สหรัฐฯประกาศระงับภาษีตอบโต้สินค้าออสเตรเลีย 10% เป็นเวลา 90 วัน

ช่วงต้นเดือนเมษายน 2568 นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าทั่วโลกร้อยละ 10 (อัตราพื้นฐาน) กับสินค้าทุกประเภทที่ออสเตรเลียส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาเริ่ม 5 เมษายน 2568 ในขณะที่ เวียดนามถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้ร้อยละ 46 จีนร้อยละ 34 สหภาพยุโรปร้อยละ 20 เกาหลีใต้ร้อยละ 25 ญี่ปุ่นร้อยละ 24 อินเดียร้อยละ 26 และไทยร้อยละ 36 โดยระบบภาษีใหม่ของสหรัฐ ได้สร้างปั่นป่วนต่อตลาดการเงินทั่วโลก (เสียหายกว่าแสนล้านเหรียญสหรัฐฯ) และตลาดการเงินออสเตรเลียที่ตกลงร้อยละ 2.08 ( 8 ใน 10 อุตสาหกรรมติดลบโดยเฉพาะ IT พลังงาน สินแร่และวัตถุดิบมูลค่าความเสียหายกว่า 21 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) สกุลเงินเหรียญออสเตรเลียอ่อนค่าลงที่ 59.15 เซ็นต์สหรัฐฯ (ต่ำสุดตั้งแต่ 26 มีนาคม 2563) ราคาสินค้าน้ำมันดิบตกลงร้อยละ 2 และราคาสินแร่เหล็กลดลงที่ 97.44 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน

ล่าสุด (หลังภาษีตอบโต้มีผลบังคับใช้) นายทรัมป์ ประกาศระงับการเก็บภาษีตอบโต้ออกไปเป็นเวลา 90 วันให้กับประเทศคู่ค้ามากกว่า 75 ประเทศ (ไม่มีมาตรการตอบโต้) และปรับลดภาษีตอบโต้ลงที่อัตราต่ำสุดร้อยละ 10 แต่ปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นร้อยละ 125 โดยมีผลทันที มีผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกพุ่งขึ้นร้อยละ 9.5 (สูงสุดตั้งแต่ตุลาคม 2551) และตลาดการเงินออสเตรเลียฟื้นตัวขึ้นร้อยละ 6 ในช่วงเช้า

ออสเตรเลียไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากการระงับภาษีตอบโต้เนื่องจากมีอัตราภาษีต่ำสุดอยู่แล้ว แต่คาดหวังว่า จะใช้เวลา 90 วันในการเจรจาต่อรองลดภาษีให้เป็นศูนย์ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีระดับทวิภาคี (AUSFTA) แม้ว่า นาย Jamieson Greer ผู้แทนการค้าสหรัฐฯจะเน้นย้ำว่า สหรัฐฯจะไม่มีการพิจารณายกเว้นภาษีให้กับออสเตรเลียในทุกกรณีภายในอนาคตอันใกล้ และยังคงเรียกเก็บภาษีสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากออสเตรเลียในอัตราร้อยละ 25 ต่อไป

จีนซึ่งได้รับผลกระทบจากภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯสูงสุดพยายามโน้มน้าวออสเตรเลียในการร่วมมือกันต่อต้านภาษีจากสหรัฐฯแต่ได้รับการปฏิเสธเนื่องจากออสเตรเลียจะดำเนินการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศโดยกระจายความเสี่ยงทางการค้าและลดการพึ่งพาจีน (เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบสูงสุดและถูกเก็บภาษีตอบโต้ร้อยละ 125) ปัจจุบันจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 (นำเข้าและส่งออก) ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจออสเตรเลียเนื่องจากยังต้องพึ่งพาอุปสงค์จากจีน

นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินต่างๆ คาดว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเดือนพฤษภาคมและสิงหาคม โดยคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงที่ร้อยละ 3.6 ภายในสิ้นปี 2568 และระบบภาษีใหม่จะทำให้ออสเตรเลียขาดดุลงบประมาณมูลค่า 42.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หนี้รัฐบาลจะเพิ่มเป็นแสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2569 ซึ่งแนวทางการรับมือในขณะนี้ คือ การกระชับความสัมพันธ์ทางการในระดับทวิภาคีและพหุภาคีกับประเทศคู่ค้าอื่นๆ (ภายใต้ข้อตกลงการค้า TPP และ RCEP) เพื่อกระจายความเสี่ยงต่อมาตรการสหรัฐฯที่ไม่สามารถคาดเดาได้

…………………………………………………………………………………………………

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์

ที่มา:

www.smh.com.au

www.abc.net.au

www. www.9news.com.au

thThai