91% ของบริษัทจะได้รับการยกเว้นกลไกการเรียกเก็บค่าปรับ CBAM

คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (EU) ต้องการที่จะปรับลดเครื่องมือปกป้องสภาพภูมิอากาศที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่งลง เพราะ 91% ของบริษัทใน EU ที่ได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บค่าปรับที่เกิดขึ้นในการสร้างคาร์บอนที่เกิดขึ้นก่อนข้ามพรมแดน (CBAM – Carbon Border Adjustment Mechanism) โดยจะได้รับการยกเว้นจากกฎหมายดังกล่าวในอนาคต ตามที่ระบุไว้ในร่างกฎหมายที่สำนักข่าว Handelsblatt มีอยู่ในมือ เหตุผลสำคัญที่ EU ต้องการจะผ่อนปรนกฎหมายลงก็เพราะว่า ภาระด้านระบบราชการ (Bureaucratic) ของบริษัทที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างสูง แต่ได้ประโยชน์กลับมาน้อย ซึ่งขณะนี้ ได้มีข้อเสนอใหม่ที่ต้องการลดความซับซ้อนในการจัดทำรายงาน โดยร่างข้อเสนอใหม่ระบุว่า “จะลดการคำนวณที่ซับซ้อน และขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลที่วุ่นวายลง” อย่างไรก็ดี วัตถุประสงค์หลักทางการเมืองที่ฝังอยู่ใน CBAM “จะไม่ได้รับผลกระทบ” จากการผ่อนปรนกฎหมายอย่างแน่นอน

 

CBAM จะต้องชำระโดยผู้นำเข้าเหล็ก อลูมิเนียม ซีเมนต์ และปุ๋ย จากนอก EU เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า ผู้ผลิตในยุโรปจะไม่เสียเปรียบเนื่องจากพวกเขาต้องซื้อคาร์บอนเครดิต (สิทธิ์ในการปล่อยก๊าซ CO2 เพื่อการผลิตผลิตภัณฑ์ที่สร้าง CO2 เข้มข้น) การกำหนด CBAM มีจุดประสงค์หลักเพื่อชดเชยข้อเสียเปรียบในการแข่งขันนี้ อีกทั้งเพื่อจูงใจผู้ผลิตที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในยุโรปให้ลดการปล่อยมลพิษของตนลงนั่นเอง ร่างกฎหมายดังกล่าวระบุว่า ผู้นำเข้าสินค้าที่มี CBAM ในปริมาณน้อยจะได้รับการยกเว้นจากกลไกดังกล่าว หมายความว่า “โดยส่วนใหญ่” วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรวมถึงบุคคลธรรมดาจะได้รับการยกเว้นจากกลไกดังกล่าวก่อน โดยร่างกฎหมายระบุว่า การยกเว้นนี้เกิดขึ้นเพราะว่า ภาระด้านการบริหารจัดการที่เกิดขึ้นกับบริษัทสูงกว่าประโยชน์ที่ได้รับด้านนิเวศวิทยา และด้านกฎระเบียบมาก ภายใต้แผนการปฏิรูปนี้ มีเพียงผู้นำเข้าที่นำเข้าสินค้าปริมาณมากที่จะตกอยู่ภายใต้ข้อจำกัดที่จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม CBAM เท่านั้น โดยมี 2 เกณฑ์ คือ น้ำหนักสินค้ามากกว่า 50 ตันต่อปี และปริมาณ CO2 เทียบเท่า (ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า = tonneCO2eq) มากกว่า 100 ตันต่อปี ค่า CO2eq อธิบายถึงการปล่อย CO2 ที่เกิดขึ้นในการผลิตสินค้า ตามร่างดังกล่าว 99% ของการปล่อยมลพิษจะต้องถูกบันทึกด้วยวิธีนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เพราะผู้นำเข้าจำนวน 9% เป็นผู้ที่รับผิดชอบต่อ 99% ที่เกิดนี้ นอกเหนือจากการปรับค่าหลักเกณฑ์แล้ว การคำนวณการสร้างมลพิษยังต้องถูกทำให้ง่ายขึ้นด้วย ขณะนี้ CBAM ยังอยู่ในช่วงทดลอง โดยในช่วงทดสอบนี้ บริษัทต่าง ๆ จะต้องบันทึกข้อมูลการนำเข้าของตนลงในทะเบียนดิจิทัล แต่ภาษีจะเริ่มชำระตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ตามการสำรวจล่าสุดของ Deloitte พบว่า บริษัทประมาณ 3 ใน 4 ไม่สามารถหรือรายงานข้อมูลการสร้างมลพิษที่แท้จริงของผู้ผลิตได้เพียงบางส่วนเท่านั้น บริษัทในยุโรปหลายแห่งที่นำเข้าเหล็กจากนอกยุโรปบ่นว่า กลไกการชดเชยนี้มีความเป็นราชการมากเกินไป สภาหอการค้าพาณิชย์และอุตสาหกรรมเยอรมนี (DIHK – Der Deutsche Industrie- und Handelskammertag) ถือว่า ข้อเสนอของคณะกรรมาธิการ EU เป็นเรื่องที่ดี โดยกล่าวว่า “ข้อเสนอดังกล่าวเป็นก้าวย่างที่สำคัญของ EU” ด้านนาง Ulrike Beland ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของ DIHK กล่าวต่อ Handelsblatt ว่า “มีความชัดเจนว่า คณะกรรมาธิการ EU กำลังพยายามทำให้ CBAM เป็นเรื่องที่ใช้งานง่ายขึ้น

 

ควบคู่ไปกับ “ข้อตกลงอุตสาหกรรมสะอาด (Clean Industrial Deal)” และแผนปฏิบัติการเพื่อผลักดันให้พลังงานราคาถูกลง คณะกรรมาธิการ EU มีแผนที่จะนำเสนอแพ็คเกจปฏิรูประบบราชการ นอกเหนือจากการปรับ CBAM แล้ว นอกจากนี้ EU ยังต้องปรับกฎหมายห่วงโซ่อุปทานของ EU (CSDDD – EU Corporate Sustainability Due Diligence Directive) รายงานการดำเนินงานที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (CSRD -Corporate Sustainability Reporting Directive) และนโยบายการเงินอย่างยั่งยืนของสหภาพยุโรป (EU-Taxonomy) ด้วย เรียกได้ว่า คณะกรรมาธิการ EU เปลี่ยนจุดยืนของแผนปฏิรูปสีเขียว (European Green Deal) โดยในอนาคต CSDDD จะไม่บังคับให้บริษัทต่าง ๆ ตรวจสอบผู้ผลิตของตนตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานอีกต่อไป นอกจากนี้ บริษัทจำนวนมากจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องรายงาน CSRD อีกแล้ว โดยนาง Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า หัวใจหลักในการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ของเธอ คือ ต้องทำให้ความสามารถในการแข่งขันของ EU เข้มแข็งขึ้น ข้อเสนอสำหรับการปรับระบบ CBAM ได้รับการอนุมัติในรัฐสภายุโรปแล้ว นาย Peter Liese สมาชิกรัฐสภายุโรปสังกัดพรรคสหภาพคริสต์เตียนเพื่อประชาธิปไตยประเทศเยอรมนี (CDU – Christlich Demokratische Union Deutschlands) กล่าวว่า “ข้อเสนอดังกล่าวเป็นการก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง ผมหวัง และคาดว่า เราจะสามารถผ่านรัฐสภาฯ ได้ภายในไม่กี่สัปดาห์” นอกจากนี้พรรคยุค 90 พันธมิตรสีเขียว (Bündnis 90/Die Grünen) เองก็ยังให้การสนับสนุนดังกล่าวอีกด้วย นาย Michael Bloss (พรรคสีเขียว) สมาชิกรัฐสภาสหภาพยุโรปกล่าวว่า ข้อยกเว้นผู้นำเข้าสินค้าในปริมาณน้อยไม่ใช่ปัญหาหากทำได้ดีทางเทคนิค คณะกรรมาธิการ EU ประกาศว่า 99% ของการนำเข้าจะยังคงได้รับการครอบคลุมภายใต้ CBAM “สิ่งนี้จะต้องได้รับการรับรองอย่างชัดเจน มิฉะนั้นอุตสาหกรรมเหล็กกล้าของยุโรปจะตกอยู่ในอันตราย” อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น่าจะแตกต่างออกไปเมื่อต้องมีการอนุมัติกฎหมายเหล่านี้ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับ และประสานข้อกำหนดเกี่ยวกับ CSDDD และ CSRD โดยพรรคสีเขียว และพรรคสังคมนิยมเพื่อประชาธิปไตยเยอรมนี (SPD – Sozialdemokratische Partei Deutschlands) ได้ประกาศไปแล้วว่า “การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง” เช่นนี้ไม่จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามเป็นไปได้ที่กฎหมายนี้จะผ่านโดยเสียงข้างมากจากกลุ่มนักการเมืองฝั่งขวาก็ได้

 

จาก Handelsblatt 21 มีนาคม 2568

thThai