พรรคเสรีนิยมชนะการเลือกตั้งแคนาดา

ผลการเลือกตั้งของแคนาดา เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 พรรคเสรีนิยม (Liberal Party) ชนะการเลือกตั้ง โดยมีจำนวน ส.ส. ที่ได้รับคัดเลือกจำนวน 168 ที่นั่ง จากจำนวนทั้งหมด 343 ที่นั่ง และจะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยต่อไป โดยพรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative Party) พรรคฝ่ายค้านปัจจุบันและคู่แข่งสำคัญ ได้ ส.ส. ทั้งหมด 144 ที่นั่ง

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา พรรคเสรีนิยมภายใต้การนำของนายมาร์ค คาร์นีย์ มีการประกาศนโยบายที่สำคัญในช่วงหาเสียง โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ การสร้างขยายจำนวนที่อยู่อาศัย (Housing) การเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรับมือกับประธานาธิบดีทรัมป์ และการรักษาความมั่นคงของชาติและการดำรงอำนาจอธิปไตยของแคนาดา ซึ่งรวมถึงนโยบายระหว่างประเทศ ท่ามกลางบริบทความท้าทายสงครามการค้า การรับมือกับนโยบายต่างๆ ที่ไม่เป็นมิตรจากสหรัฐ ซึ่งนโยบายของพรรคเสรีนิยมในมิติต่างๆ สามารถสรุปได้ดังนี้

  1. นโยบายด้านเศรษฐกิจและค่าครองชีพ พรรคเสรีนิยมมีนโยบายยกเว้นภาษีสินค้าและบริการ (GST) สำหรับการซื้อบ้านใหม่ที่มีมูลค่าไม่เกิน 1 ล้านเหรียญแคนาดา เพื่อช่วยเหลือผู้ซื้อบ้านครั้งแรก พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มจำนวน 1.4 ล้านหลังภายในปี 2575 โดยสนับสนุนการปฏิรูประเบียบผังเมือง การส่งเสริมการก่อสร้างบ้านรูปแบบโมดูลาร์ และการจัดตั้งบริษัท Build Canada Homes เพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยในราคาที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้ พรรคเสรีนิยมยังมีนโยบายขยายโครงการสนับสนุนค่าเช่าให้ครัวเรือนที่มีภาระค่าเช่าสูง และเพิ่มเพดานเงินฝากในบัญชีออมทรัพย์เพื่อการซื้อบ้านครั้งแรก (First Home Savings Account) ที่เป็นบัญชีออมทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี เพื่อสร้างแรงจูงใจในการออมเงินเพื่อการซื้อบ้านหลักแรก
  2. นโยบายการค้าระหว่างประเทศ รัฐบาลพรรคเสรีนิยมจะพยายามเจรจาให้สหรัฐฯ ยกเลิกการเก็บภาษี หากสหรัฐฯ ยังดำเนินมาตรการต่อไป แคนาดาจะตอบโต้ในอัตราที่เท่าเทียมกัน พรรคเสรีนิยมจะลดการพึ่งพาสหรัฐฯ โดยการใช้งบประมาณ 5 พันล้านเหรียญแคนาดา (1.2 แสนล้านบาท) ในการสร้างกองทุน Trade Diversification Corridor Fund เพื่อกระจายคู่ค้าของแคนาดาให้หลากหลายยิ่งขึ้น สร้างงาน และผลักดันเศรษฐกิจแคนาดา ผ่านสร้างสาธารณูปโภค เช่น ท่าเรือ รางรถไฟ ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า ท่าอากาศยาน และถนน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการค้าระหว่างประเทศ และเสริมให้การค้าในประเทศแข็งแกร่งขึ้นและลดการพึ่งพาสหรัฐฯ นอกจากนี้ รัฐบาลพรรคเสรีนิยมจะสร้างพันธมิตรทางการค้ากับกลุ่มประเทศ like-minded ในภูมิภาคยุโรปและเอเชีย รวมถึงการสนับสนุนการรวมกลุ่มเศรษฐกิจ CANZUK ซึ่งประกอบด้วยแคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสหราชอาณาจักร เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเมืองในระดับนานาชาติ
  3. นโยบายด้านภาษี พรรคเสรีนิยมเสนอการปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขั้นต้นจากร้อยละ 15 เหลือร้อยละ 14 เพื่อเพิ่มรายได้หลังหักภาษีแก่ประชาชน และยกเลิกแผนการเพิ่มภาษีกำไรจากการขายสินทรัพย์ พร้อมทั้งกำหนดมาตรการตอบโต้ภาษีนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาด้วยการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ในอัตราเดียวกัน ซึ่งได้เสียงตอบรับสนับสนุนจากภาคประชาชน
  4. นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม พรรคเสรีนิยมยืนยันเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 พร้อมทั้งนำเสนอการปรับเปลี่ยนนโยบายการจัดเก็บภาษีคาร์บอน โดยยกเลิกการเก็บภาษีจากผู้บริโภคโดยตรง และเปลี่ยนไปใช้มาตรการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดสำหรับภาคประชาชน ขณะเดียวกันยังคงมีแนวคิดในการดำเนินการจัดเก็บภาษีจากผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ และการใช้มาตรการ “carbon border adjustment” เพื่อเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่มีการปล่อยคาร์บอนในระดับสูง
  5. นโยบายด้านสาธารณสุข พรรคเสรีนิยมมีนโยบายลงทุนงบประมาณประจำปีจำนวน 15.3 ล้านเหรียญแคนาดา เพื่อขยายและจัดตั้งคลินิกดูแลสุขภาพชุมชนในพื้นที่ 20 แห่ง พร้อมทั้งเริ่มดำเนินโครงการประกันค่ายาระดับชาติ (National Pharmacare) ด้วยงบประมาณเริ่มต้นจำนวน 6 พันล้านเหรียญแคนาดา มีเป้าหมายเพื่อขยายการเข้าถึงยาจำเป็นอย่างเสมอภาคและทั่วถึงแก่ประชาชน ปัจจุบันแคนาดามีระบบประกันสุขภาพแบบถ้วนหน้า Universal Healthcare Coverage ที่ภาครัฐให้สวัสดิการแก่ประชาชนในการรักษาฟรีแต่ไม่ได้รวมถึงยา ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง แต่นโยบายใหม่ดังกล่าวจะขยายการครอบคลุมการคุ้มครองสิทธิรักษาที่รวมถึงยารักษาโรค เพื่อลดภาระค่าครองชีพที่สูงในแคนาดา
  6. นโยบายด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศ พรรคเสรีนิยมมีนโยบายเพิ่มงบประมาณกลาโหมให้มีสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 2 ของ GDP ภายในปี 2573 โดยมุ่งเน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตยุทโธปกรณ์ภายในประเทศ และเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องกันภูมิภาคมหาสมุทรอาร์กติกตอนเหนือของประเทศซึ่งมีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ โดยมุ่งเน้นทั้งด้านการป้องกันประเทศและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน
  7. นโยบายการบริหารจัดการการอพยพเข้าเมือง (Immigration) โดยจะจำกัดจำนวนผู้อพยพใหม่ตามความสามารถในการรองรับที่อยู่อาศัย พร้อมทั้งนำเสนอโปรแกรมสนับสนุนการดึงดูดบุคลากรด้านสาธารณสุข แพทย์ พยาบาลชาวแคนาดาที่ทำงานอยู่ในสหรัฐฯ ให้กลับมาปฏิบัติงานภายในประเทศ ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในระบบสาธารณสุขของประเทศในระยะยาว ป้องกันการสมองไหลบุคลากรด้านการแพทย์ไปยังสหรัฐฯ

 

ความคิดเห็น สคต.

แคนาดาอยู่ในช่วงที่ประเทศเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งปัญหาค่าครองชีพ ที่อยู่อาศัย และปัญหาใหญ่คือสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งจากระดับการพึ่งพาสหรัฐแบบรอบด้านของแคนาดา โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน ทำให้เศรษฐกิจแคนาดามีแนวโน้มจะเข้าสู่การชะลอตัว ประชาชนจึงมองหาผู้นำและพรรคการเมืองที่จะสามารถรับมือกับนโยบายที่ไม่เป็นมิตรของสหรัฐฯ และแก้ปัญหาต่างๆ ได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้ ในช่วงท้ายของรัฐบาลพรรคเสรีนิยมที่นำโดยนายจัสติน ทรูโด ชาวแคนาดาส่วนใหญ่เริ่มเอนเอียงไปทางพรรคอนุรักษ์นิยม และผลการสำรวจพบว่าความนิยมของพรรคเสรีนิยมตามหลังพรรคอนุรักษ์นิยมกว่า 20 จุด แต่ภายหลังจากที่นายทรูโด ประกาศลาออกและพรรคเสรีนิยมเลือกนายมาร์ค คาร์นีย์ เป็นผู้นำคนใหม่และนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ทำให้ประชาชนกลับมามีความมั่นใจในพรรคเสรีนิยมอีกครั้ง เนื่องจากนายมาร์ค คาร์นีย์มีประสบการณ์ทางเศรษฐกิจยาวนาน เคยเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา และผู้ว่าการธนาคารของอังกฤษด้วยและประชาชนมีความเชื่อมั่นว่านายคาร์นีย์จะสามารถต่อกรกับนายทรัมป์ได้

สำหรับผลต่อประเทศไทย คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศของแคนาดา เนื่องจากเป็นพรรครัฐบาลเดิมที่สนับสนุนการเจรจาการค้าเสรี ซึ่งไทยอยู่ระหว่างการเจรจาจัดความตกลงการค้าเสรีกับแคนาดาภายใต้กรอบอาเซียน-แคนาดา ซึ่งแคนาดาเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ของอาเซียน และเป็นพันธมิตรทางการค้าและการลงทุุนที่สำคัญซึ่งมีศักยภาพที่จะขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกันต่อไป

โปรดติดตามความเคลื่อนไหวในการค้าระหว่างประเทศผ่าน ช่องทางต่างๆ ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ www.ditp.go.th และ www.thaitrade.com หรือโทรปรึกษาเรื่องการค้าระหว่างประเทศที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โทร. 1169 (หากโทรจากต่างประเทศ โปรดติดต่อที่ โทร. +66 2792 6900)

thThai