หลังจากสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นจากสินค้าที่ส่งออกจากประเทศต่างๆ ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มทบทวนผลกระทบทางเศรษฐกิจ ล่าสุด บริษัทที่ปรึกษา EY ได้ให้ความเห็นว่าอาจต้องปรับการคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรในปี 2025 ลดลงเหลือ 0.8% จากเดิม 1.0% และในปี 2026 อาจลดลงเหลือ 0.9% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 1.6%
สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสหราชอาณาจักรในอัตรา 10% และจะเรียกเก็บ 25% ในสินค้าอลูมิเนียม เหล็ก และรถยนต์ ส่งผลให้บริษัทนักลงทุนมองว่าสถานการณ์การค้าโลกเริ่มเข้าสู่ความไม่แน่นอนในระดับสูง ซึ่งเป็นผลกระทบจากความไม่แน่นอนและการคาดการณ์สถานการณ์ตลาดโลกจะส่งผลต่อการลงทุนในระยะสั้น โดยภาษีนำเข้าจะเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกของสหราชอาณาจักร ทั้งนี้ สหรัฐฯ เป็นตลาดสำคัญทางด้านบริการของสหราชอาณาจักร และเป็นตลาดส่งออกหลักที่มีสัดส่วนมากถึง 16% ของการส่งออกสินค้าของสหราชอาณาจักร ซึ่งถึงแม้การเรียกเก็บภาษีจะยังไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสหราชอาณาจักร แต่สหราชอาณาจักรจะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากปฏิกิริยาของตลาดโลก และคาดว่าการส่งออกในปี 2025 ของสหราชอาณาจักร จะลดลง 0.5%
ในขณะที่ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรลดลง -23 จุด หลังจากการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งในช่วงเดือนเมษายนนี้ ผู้คนในสหราชอาณาจักรจะต้องมีค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น ทั้งภาษีโรงเรือน และค่าใช้จ่ายพลังงาน ที่ครบกำหนดประกาศขึ้นอัตราค่าบริการ ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลให้สินค้า และค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่หลายบริษัทผู้ผลิตคาดการณ์ว่า การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะส่งผลต่อต้นทุนวัตถุดิบสินค้าที่จะเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย
ที่มา: BBC News/ The Grocer
ข้อมูลเพิ่มเติม/ความเห็น สคต.
ถึงแม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในสหราชอาณาจักรเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่การประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่เป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับการปรับอัตราภาษีโรงเรือน และอัตราค่าสาธารณูปโภคของสหราชอาณาจักรในช่วงเดือนเมษายน ส่งผละกระทบต่อความมั่นใจของผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรเป็นอย่างมาก โดยมีการคาดการณ์ว่าสินค้าจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้นจากค่าสาธารณูปโภค และต้นทุนวัตถุดิบในช่วงปีนี้
ผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรจะยังคงมีแนวโน้มใช้จ่ายอย่างประหยัดมากขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในอนาคต ทั้งนี้ ผู้ส่งออกไทยควรวางแผนการผลิตและการส่งออกให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร โดยจะเห็นได้ว่าร้านค้าปลีกรายใหญ่ที่มีการขายสินค้าราคาประหยัดได้รับความนิยมมากขึ้น และหลายร้านค้ามีการจัดทำสินค้า own brand เพื่อเป็นทางเลือกประยัดให้แก่ลูกค้า ซึ่งจะเป็นโอกาสของผู้ผลิตไทยที่จะสามารถนำเสนอการรับจ้างการผลิต หรือสินค้าที่มีคุณภาพและราคาคุ้มค่า