ภาษีทรัมป์เป็นเหตุ…IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก

รายงานโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF (International Monetary Fund) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของการค้าโลกลงจากร้อยละ 3.8 ในปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 1.7 ในปี 2568 (ลดลงมากกว่าครึ่งจากปีก่อน) เนื่องจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของภาษีศุลกากรและความไม่แน่นอนด้านนโยบายที่มีความรุนแรงขึ้น ส่งผลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ทุกประเทศได้รับผลกระทบเชิงลบจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าซึ่งส่งกระทบต่อระบบห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ทำให้การสั่งซื้อและการลงทุนของภาคธุรกิจหยุดชะงัก โดย IMF คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาจะลดลงอยู่ที่ร้อยละ 1.8 (ปรับลดร้อยละ 0.9 จากเป้าที่ตั้งไว้เมื่อเดือนมกราคม 2568) โดยมีปัจจัยสำคัญจากผลกระทบของภาษีการค้าที่ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานและผลผลิตที่หยุดชะงัก (คาดการณ์ความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯสูงถึง 650,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) รวมทั้งยังส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อ ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตลอดจนการบริโภคในประเทศที่ลดลงจากแรงกดดันด้านราคาสินค้า อีกทั้ง ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 จีนยุติการนำเข้าก๊าซ LNG โดยเปลี่ยนมาใช้พลังงานถ่านหิน/พลังงานหมุนเวียนและนำเข้าก๊าซ LNG จากรัสเซียแทน อีกทั้ง ระงับการส่งออกแร่ธรรมชาติที่สำคัญในการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ให้กับสหรัฐฯ

IMF คาดว่า จีนจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าในครั้งนี้ในระดับที่น้อยกว่า โดยได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของจีนอยู่ที่ร้อยละ 4 (ลดลงร้อยละ 0.6 จากเป้าเดิมที่ตั้งไว้และปรับลดในระดับที่น้อยกว่าของสหรัฐฯ) อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนจะแสดงให้เห็นว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 มีการขยายตัวร้อยละ 5.4 แต่ทาง IMF พิจารณาว่าจีนจะได้รับผลกระทบจากการตอบโต้ด้านภาษีการค้าที่รุนแรงในช่วงครึ่งปีหลัง

การตอบโต้ด้านภาษีการค้าที่รุนแรงระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกจะสร้างผลกระทบต่อระบบห่วงโซ่การผลิตโดยรวมทั่วโลกรวมถึงออสเตรเลีย เนื่องจากจีนและสหรัฐฯ ต่างเป็นคู่ค้าสำคัญของออสเตรเลีย โดยคาดว่าจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจออสเตรเลียร้อยละ 0.1 และกระตุ้นให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในออสเตรเลียร้อยละ 0.2 ซึ่งทาง IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของออสเตรเลียลดลงจากร้อยละ 2.1 ในปีก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ 1.63 ในปี 2568 และในปี 2569 อยู่ที่ร้อยละ 2.1 เนื่องจากคาดการณ์ว่าออสเตรเลียจะได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่าสูงถึง 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากนโยบายภาษีของทรัมป์ และภาวะเงินเฟ้อออสเตรเลียจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 2.5 (ยังอยู่ในระดับเป้าหมายที่ธนาคารกลางออสเตรเลียตั้งไว้) คาดว่าธนาคารกลางออสเตรเลียจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอยู่ที่ร้อยละ 3.85 ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2568

รายงานล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศว่าจะไม่ใช้ไม้แข็งกับจีนและจะไม่เก็บภาษีสินค้าจากจีนในอัตราร้อยละ 145 ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงมากและอาจทำให้การค้าต้องหยุดชะงัก โดยจะพิจารณาตัดลดภาษีภายใต้ข้อตกลงร่วมกันเพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้าในเชิงลบของทั้งสองประเทศ แต่จะไม่ลดอัตราภาษีเป็นศูนย์อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม IMF ระบุว่า แม้ว่าสหรัฐฯจะยินยอมผ่อนผันภาษีลง แต่ความเสียหายที่เกิดจากนโยบายภาษีของทรัมป์ยังคงอยู่

……………………………………………………………………………………..

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์

ที่มา :

www.smh.com.au

www.abc.net.au

www.businessnewsaustralia.com

thThai