งานแสดงสินค้าเครื่องสำอางและธุรกิจความงามระดับโลก COSMOPROF Worldwide Bologna 2025 สุดคึกคัก สินค้าเครื่องสำอางไทยพร้อมลุยตลาดอิตาลี

งานแสดงสินค้าเครื่องสำอางและธุรกิจความงาม COSMOPROF Worldwide Bologna 2025 ครั้งที่ 56 เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2568 ณ เมืองโบโลญญา อิตาลี มีผู้เข้าชมงานมากกว่า 255,000 ราย จาก 150 ประเทศและมีบริษัทชั้นนำด้านความงามและสุขภาพจำนวน 3,128 ราย ที่ได้นำเสนอแบรนด์มากกว่า 10,000 แบรนด์ จาก 65 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ นอร์เวย์ โปรตุเกส จีน ญี่ปุ่น อินเดีย สิงคโปร์ และไทย เป็นต้น เข้าร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์ด้านความงามต่างๆ บนพื้นที่กว่า 170,000 ตารางเมตร ธีมหลักของงานแสดงสินค้าฯ ครั้งนี้ คือความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งอุตสาหกรรมความงามทั้งในอิตาลีและทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ
การจัดงานปีนี้ 56% ของผู้แสดงสินค้ามาจากภูมิภาคยุโรป (22% เป็นบริษัทจากอิตาลี) และ 44% มาจากภูมิภาคอื่นนอกเหนือจากยุโรป (78% เป็นบริษัทจากทั่วโลกนอกเหนือจากอิตาลี) นอกจากนี้ยังมีบริษัทกว่า 35% ที่เข้าร่วมงานเป็นครั้งแรก อีกทั้ง ด้วยความร่วมมือจากกระทรวงการต่างประเทศอิตาลี และ สำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศและการพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศของอิตาลี (ICE – Agenzia per la promozione all’estero e l’internazionalizzazione delle imprese italiane) งานนี้ยังดึงดูดตัวแทนผู้ซื้อ (Hosted Buyers) กว่า 80 คณะจากทั่วโลก โดยในปี 2568 คาดว่ามูลค่าตลาดของอุตสาหกรรมความงามของอิตาลีจะมีมูลค่าสูงกว่า 612 พันล้านยูโร (ตามการวิจัยของ Euromonitor International)
COSMOPROF Worldwide Bologna 2025: ครบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ในงานเดียว
เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา งาน COSMOPROF 2025 แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. Cosmopack: งานแสดงสินค้าสำหรับซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง มุ่งเน้นการนำเสนอวัตถุดิบ ส่วนผสม บรรจุภัณฑ์ หุ่นยนต์ และเครื่องจักร
2. Cosmo Perfumery & Cosmetics: ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ น้ำหอม ไปจนถึงแบรนด์ระดับพรีเมียมและเทคโนโลยีความงามปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และ ความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality)
3. Cosmo Hair, Nail & Beauty Salon: นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเล็บและผม โดยปีนี้เปิดตัว Nail World, Professional Nail Avenue และ Cosmoshop โซนพิเศษสำหรับธุรกิจ B2B ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เล็บ
ภายในงานยังมีโซนพิเศษ “Beauty Tech” ซึ่งได้นำเสนอแนวทางปฏิบัติดิจิทัลล้ำสมัยสำหรับธุรกิจค้าปลีก เช่นการใช้เทคโนโลยีสามมิติ (3D) ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (Augmented Reality) การจำลองภาพเสมือนจริง (Virtual Reality) รวมไปถึง เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology)

แนวโน้มการตลาดที่นำเสนอที่ COSMOPROF Worldwide Bologna 2025
COSMOPROF Worldwide Bologna 2025 ยังคงตอกย้ำสถานะงานแสดงสินค้าความงามระดับโลกที่เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจและนำเสนอนวัตกรรมล้ำสมัย เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแนวคิดความยั่งยืน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้สำหรับการกำหนดและรักษาจุดยืนของแบรนด์และสินค้าในตลาด ดังนั้น อุตสาหกรรมความงามจึงต้องพัฒนาแนวทางอย่างเป็นระบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ปัญหาโครงสร้างสังคมและเศรษฐกิจ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบัน
จากการรายงานของเว็บไซต์ VEGANOK หรือมาตรฐานรับรองผลิตภัณฑ์วีแกนจากอิตาลีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งได้สำรวจเทรนด์ใหม่ๆ ในงานแสดงสินค้าฯ COSMOPROF 2025 พบว่าทิศทางของอุตสาหกรรมกำลังมุ่งสู่ความมีจริยธรรมและความรับผิดชอบ (Ethical and Responsible Consumption) มากขึ้น แบรนด์ต่างๆ หันมาใช้ส่วนผสมจากพืชและสื่อสารแนวคิดและแนวปฏิบัติเหล่านี้อย่างชัดเจนผ่านบรรจุภัณฑ์และเรื่องราวของแบรนด์ นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน การใช้วัสดุที่ปลอดจากส่วนผสมจากสัตว์ (Cruelty-free) และวีแกน ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น โดยมีการนำมาตรฐาน VEG-PACK มาใช้เพื่อรับรองความโปร่งใสในทุกกระบวนการ การปรากฏตัวของเครื่องหมายรับรอง VEGANOK ในผลิตภัณฑ์จำนวนมากสะท้อนถึงความต้องการของอุตสาหกรรมในการสื่อสารแนวทางที่มีความรับผิดชอบอย่างชัดเจน

อุตสาหกรรมความงามของอิตาลีขยายตัวต่อเนื่องในตลาดโลก
นาย Benedetto Lavino ประธาน Cosmetica Italia หรือ สมาคมบริษัทเครื่องสำอางในอิตาลี เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมเครื่องสำอางของอิตาลีมีดุลการค้าสูงถึง 4.7 พันล้านยูโร ตอกย้ำบทบาทสำคัญของภาคอุตสาหกรรมนี้ในภาคการผลิตของประเทศ (Made in Italy)
นาย Matteo Zoppas ประธานสำนักงานส่งเสริมการค้าต่างประเทศและการพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศของอิตาลี (ICE) เผยว่าอุตสาหกรรมเครื่องสำอางกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2566 การส่งออกของอุตสาหกรรมนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับปี 2564 และในปี 2567 การส่งออกเพิ่มขึ้น 11.4% เมื่อเทียบกับปี 2566 แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมเครื่องสำอางเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ขับเคลื่อน Made in Italy ให้สามารถเติบโตได้ แม้ในขณะที่ภาคส่วนอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ลดลง โดยมียอดส่งออก 8.4 พันล้านยูโร ซึ่งคิดเป็นกว่า 40% ของรายได้รวมของภาคนี้ เครื่องสำอางจึงเป็นสินทรัพย์ทางยุทธศาสตร์ของ Made in Italy โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงยอดรวม 626 พันล้านยูโรในปีที่แล้ว

ในโอกาสนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน ได้เข้าเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าเครื่องสำอางและธุรกิจความงาม COSMOPROF Worldwide Bologna 2025 อีกด้วย โดยนางสาวอนงค์นารถ มหาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลานได้เข้าเยี่ยมคูหาของผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมงานแสดงสินค้าเครื่องสำอางและความงามฯ จำนวน 3 ราย ได้แก่ บริษัท โซป เอ็น เซนท์ จำกัด ที่ได้เข้าร่วมโครงการ SMEs Pro-active ภายใต้การส่งเสริมของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ แลบบอราทอรี่ แอนด์ เฮลท์แคร์ จำกัด และ บริษัท คริสโก้ (ประเทศไทย) จำกัด ที่มาร่วมออกงานแสดงสินค้าเอง

ความคิดเห็นของสคต. ณ เมืองมิลาน
1. ในปี 2567 การส่งออกเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิวจากไทยไปยังอิตาลีมีสัญญาณที่ดีและมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยมีมูลค่าการส่งออก 1.45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 10.78% ในขณะที่ปี 2568 (ม.ค.-ก.พ.) ไทยส่งออกเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิวมายังอิตาลี มีมูลค่า 0.62 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวถึง 114.30% ถือว่าสินค้ากลุ่มนี้มีศักยภาพในการส่งออกมายังอิตาลีเป็นอย่างมาก คาดว่าเป็นผลมาจากความต้องการสินค้าเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิวที่เป็นเอกลักษณ์ ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติหรือที่มาจากพืช (plant-based) และแตกต่างจากสินค้าที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปในอิตาลี
2. ผู้ประกอบการไทยที่มีความสนใจที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านความงามมายังอิตาลี จำเป็นที่จะต้องศึกษากฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของสหภาพยุโรป โดยเฉพาะระเบียบ (EC) No 1223/2009 ซึ่งกำหนดให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต้องผ่านการประเมินความปลอดภัยก่อนที่ขายตามท้องตลาด ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิต (GMP – Good Manufacturing Practices) และการแจ้งผลิตภัณฑ์ในระบบ CPNP (EU Cosmetic Products Notification Portal) ก่อนที่จะเริ่มนำขาย นอกจากนี้ฉลากต้องเป็นภาษาอิตาเลียน มีข้อมูลสำคัญ เช่น ส่วนประกอบ วิธีใช้ และข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับผิดชอบ เพื่อรับประกันความปลอดภัยของผู้บริโภคและส่งเสริมการพัฒนาในอุตสาหกรรมนี้ เป็นต้น หน่วยงานที่รับผิดชอบในการตรวจคุณภาพสินค้าความงามคือกระทรวงสาธาณสุขของอิตาลี (Ministero della Salute) โดยร่วมมือกับสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติของอิตาลี (Istituto Superiore di Sanità – ISS)
3. Cosmetica Italia เป็นสมาคมการค้าที่สำคัญในอุตสาหกรรมความงามของอิตาลี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโต การพัฒนา และการจุดยืนในตลาดอิตาลี สำหรับผู้ส่งออกเครื่องสำอางไทย Cosmetica Italia สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดและโอกาสในการสร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการอิตาลี รวมถึงการเข้าใจมาตรฐานการควบคุมคุณภาพและการตลาดในยุโรป
4. แนวโน้มสำหรับอุตสาหกรรมด้านความงามที่น่าสนใจในขณะนี้คือความยั่งยืน การใช้วัตุดิบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพกระบวนการการผลิตและการตลาด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก
5. งานแสดงสินค้าฯ COSMOPROF Worldwide Bologna 2025 ถือเป็นงานแสดงสินค้าเครื่องสำอางและธุรกิจความงามที่สำคัญระดับโลก ซึ่งปัจจุบันได้ขยายความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อจัดงานแสดงสินค้าในเมืองสำคัญต่างๆ เช่น โบโลญญา ลาสเวกัส ฮ่องกง มุมไบ ไมอามี และกรุงเทพมหานคร ผู้ประกอบการไทยควรใช้โอกาสดังกล่าวในการเข้าร่วมเพื่อพบปะเจรจากับนักธุรกิจ และศึกษาแนวโน้มของอุตสาหกรรมความงามในตลาดโลก
ที่มา: 1. Al via Cosmoprof Worldwide Bologna: la kermesse del beauty accoglie 3.128 espositori – Fashion Network
2. Cosmoprof 2025, la bellezza tra innovazione e sostenibilità – Sky TG24
3. เว็บไซต์งานแสดงสินค้าฯ COSMOPROF
4. COSMOPROF 2025: le 5 tendenze che abbiamo scoperto alla fiera della cosmetica – VEGANOK
5. Cosmetic Regulatory Requirements in Italy – OMC Medical
6. ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือกับกรมศุลกากร
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน
มีนาคม 2568