ศรีลังกาต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายอีกครั้ง เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) สำหรับการนำเข้าสินค้าจากศรีลังกาในอัตราร้อยละ 44 โดยเฉพาะในกลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของศรีลังกา ซึ่งการประกาศนโยบายนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่ศรีลังกาเพิ่งพ้นจากสถานะผิดนัดชำระหนี้ (sovereign default) เมื่อเดือนธันวาคม 2567 ทำให้สถานการณ์กลายเป็น “วิกฤตซ้อนวิกฤต” ที่มีมิติทางเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง และการเมืองภายในซ้อนทับกัน
สถานการณ์ดังกล่าวได้เริ่มส่งผลกระทบต่อระบบการเงินของประเทศ โดยเฉพาะในตลาดพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งนักลงทุนต่างชาติได้เริ่มเทขายพันธบัตรศรีลังกาคิดเป็นมูลค่ากว่า 28.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในระยะเวลาเพียงสัปดาห์เดียว (CBSL, 2025) ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล โดยเฉพาะพันธบัตร GDP-linked ปี 2573 พุ่งจากร้อยละ 5.76 เป็นร้อยละ 8.06 (EconomyNext, 2025) นำไปสู่แรงกดดันต่อความสามารถในการกู้ยืมจากตลาดทุนระหว่างประเทศ เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้น
เพื่อลดผลกระทบและควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลศรีลังกาได้ดำเนินมาตรการในหลากหลายด้าน ดังนี้
- การดำเนินมาตรการทางการทูต
ภายใต้การนำของประธานาธิบดีอนุรา กุมาระ ดิสสานายเกะ รัฐบาลศรีลังกาได้ส่งจดหมายถึงประธานาธิบดีทรัมป์เพื่อขอผ่อนปรนมาตรการภาษี พร้อมทั้งเสนอการเจรจาเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน (Tamil Guardian, 2025) นอกจากนี้ ยังได้จัดประชุมหารือแบบเสมือนจริงร่วมกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) แล้วจำนวน 2 รอบ และอยู่ระหว่างการพิจารณาส่งคณะผู้แทนเศรษฐกิจเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อเจรจาโดยตรง (Newswire.lk, 2025)
- การประสานกับภาคเอกชน
รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาเฉพาะกิจ ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และตัวแทนภาคเอกชน เพื่อศึกษาผลกระทบเชิงลึกจากมาตรการภาษี โดยเน้นการวิเคราะห์ความสามารถของประเทศในการสร้างรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศและการบริหารหนี้สาธารณะในระยะยาว
- การบริหารภายในและการสร้างฉันทามติทางการเมือง
รัฐบาลพยายามสร้างฉันทามติทางการเมืองโดยเชิญผู้นำพรรคฝ่ายค้านเข้าร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับข้อเสนอของ IMF และแนวทางรับมือกับวิกฤตทางการค้า อย่างไรก็ตาม พรรคฝ่ายค้านหลัก เช่น พรรค Samagi Jana Balawegaya (SJB) และ National People’s Power (NPP) ปฏิเสธการเข้าร่วม โดยให้เหตุผลว่า ขาดความโปร่งใสและไม่สะท้อนเจตจำนงของประชาชนอย่างแท้จริง (ThePrint, 2025)
- การประสานกับ IMF
ศรีลังกากำลังอยู่ระหว่างการเจรจารอบที่ 4 กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อทบทวนสถานะทางการเงินของประเทศ โดยเฉพาะในบริบทใหม่หลังการเปลี่ยนแปลงทางการค้า IMF เน้นว่าศรีลังกาจะต้องดำเนินการเพิ่มรายได้จากภาษี ปรับโครงสร้างค่าใช้จ่าย และปฏิรูปราคาพลังงาน หากต้องการผ่านการทบทวนและรับเงินกู้ก้อนถัดไปมูลค่า 334 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (Reuters, 2025)
บทสรุปและข้อเสนอแนะ
แม้ศรีลังกาจะอยู่ภายใต้แรงกดดันทางเศรษฐกิจจากหลายด้าน โดยเฉพาะผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา รัฐบาลได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการบริหารจัดการวิกฤตอย่างมีระบบ โดยอาศัยการบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการทูต และองค์กรการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงการกำกับดูแลแบบมีส่วนร่วมและเชื่อมโยงกันในทุกระดับ (coordinated governance)
อย่างไรก็ดี ศรีลังกายังคงเผชิญกับข้อจำกัดเชิงโครงสร้างที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการพึ่งพาการส่งออกสินค้าประเภทเดียว เช่น สิ่งทอ และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ประเทศยังอยู่ในภาวะเปราะบาง และมีความเสี่ยงต่อการเกิด “วิกฤตซ้ำซ้อน” ที่ยากต่อการควบคุม
ในบริบทนี้ การดำเนินนโยบายเพื่อสร้างเสถียรภาพระยะยาวจึงไม่ควรจำกัดอยู่เพียงการเจรจากับประเทศมหาอำนาจเท่านั้น หากแต่ควรมุ่งขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจไปยังตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชียใต้และอาเซียนด้วย โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีความใกล้ชิดเชิงภูมิรัฐศาสตร์และมีศักยภาพทางการค้าในระดับที่ศรีลังกาเข้าถึงได้
ประเทศไทยในฐานะหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่กำลังขยายบทบาทในภูมิภาค จึงมีโอกาสสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือกับศรีลังกา ทั้งในรูปแบบของการค้าสินค้า การลงทุน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีไทย–ศรีลังกา ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำและคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปี พ.ศ. 2568 ความตกลงดังกล่าวจะช่วยเปิดประตูสู่ตลาดศรีลังกาให้กับผู้ประกอบการไทย และสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างกันอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว
แหล่งอ้างอิง
- Tamil Guardian. (2025). Sri Lankan President writes to US President Trump
- Newswire.lk. (2025). Sri Lanka holds virtual trade talks with USTR
- ThePrint / Indian Express. (2025). Opposition parties boycott IMF meeting
- Reuters. (2025). IMF says discussions continue with Sri Lanka
- Central Bank of Sri Lanka. (2025). Weekly Treasury Report
- EconomyNext. (2025). Bond yields rise post-Trump tariff announcement
- Peoples Dispatch. (2025). Trump’s tariffs could intensify Sri Lanka’s debt crisis