องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) ระบุว่า ฮ่องกงควรใช้จุดแข็งด้านบริการวิชาชีพและประสบการณ์ในเวทีสากลให้เป็นประโยชน์ เพื่อเชื่อมโยงภาคธุรกิจของจีนแผ่นดินใหญ่กับบริษัทในกาตาร์และคูเวต ซึ่งต่างกำลังเร่งเดินหน้ากระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความตึงเครียดของการค้าโลก
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่คณะผู้แทนฮ่องกงจะเดินทางเยือนตะวันออกกลางในช่วงปลายสัปดาห์นี้ โดยภารกิจเยือนครั้งนี้มีกำหนด 5 วัน นำโดย Mr. John Lee Ka-chiu ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง และถือเป็นครั้งแรกที่คณะผู้แทนอย่างเป็นทางการจะมีตัวแทนจากจีนแผ่นดินใหญ่ร่วมเดินทางด้วย
Ms. Irina Fan Yuen-yee, Director of Research กล่าวว่า ฮ่องกงอยู่ในจุดที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงธุรกิจจากจีนแผ่นดินใหญ่และตะวันออกกลาง ซึ่งต่างกำลังมองหาโอกาสในการเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่ของกันและกัน
เขากล่าวว่า “ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งจากสงครามหรือมาตรการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ ทำให้บรรดาประเทศคู่ค้าทั่วโลกเริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป”
“ประเทศในตะวันออกกลางที่เคยมุ่งเน้นตลาดยุโรปและสหรัฐฯ บัดนี้มีแรงจูงใจมากขึ้นในการขยายความร่วมมือไปยังตลาดใหม่ โดยเฉพาะในเอเชีย พร้อมทั้งเดินหน้าลงทุนในอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศของตน”
Ms. Fan ระบุเพิ่มเติมว่า ฮ่องกงสามารถให้การสนับสนุนธุรกิจจีนที่กำลังขยายตัวในเวทีโลก ด้วยจุดแข็งในด้านกฎหมาย การเงิน และการให้คำปรึกษาทางธุรกิจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยเฉพาะต่อบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่ยังขาดประสบการณ์ในตลาดต่างประเทศ
ในปี 2024 กาตาร์และคูเวตมีสัดส่วนการค้าน้อยกว่า10% ของมูลค่าการค้ารวมระหว่างฮ่องกงกับกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council: GCC) ซึ่งนอกจากสองประเทศดังกล่าวแล้ว กลุ่ม GCC ยังประกอบด้วยบาห์เรน โอมาน ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)
ทั้งกาตาร์และคูเวตต่างกำลังเดินหน้าผลักดันยุทธศาสตร์การกระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจ เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมัน เช่นเดียวกับซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่ง ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง เคยนำคณะผู้แทนเดินทางเยือนในปี 2023
ในปี 2023 ภาคเศรษฐกิจนอกกลุ่มน้ำมันของกาตาร์มีสัดส่วนคิดเป็นราวสองในสามของ GDP โดยครอบคลุมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การเงินและประกันภัย การผลิต ก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้กาตาร์ยังตั้งเป้าเพิ่มงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาให้ถึงระดับ 1.5% ของ GDP ภายในปี 2030 โดยมีภาคเอกชนเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนถึง 60%
สำหรับคูเวต แม้อุตสาหกรรมน้ำมันจะยังคงเป็นกลไกหลักของเศรษฐกิจ โดยคิดเป็นครึ่งหนึ่งของ GDP ปี 2023 แต่ภาคเศรษฐกิจนอกกลุ่มน้ำมันก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 7% ตั้งแต่ปี 2016 หัวใจสำคัญในแผนพัฒนาประเทศของคูเวต คือการส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชน ผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น การเพิ่มสัดส่วนของโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการลงทุนร่วมระหว่างรัฐและเอกชน รวมถึงการเร่งเดินหน้าแผนแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
Ms. Fan ระบุว่า จุดแข็งของฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ในด้านการค้าดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เมืองอัจฉริยะ และโซลูชันเพื่อความยั่งยืน ตอบโจทย์ความสนใจในการลงทุนของทั้งกาตาร์และคูเวต ยกตัวอย่างเช่น กาตาร์และคูเวตกำลังให้ความสนใจลงทุนใน AI ซึ่งจีนถือเป็นพันธมิตรที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นประเทศที่ครอบครองสิทธิบัตร AI มากที่สุดในโลก
ขณะเดียวกัน ความเชี่ยวชาญของจีนในเศรษฐกิจการบินระดับต่ำ (low-altitude economy) ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการสถานีผลิตน้ำมันในคูเวต โดยมีการใช้โดรนอัจฉริยะเพื่อควบคุมและตรวจสอบการทำงานของโรงกลั่น นอกจากนี้ ผู้รับเหมารายใหญ่ในโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลายรายของคูเวตก็เป็นบริษัทจากจีนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน
Mr. Edmund Lo Chung-hei, the economist with the council’s Asian ระบุว่า โอกาสความร่วมมือระหว่างฮ่องกงกับกาตาร์ยังเปิดกว้างในหลายสาขา โดยเฉพาะด้านโลจิสติกส์และเศรษฐกิจดิจิทัล โดยกล่าวว่า “ทั้งฮ่องกงและกาตาร์ต่างเป็นศูนย์กลางการบินที่แข็งแกร่ง หากสามารถประสานความร่วมมือกันในด้านโลจิสติกส์ ก็จะช่วยเปิดประตูสู่ตลาดยุโรปและแอฟริกาได้มากยิ่งขึ้น”
เขาระบุเพิ่มเติมว่า ฮ่องกงยังสามารถใช้จุดแข็งด้านเทคโนโลยีการเงิน (fintech) เพื่อสนับสนุนกาตาร์ในการขับเคลื่อนสู่ระบบดิจิทัล พร้อมทั้งมีบทบาทในการผลักดันการใช้เงินหยวนในระดับสากล
จากผลสำรวจของ HKTDC เมื่อปีที่ผ่านมา พบว่า กว่า 90% ของธุรกิจจีนในเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี (Yangtze River Delta) มีแผนขยายสู่ตลาดต่างประเทศภายในระยะเวลา 2 ปี โดยในจำนวนนี้ 95% มุ่งเป้าไปยังประเทศที่เข้าร่วมโครงการ Belt and Road Initiative ขณะที่ประมาณ 80% ระบุว่าต้องการใช้บริการสนับสนุนจากฮ่องกง โดยเฉพาะในด้านการเงินและการบริหารความเสี่ยง
เขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี ซึ่งมีนครเซี่ยงไฮ้เป็นศูนย์กลาง ถือเป็นภูมิภาคเศรษฐกิจสำคัญของจีน และเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ทั้งกาตาร์และคูเวตต่างก็มีบทบาทในโครงการ Belt and Road Initiative ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ของจีนในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจทั่วเอเชีย ยุโรป แอฟริกา และอเมริกาใต้ ผ่านโครงข่ายการค้าและการลงทุนที่มีจีนเป็นศูนย์กลาง
ความคิดเห็นของ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง
ทั้ง ฮ่องกงและ GCC ต่างกำลังหาตลาดใหม่เพื่อลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ฮ่องกงเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและบริการทางการเงิน ขณะที่ GCC มุ่งกระจายเศรษฐกิจออกจากภาคน้ำมัน นอกจากนี้ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินและโลจิสติกส์ที่ช่วยจีนขยายการค้าและการลงทุนไปยัง GCC ผ่านโครงการ BRI ช่วยจัดหาเงินทุนและบริหารความเสี่ยง พร้อมสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัล ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างฮ่องกงและกลุ่มประเทศ GCC ที่แน่นแฟ้นขึ้น การเติบโตนี้ช่วยส่งเสริมการลงทุน การค้าดิจิทัล และโลจิสติกส์ระหว่างสองภูมิภาค ไทยสามารถใช้โอกาสนี้ในการเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงสินค้าและการลงทุนในภูมิภาค หากไทยพัฒนาความร่วมมือกับฮ่องกงอย่างเหมาะสม จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเข้าถึงตลาด GCC ได้มากขึ้น
แหล่งข้อมูล: https://www.scmp.com/news/hong-kong/hong-kong-economy/article/3309316/how-can-hong-kong-help-connect-mainland-chinese-firms-qatar-and-kuwait