FDA สหรัฐฯ ออกประกาศเตรียมยกเลิกการใช้สีผสมอาหารสังเคราะห์ที่ทำจากปิโตรเลียม

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 กระทรวงสาธารณสุข และการให้บริการมนุษย์ของประเทศสหรัฐฯ  (The U.S. Department of Health and Human Services หรือ HHS) และองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือ FDA โดยการนำของนายโรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขฯ ได้ประกาศการใช้มาตรการชุดใหม่เพื่อเตรียมการยกเลิกการใช้สีผสมอาหารสังเคราะห์ที่ทำจากปิโตรเลียมทุกชนิดออกจากอุตสาหกรรมอาหารทั้งหมดในสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทีมบริหารที่จะดำเนินนโยบายให้อเมริกากลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ( Make America Healthy Again) ภายในสิ้นปี 2568

 

ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา องค์การ FDA ได้มีคำประกาศยกเลิกการใช้สีแดงหมายเลข 3 (Red Dye No.3) ที่ใช้สำหรับสินค้าอาหารและยา ซึ่งสีแดงหมายเลข 3 เป็นหนึ่งใน 9 สีผสมอาหารสังเคราะห์ที่ทำจากปิโตรเลียมที่ FDA ให้การรับรอง ซึ่งผู้ผลิตอาหารใช้เพื่อเพิ่มการดึงดูดในสีสันของผลิตภัณฑ์อาหาร และอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตเพื่อเป็นการรักษาการสูญเสียของสภาพสี

 

โดยมาตรการชุดใหม่ของ FDA ในครั้งนี้ ที่กำลังดำเนินการ มีสาระสำคัญ ดังนี้

 

1.การสร้างมาตรฐานระดับประเทศและระยะเวลาในการทำงาน (Timeline) สำหรับอุตสาหกรรมอาหารในการเปลี่ยนผ่านการเปลี่ยนแปลงการใช้สีผสมอาหารสังเคราะห์ไปเป็นการใช้สีจากธรรมชาติ

 

  1. การริเริ่มใช้กระบวนการในการยกเลิกการใช้สีสังเคราะห์จำนวน 2 สี ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งได้แก่ สีส้มแดง หมายเลข 2 (Citrus Red No. 2) และสี Orange B
  2. การทำงาน ประสานงานร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อยกเลิกการใช้สีสังเคราะห์ที่เหลืออีก 6 สีภายในสิ้นปีหน้า ซึ่งได้แก่ สีเขียวหมายเลข 3 สีแดงหมายเลข 40 สีเหลืองหมายเลข 5  สีเหลืองหมายเลข 6  สีฟ้าหมายเลข 1 และสีฟ้าหมายเลข 2
  3. การอนุญาตให้ใช้สีผสมอาหารใหม่ที่มาจากสีธรรมชาติ ซึ่งจะมีการอนุญาตภายในไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้ และ FDA จะเร่งความเร็วในการพิจารณาทบทวนและการให้อนุมัติ
  4. การเป็นพันธมิตรร่วมกับสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health-NIH) ในการประสานงานร่วมกันในการจัดทำงานวิจัยค้นคว้าแบบครอบคลุมเพื่อยกระดับโภชนาการและงานวิจัยด้านอาหารที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบของสีผสมอาหารต่อการพัฒนาการด้านสุขภาพของเด็ก และเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งขององค์การ FDA ในการพัฒนานโยบายอาหาร และการสนับสนุนให้อเมริกามีสุขภาพที่แข็งแรงกว่าเดิม

 

FDA ขอให้ผู้ประกอบการดำเนินการยกเลิกการใช้สีแดงหมายเลข 3 (Red No.3) เร็วกว่าที่เคยกำหนด deadline ก่อนหน้านี้ในปี 2569 – 2570

 

ปัจจุบัน องค์การ FDA กำลังขอให้ผู้ประกอบการอาหารใช้สีผสมจากธรรมชาติเป็นการทดแทนสีผสมสังเคราะห์เพื่อสุขภาพของเด็กชาวอเมริกัน ซึ่งในประเทศแถบยุโรปและแคนาดาได้มีการดำเนินไปก่อนแล้ว  โดย           นาย เคนเนดี ระบุว่า ปัจจุบันอาหารที่มีส่วนผสมของสีสังเคราะห์ที่ทำจากปิโตรเลียมไม่มีประโยชน์ด้านโภชนาการแต่อย่างไร แต่กลับเป็นพิษและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะเป็นอันตรายต่อการพัฒนาสุขภาพของประชากรเด็กชาวอเมริกัน

 

นอกจากนี้ นายแพทย์ Marty Makary ประจำองค์การ FDA ระบุว่า ทั้งแพทย์และผู้ปกครองเริ่มมีความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับอันตรายของอาหารที่ใช้สีผสมสังเคราะห์ที่ทำจากปิโตรเลียม ประกอบกับเด็กชาวอเมริกัน เริ่มมีพัฒนาการของโรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคซึมเศร้า และโรคสมาธิสั้น (ADHD) มากขึ้น จึงต้องควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และการดำเนินการทุกวิถีทางที่สามารถดำเนินการเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพของเด็ก

 

ปัจจุบัน องค์การ FDA ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยมีงบประมาณ 7.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยจำนวน 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ มาจากการเก็บค่าธรรมเนียมของผู้ใช้ในปีงบประมาณ 2568 ซึ่งเป็นงบประมาณที่รวมเงินกองทุนสำหรับมาตรการส่งเสริมด้านความปลอดภัยสำหรับอาหาร และผลิตภัณฑ์ยา และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งศักยภาพด้านสาธารณสุขขององค์การ FDA รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย

……………………………………………………………………………………………………………………………………

สีผสมอาหารที่ได้รับความนิยมการใช้มากที่สุดในสหรัฐฯ  ได้แก่ สีแดงหมายเลข 40 สีเหลืองหมายเลข 5 และ 6 โดยมีสัดส่วนการใช้เป็นสีผสมในอาหารในสหรัฐฯ มากถึงร้อยละ 90 (จากข้อมูลของ Healthline) และการบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของสีสังเคราะห์ของคนอเมริกัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 500 ในช่วงระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา

 

สินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ ที่ใช้สีผสมอาหารสังเคราะห์ทั้ง 9 สี มีตั้งแต่ Cereal อาหารแช่แข็ง ขนบขบเคี้ยว ของรับประทานเล่น ลูกกวาด Chips น้ำอัดลม น้ำผลไม้ เครื่องดื่ม Sports Drinks แยม โยเกริต์ Popcorn ไส้กรอก ไอศกรีม ผักกระป๋อง ผลไม้อบแห้ง เครื่องเทศ ซอสปรุงรส

 

ประเทศสหรัฐฯ จัดเป็นตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ นอกจาก ผู้ประกอบการไทยในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นคู่ค้ากับสหรัฐฯ และมีตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกหลัก กำลังวิตกกังวัลกับมาตรการการเก็บภาษีในอัตราใหม่ที่ยังไม่มีข้อเจรจาตกลง ซึ่งมีการชะลอกำแพงภาษีออกไป 90 วันจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 นั้น ผู้ประกอบการไทย ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ และการปฏิบัติตามมาตรการข้อกำหนดใหม่ของ FDA ที่สินค้าส่งออกเกี่ยวข้องกับการใช้สีผสมอาหารสังเคราะห์ที่ทำจากปิโตรเลียมจำนวน 9 สี

 

หมายเหตุ: รายละเอียดที่ปรากฎในบทความ ข่าวดังกล่าวมากจากหลายแหล่งข้อมูลที่จัดทำและเปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไปซึ่งบางส่วนเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก มีวัตถุประสงค์รวบรวมเพื่อเผยแพร่แก่ผู้ที่สนใจเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การรับข้อมูลหรือนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณเฉพาะบุคคล โดยโดยสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครชิคาโกจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

 

 

thThai