วันที่ 3 พฤษภาคม 2568 ถูกกำหนดให้เป็นวันการเลือกตั้งทั่วไปของออสเตรเลีย ปัจจุบันสภาผู้แทนราษฎรออสเตรเลียมีที่นั่งทั้งหมด 151 ที่นั่ง ประกอบด้วย 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคแรงงาน (Australian Labor Party: ALP) มีจำนวน 78 ที่นั่งเป็นพรรครัฐบาลที่มีเสียงข้างมาก และพรรคฝ่ายค้าน Coalition ซึ่งเป็นพรรคผสม (Liberal Party และ The National Party) มี 55 ที่นั่ง โดยพรรคแรงงานได้รับเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาลในการเลือกตั้งปี 2565 ที่ผ่านมา เป็นผลจากคะแนนสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านที่ลดลงอย่างมาก
ผลสำรวจโดย YouGov ในช่วงปลายปี 2567 พบว่า คะแนนสนับสนุนพรรคแรงงานลดลง เนื่องจากความไม่พอใจของชาวออสเตรเลียต่อการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพและที่อยู่อาศัยของรัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นสถานการณ์ปกติที่รัฐบาลมักสูญเสียการสนับสนุนเมื่อเข้าดำรงตำแหน่งแล้ว และยังสะท้อนถึงความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อนโยบายบริหารของรัฐบาลและการรับมือกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนในตลาดโลก ซึ่งชาวออสเตรเลียมองว่า ชัยชนะการเลือกตั้งของทรัมป์และนโยบายทรัมป์จะเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจออสเตรเลีย และเห็นว่า ผู้นำฝ่ายค้าน (นาย Peter Dutton) จะเป็นผู้นำที่ดีที่สุดในการรับมือกับทรัมป์ จากความเข้มแข็งของนาย Dutton เมื่อเทียบกับนาย Anthony Albanese นายกรัฐมนตรีที่เน้นประนีประนอม และคาดการณ์ว่า พรรคฝ่ายค้านจะชนะการเลือกตั้งด้วยจำนวน 73 ที่นั่งและพรรคแรงงานจะมีจำนวน 66 ที่นั่ง
ช่วงไตรมาสแรกปี 2568 พรรคฝ่ายค้านและพรรครัฐบาลต่างเร่งรณรงค์หาเสียงในรัฐต่างๆทั่วออสเตรเลีย โดยพรรครัฐบาลมีนโยบายในการบรรเทาปัญหาค่าครองชีพ แก้ปัญหาที่พักอาศัยและยกระดับสวัสดิการด้านสุขภาพแก่เด็ก สตรีและผู้สูงอายุ ในขณะที่พรรคฝ่ายค้านเน้นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ตัดลดการใช้จ่ายภาครัฐ ส่งเสริมการลงทุนด้านพลังงานและสวัสดิการประชาชน
ผลสำรวจล่าสุดโดย Resolve Political Monitor พบว่า คะแนนสนับสนุนพรรครัฐบาลเพิ่มขึ้นและคาดว่าพรรครัฐบาลจะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้เนื่องจากมุมมองของประชาชนเกี่ยวกับภาษีของทรัมป์ที่มีความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจออสเตรเลีย โดยนโยบายพรรคฝ่ายค้านบางส่วนมีแนวคิดสอดคล้องกับนโยบายของทรัมป์ ในด้านการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล (ยกเลิกการทำงานแบบ Hybrid และลดเจ้าหน้าที่ภาครัฐ) เน้นการสนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์ เหมืองแร่และเกษตรกรรม รวมถึงการยกระดับสวัสดิการด้านสุขภาพของประชาชน ในขณะที่พรรครัฐบาลประกาศแผนงบประมาณประจำปี 2568-2569 ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาค่าครองชีพ (ลดภาษี) เพิ่มจำนวนที่พักอาศัย ส่งเสริมการศึกษา ยกระดับคุณภาพและบริการด้านสวัสดิการ เพิ่มการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และยารักษาโรค
นโยบายของทรัมป์ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่มีบทบาทในการเลือกตั้งครั้งนี้ นโยบายหาเสียงของทั้ง 2 พรรคก็มีผลต่อคะแนนสนับสนุนเช่นเดียวกัน ปัจจุบันชาวออสเตรเลียคาดหวังให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาความกดดันด้านค่าครองชีพ/ปัญหาที่พักอาศัยและรับมือกับความไม่มั่นคงในตลาดโลก ซึ่งพรรครัฐบาลมีแนวโน้มได้รับการสนับสนุนในเชิงบวก อย่างไรก็ตาม หากผลการเลือกตั้งครั้งนี้พลิกความคาดหมาย นโยบายของทั้ง 2 พรรคต่างเป็นไปเพื่อการแก้ไขการขาดดุลงบประมาณของประเทศเป็นหลัก
……………………………………………………………………………………….
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์
ที่มา:
www.smh.com.au
www.abc.net.au