องค์กรเพื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านห่วงโซ่ความเย็นในแอฟริกาตะวันตก (OTACCWA) โดยนายอเล็กซานเดอร์ อิซอง ประธานองค์กรเปิดเผยเรื่องนี้ในการสัมภาษณ์กับสำนักข่าวไนจีเรียในเมืองลากอสว่าไนจีเรียต้องการรถบรรทุกห้องเย็น 5,000 คันและห้องเย็น 100 ห้องซึ่งแต่ละห้องมีความจุ 500 ตันเพื่อแก้ปัญหาการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยวมูลค่า 3.5 ล้านล้านไนร่าต่อปี ซึ่งตามข้อมูลของประธานองค์กรฯ ไนจีเรียผลิตอาหารประมาณ 55 ล้านเมตริกตันต่อปี แต่สูญเสียไปประมาณ 40% เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานห่วงโซ่ความเย็นที่ไม่เพียงพอส่งผลให้เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจมากกว่า 3.5 ล้านล้านไนร่าต่อปี โดยปัจจุบันไนจีเรียมีห้องเย็นขนาดเล็กและไม่เพียงพอซึ่งผลผลิตเพียงอย่างเดียวที่ได้รับประโยชน์จากการจัดเก็บแบบเย็นคือปลาที่นำเข้า
โครงสร้างพื้นฐานของห่วงโซ่ความเย็นมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารในภาคเกษตรกรรมของไนจีเรียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการลดการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยว หากความกังวลหลักของรัฐบาลไม่ใช่การต่อสู้กับการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยว การบรรลุเป้าหมายในการขจัดความไม่มั่นคงทางอาหารในไนจีเรียให้หมดสิ้นไปจะเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างแท้จริงอุปสรรคหลักคือการขาดสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดเก็บความเย็นที่เพียงพอซึ่งเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหาการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยวและสร้างความท้าทายที่ร้ายแรงให้กับองค์กรต่างๆ นอกจากนี้ห่วงโซ่ความเย็นเป็นส่วนสำคัญของเกษตรกรรม และหากขาดการลงทุนที่เพียงพอ การเติบโตและศักยภาพของภาคส่วนนี้ก็จะจำกัดลงอย่างมาก
ประธานองค์กรฯ ระบุถึงช่องว่างด้านเงินทุนและการลงทุนเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญโดยสังเกตว่าธนาคารของไนจีเรียมักขาดความเข้าใจในภาคส่วนห่วงโซ่ความเย็น ทำให้องค์กรต่างๆ เช่น OTACCWA เข้าถึงสินเชื่อได้ยากซึ่งน่าเสียใจกับระดับการตระหนักรู้และการนำสิ่งอำนวยความสะดวกด้านห่วงโซ่ความเย็นมาใช้ที่ต่ำในไนจีเรียโดยหลายคนมองว่าห่วงโซ่ความเย็นเป็นเพียงส่วน ‘พิเศษ’ ของเกษตรกรรมมากกว่าที่จะเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ และได้ตั้งข้อสังเกตว่าความเข้าใจผิดนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้เพื่อให้ความรู้แก่เกษตรกร พ่อค้าคนกลาง ผู้ทำการตลาด และประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานห่วงโซ่ความเย็นในภาคเกษตรกรรม
ในส่วนที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์ ศักยภาพในการส่งออก และช่องว่างด้านนโยบายสำหรับอุตสาหกรรมนี้ยังประสบปัญหา หากไม่มีห่วงโซ่ความเย็นอย่างต่อเนื่องแล้วการรับรองผลิตภัณฑ์ก็จะไม่สามารถทำได้ซึ่งจะจำกัดโอกาสในการส่งออกอย่างมากจึงจำเป็นในการเสริมสร้างระบบโลจิสติกส์และสร้างความเชื่อมโยงที่มั่นคงในตลาดเพื่อเพิ่มความน่าดึงดูดใจของผลิตภัณฑ์ไนจีเรีย ในขณะที่ยังคงรักษาระบบห่วงโซ่ความเย็นที่สอดคล้องกันซึ่งการขาดทิศทางนโยบายและกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจนสำหรับการพัฒนาห่วงโซ่ความเย็นในไนจีเรียเป็นความท้าทายที่สำคัญด้วยหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ที่มีบทบาทที่แตกแยกกันทำให้นโยบายห่วงโซ่ความเย็นที่ครอบคลุมมีความจำเป็นในการยกระดับภาคส่วนให้เทียบเท่ากับมาตรฐานระดับโลก
ทั้งนี้ โครงสร้างเกษตรกรรายย่อยและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มแรงกดดันหากขาดการรวมตัวกันแบบร่วมมือกันทำให้การนำโซลูชั่นห่วงโซ่ความเย็นขนาดใหญ่ไปใช้ทำได้ยาก นอกจากนี้ พ่อค้าคนกลางที่ครอบงำตลาดอาจลังเลที่จะปรับตัวเนื่องจากมีความรู้จำกัดหรือกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของการดำเนินธุรกิจที่มีอยู่เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้เผชิญกับความท้าทายด้านสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม เช่น อุณหภูมิที่รุนแรงและความชื้นสูงซึ่งอาจทำให้ผลผลิตเน่าเสียได้อย่างรวดเร็วหากไม่มีระบบห่วงโซ่ความเย็นที่ทำงานได้ อีกทั้ง วงจรการผลิตตามฤดูกาลยังส่งผลต่อความผันผวนของราคาซึ่งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและการเติบโตของภาคส่วนอีกด้วย ดังนั้น โครงสร้างพื้นฐานของระบบห่วงโซ่ความเย็นสามารถช่วยเพิ่มความพร้อมใช้งานและขยายความหลากหลายของอาหารในไนจีเรียได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสินค้าที่เน่าเสียง่าย เช่น ผลไม้ ผัก และโปรตีน