจโลจิสติกส์จำนวนมากรายงานไปในทำนองเดียวกัน Vizion บริษัทให้บริการติดตามการเดินทางของตู้สินค้า รายงานว่า

 

ในสัปดาห์ที่ 3 เดือนเมษายน 2568  ปริมาณการจองพื้นที่ขนส่งตู้สินค้าจากจีนไปสหรัฐฯ ลดลงจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2567 ร้อยละ 45  สาเหตุหลักของการลดลงของการจองพื้นที่บนเรือเพื่อขนส่งสินค้าคือ ไม่มีสินค้าใส่ตู้ ผู้นำเข้าจำนวนมากระงับการนำเข้า เพราะไม่มั่นใจในสถานการณ์ในสหรัฐฯที่มีความไม่แน่นอนสูงมาก เพราะความผันผวนของมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดี ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าทั่วโลก

 

Sea-Intelligence บริษัทวิจัยการเดินเรือ รายงานว่า ระหว่างวันที่ 11 เมษายน – 11 พฤษภาคม 2568 จำนวนเรือขนส่งสินค้าจากเอเซียไปสหรัฐฯ บนเส้นทางการค้าทางมหาสมุทรแปซิฟิค ที่ไม่มีตู้สินค้า “blank-sailings” มีจำนวนเพิ่มขึ้น เมื่อสิ้นเดือนมีนาคม 2568 มีตู้สินค้าเปล่าประมาณ 60,000 ตู้ หลังวัน Liberation Day มีตู้สินค้าว่างเปล่า 250,000 ตู้ และในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนเมษายน มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 367,800 ตู้มีกระแสข่าวว่า บริษัทเรือขนส่งสินค้าหลายรายวางแผนว่าอาจยกเลิกเส้นทางเดินเรือออกจากจีนและจะหันไปเพิ่มการขนส่งออกจากท่าเรือในประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันค่า freight จากท่าเรือในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้พุ่งสูงขึ้น เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ค่า freight จากประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ 2,890 เหรียญฯ ต่อ FEU (Forty-Food Equivalent Unit) สูงกว่าการขนส่งจากจีนที่ค่า freight อยู่ที่ 2,709 เหรียญฯ ต่อ FEU

 

ปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกหลายรายจะยังคงมีสินค้าวางจำหน่าย เนื่องจากได้เร่งสร้างสต๊อกสินค้าด้วยการเร่งการนำเข้าในไตรมาสแรกของปี 2568 ทำให้การนำเข้าในช่วงเวลาดังกล่าวเติบโตร้อยละ 14 แต่จำนวนสินค้าที่สต๊อกไว้เริ่มลดลง ผู้บริหาร Port of Los Angeles คาดการณ์ว่า ในฤดูร้อนในปี 2568 สินค้าหลายรายการจะขาดตลาดและสินค้าที่วางจำหน่ายบนชั้นจะมีราคาพุ่งสูงขึ้นอีก สอดคล้องกับคำเตือนจากธุรกิจค้าปลีกสหรัฐฯ ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 ผู้บริหารระดับสูงของผู้ค้าปลีกรายใหญ่สุดของสหรัฐฯ 3 ราย คือ Walmart, Target และ Home Depot ได้ประชุมหารือกับประธานาธิบดี Trump และได้เตือนว่า นโยบายการค้าและมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าจะเข้าไปขัดจังหวะห่วงโซ่อุปทาน และภายในสองสัปดาห์ ระหว่างต้นเดือนถึงปลายเดือนพฤษภาคม 2568 สินค้าจะเริ่มขาดตลาด และ สินค้าทุกอย่าง ไม่เฉพาะแต่สินค้าอาหาร จะมีราคาสูงขึ้น

 

ผู้ที่จะได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรกจากความผันผวนของการขนส่งสินค้าเข้าสหรัฐฯ คือ ท่าเรือบนฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ แรงงานและภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงธุรกิจการขนส่งสินค้าภายในสหรัฐฯ เมื่อการนำเข้าลดลง จะทำให้เกิดการลดลงของรายได้จากการทำธุรกิจและการยกเลิกการจ้างงาน เมื่อสถานการณ์การนำเข้ากลับคืนสู่สภาวะปกติ ราคา freight จะเพิ่มขึ้น อาจมีการขาดแคลนตู้สินค้า การขนถ่ายสินค้าใช้เวลานานเพราะเกิดการติดขัดของการทำงานที่ท่าเรือ

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส เมษายน 2568 
หมายเหตุ: ข่าวข้างบนนี้เป็นข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งที่จัดทำและนำเสนอข้อมูลเปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไป และบางส่วนเป็นความเห็นส่วนบุคคล สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส นำมารวบรวมเผยแพร่เพื่อแก่ผู้สนใจ เนื่องจากเป็นข้อมูลและความเห็นจากบุคคลที่สาม การนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณเฉพาะบุคคล สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส ไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้

thThai