การประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้กับประเทศต่างๆ ของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะกับประเทศที่สหรัฐอเมริกาขาดดุลการค้าในระดับสูง รวมถึงญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ซึ่งกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นร้อยละ 24 และในส่วนของยานยนต์เพิ่มเติมร้อยละ 25 จะกระทบเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอย่างมีนัยสำคัญ

สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของญี่ปุ่น โดยในปี 2567 มูลค่าการส่งออก 21.2947 ล้านล้านเยน  สินค้าหลัก คือ ยานยนต์ เหล็ก และเครื่องจักรกล โดยหมวดรถยนต์มีมูลค่าสูงสุด จำนวน 6.264 ล้านล้านเยน (สัดส่วนร้อยละ 30 ของการส่งออกทั้งหมด) รองลงมา คือ เหล็ก มูลค่า 302.6 พันล้านเยน ทั้งนี้ ที่ผ่านมา อัตราภาษีนำเข้าที่ญี่ปุ่นเรียกเก็บจากสหรัฐฯ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3 (อัตราสูงสำหรับสินค้าเกษตร เช่น น้ำตาล ข้าว และเนื้อสัตว์) ขณะที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากสินค้าญี่ปุ่นที่ร้อยละ 3

แม้ว่าล่าสุด สหรัฐฯ จะชะลอการใช้มาตรการดังกล่าวไปอีก 90 วัน หากแต่การขึ้นภาษีจะกระทบเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าจุดประสงค์หลักในการใช้ประเด็นภาษีของทรัมป์ในครั้งนี้ เป็นการชิงความเป็นมหาอำนาจทางการค้าจากจีน หากแต่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ดีของสหรัฐฯ มาโดยตลออด ก็ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยประเมินว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะต่อไปอาจลดลงร้อยละ 1-3 หากญี่ปุ่นไม่มีมาตรการรองรับที่เหมาะสม ในการนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดคณะเจรจา เพื่อหารือกับสหรัฐฯ และในเวทีการค้าระหว่างประเทศเพื่อหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกัน นอกจากนี้ ยังเร่งดำเนินการบรรเทาผลกระทบกับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง อาทิ การลงพื้นที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการในแหล่งอุตสาหกรรม และการสนับสนุนต่างๆ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางธุรกิจ

——————————————————————————————

ที่มา : https://www3.nhk.or.jp/news/html/20250409/k10014773831000.html

thThai