8 แนวโน้มสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดอีคอมเมิร์ซในสหรัฐฯ ปี 2568

           ในปี 2568 แนวโน้มการแข่งขันในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซจะเน้นไปที่การพัฒนาประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบไร้รอยต่อและสามารถตอบสนองความเป็นเฉพาะบุคคลสูง โดยเฉพาะในช่วงภาวะเงินเฟ้อและสภาพเศรษฐกิจที่ท้าทายเช่นนี้ ผู้บริโภคจะยิ่งเน้นหาประโยชน์และความคุ้มค่าของสินค้ามากขึ้น แบรนด์ต่างๆ จึงได้มีการเร่งลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการสร้างประสบการณ์ลูกค้าเพื่อความได้เปรียบทางการแข่งขัน การพัฒนากลยุทธ์เหล่านี้ จะเป็นกุญแจสำคัญในอุตสาหกรรม   อีคอมเมิร์ซของสหรัฐฯ โดยบริษัท Publicis Sapient บริษัทที่ให้บริการที่ปรึกษาด้านดิจิทัลในการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลและนวัตกรรม ร่วมกับ นาย Sudip Mazumder และนาย Guy Elliott ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่มีประสบการณ์ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ    สรุปแนวโน้มสำคัญที่กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม 8 ประการ ได้แก่
          1. ปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์ (Generative AI) และการค้นหาแบบ Zero-click เครื่องมือค้นหาที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลโดยไม่ต้องคลิกผ่านไปยังเว็บไซต์  ถึงแม้ว่าปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์จะเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เช่น ChatGPT แต่หลายองค์กรยังคงสงสัยว่า การใช้งานแบบไหนที่จะสามารถสร้างมูลค่าได้มากที่สุดและตรงกับความต้องการที่ลูกค้าสามารถใช้งานได้จริงหรือยังมีจุดไหนที่ควรปรับเปลี่ยนเพื่อไม่ให้ตกยุค
          ในปี 2568 เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหลายแห่งจะยังคงพัฒนาและเปิดตัวเครื่องมือค้นหาที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือเครื่องมือค้นหาที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้เหมือนการสนทนา ตัวอย่างเช่น Homes & Villas by Marriott Bonvoy ที่ได้ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม AI ซึ่งสามารถรับคำสั่งจากผู้ใช้ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและช่วยจับคู่ผู้ใช้กับตัวเลือกโรงแรมที่ตรงกับความต้องการ โดยผลสำรวจของ Publicis Sapient พบว่า 27% ของผู้บริโภครู้สึกตื่นเต้นกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการเปรียบเทียบดีลแบบเรียลไทม์ และ 43% ของผู้ที่เคยใช้ AI คาดหวังว่าจะมีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า ดังนั้น องค์กรที่เริ่มใช้เทคโนโลยีนี้ในปีนี้ จะมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน
8 แนวโน้มสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดอีคอมเมิร์ซในสหรัฐฯ ปี 2568
           2. การโฆษณาผ่านสื่อจะยังคงขับเคลื่อนการเติบโตของอีคอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่อง
              การโฆษณาผ่านสื่อ โดยเฉพาะผ่านสื่อค้าปลีก (Retail Media) ยังคงขับเคลื่อนการเติบโตของอีคอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการโฆษณาผ่านสื่อเหล่านี้ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ข้อมูลที่ได้จากการซื้อสินค้าและพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ในการช็อปปิ้ง และเพิ่มยอดขาย นอกจากนี้ การโฆษณาผ่านสื่อค้าปลีกยังสามารถสร้างความเป็นส่วนตัวและตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้นในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลมีความสำคัญ สำนักข่าว Reuters ผู้รายงานข่าวที่รวดเร็วและแม่นยำระดับโลก ด้านข้อมูลทางธุรกิจ การเงิน การเมือง และข่าวทั่วไป ได้คาดการณ์ว่า ภายในปี 2571 รายได้จากการโฆษณาสื่อค้าปลีกจะคิดเป็น 15.4% ของรายได้จากโฆษณาทั้งหมด ซึ่งจะทำให้สื่อค้าปลีกกลายเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาหลักที่แซงหน้าการโฆษณาผ่านโทรทัศน์
            3. ตลาดสินค้ามือสองกำลังเติบโตและแข่งขันกันเพื่อดึงดูดผู้บริโภค 
               ตลาดสินค้ามือสองในสหรัฐกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แพลตฟอร์มออนไลน์ที่มุ่งเน้นสินค้ามือสอง เช่น ThredUp Poshmark และ Depop ซึ่งนำเสนอความคุ้มค่าและยั่งยืนของสินค้ามือสองให้กับผู้บริโภค ทำให้ผู้คนหันมาซื้อสินค้ามือสองมากขึ้น และแม้แต่ Facebook Marketplace ก็ได้ครองตลาดสินค้ามือสองมาโดยตลอด และกำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการในอีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิมที่ไม่เน้นสินค้ามือสอง อาทิ Amazon หรือ ร้านค้าปลีกอย่าง Walmart ก็มีการจำน่ายสินค้ามือสองมากขึ้น รวมทั้ง แบรนด์ Lululemon ก็มีการเปิดขายสินค้ามือสอง “Like New” ในเว็ปไซต์ โดยกำลังทดลองปรับกลยุทธ์ด้านราคา การจัดการโลจิสติกส์ เพื่อให้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเหล่านี้สามารถทำกำไรได้และสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้ามากขึ้น
             4. “Slow living” และผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงกำลังมาแรง
                ผู้บริโภคชาวอเมริกันให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น แนวโน้ม “deinfluencing” ซึ่งเป็นการที่อินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลมีเดียหันมาสนับสนุนให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็นและแนะนำสินค้าที่ไม่ควรซื้อ ก็ได้กระตุ้นให้เกิดความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ทนทานและใช้งานได้นานกลายเป็นแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญในปัจจุบันมากกว่าการลดขยะหรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แนวโน้มนี้ยังเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวของ “slow living” หรือการใช้ชีวิตอย่างช้าๆ ที่ส่งเสริมให้ใช้ชีวิตในจังหวะที่ช้าลงและยั่งยืนมากขึ้น นอกจากนี้ การโฆษณาดิจิทัลที่เน้นคุณภาพแทนปริมาณจะช่วยให้ลูกค้าค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แทนที่จะมีสินค้าหลายรายการที่ไม่ต้องกับความต้องการของลูกค้าออนไลน์
            5. แหล่งเงินทุนระยะสั้น (short term financing) และการชำระเงินที่มองไม่เห็น (Invisible payments)
            Short term financing ในระบบออนไลน์ เช่น PayPal Credit, Afterpay หรือโซลูชัน Pay Later ของ Apple เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มมิลเลนเนียลและ Gen X ซึ่งมีสัดส่วนการใช้งานสูงสุดในช่วง3ปีที่ผ่านมา การเติบโตของ BNPL (Buy Now, Pay Later) หรือซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ยังคงขับเคลื่อนแนวโน้ม รวมทั้ง “การชำระเงินที่มองไม่เห็น” (Invisible payments) ที่เป็นกระบวนการทำธุรกรรมที่ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องดำเนินการหรือมีปฏิสัมพันธ์กับกระบวนการชำระเงินโดยตรง ส่งผลให้กระบวนการชำระเงินรวดเร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การเพิ่มตัวเลือก BNPL ใหม่ๆ ในระบบการชำระเงินควรดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถประสบปัญหาทางการเงินได้ หากขยายตัวเลือกและระยะเวลาในการชำระเงินให้กับผู้ที่เลือกแบ่งชำระเป็นงวด จำเป็นต้องมีความระมัดระวังการก่อหนี้ที่ไม่สามารถชำระคืนได้
            6. AI จะยกระดับประสบการณ์การช็อปปิ้งออนไลน์ให้เป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
               เมื่อเทคโนโลยี AI พัฒนาอย่างต่อเนื่อง บริษัทต่างๆ จะสามารถปรับแต่งผลิตภัณฑ์ เนื้อหา และโปรโมชั่นให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละบุคคลได้ง่ายขึ้น จากการวิจัยของ Publicis Sapient ในปี 2567 พบว่า ผู้บริโภคคาดหวังประสบการณ์จาก AI ที่สามารถปรับให้ตรงกับความต้องการของตัวเองในโลกดิจิทัล โดยกว่า 67% ต้องการให้ AI สื่อสารแบบที่เป็นตัวเองขณะช็อปปิ้ง และ 71% ต้องการคำแนะนำที่ตรงกับความชอบของตัวเอง
               แม้ว่าผู้บริโภคจะมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบของ AI เช่น การสูญเสียการจ้างงาน (42%) หรือการเผยแพร่ข้อมูลผิด (53%) แต่ 27% ของผู้ที่เคยใช้เครื่องมือ AI กล่าวว่า พวกเขารู้สึกตื่นเต้นกับความสามารถของ AI ในการให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตนเอง
           7. คำพูดจากปากต่อปาก การรีวิวสินค้า และอินฟลูเอนเซอร์ ส่งเสริมการช็อปปิ้งออนไลน์
             บทบาทสำคัญในการตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่  พบว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันจำนวนมากให้ความสำคัญกับความคิดเห็นจากลูกค้าที่มีความเชี่ยวชาญและอินฟลูเอนเซอร์เพื่อความน่าเชื่อถือมากขึ้น จากการสำรวจของ Publicis Sapient พบว่า ชาวอเมริกันมักจะแนะนำ แบรนด์ที่ชื่นชอบให้กับเพื่อนและครอบครัว ซึ่งเป็นวิธีที่พวกเขาแสดงความภักดีและชื่นชอบต่อแบรนด์ ในขณะเดียวกัน หลายคนทำการตัดสินใจซื้อโดยใช้การค้นหาผ่านออนไลน์และจากการรีวิวสินค้า โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่นิยมค้นหาข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์
8 แนวโน้มสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดอีคอมเมิร์ซในสหรัฐฯ ปี 2568
           8. ห่วงโซ่อุปทานที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยลดความผันผวนและส่งเสริมความยั่งยืน
การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การคาดการณ์ความต้องการ การจำลองดิจิทัล (Digital Twins) และการติดตามซัพพลายเออร์ ทำให้กระบวนการต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นมากขึ้น การคาดการณ์ความต้องการ ช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถวางแผนและจัดการสินค้าภายใน warehouse ได้ดียิ่งขึ้น ลดการขาดแคลนสินค้าหรือการมีสินค้าล้นสต็อกซึ่งอาจทำให้เกิดการสูญเสียและเพิ่มต้นทุน การจำลองดิจิทัลช่วยให้สามารถทดสอบและปรับปรุงกระบวนการในห่วงโซ่อุปทานได้ในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการเกิดปัญหาจริง
               การติดตามซัพพลายเออร์ทำให้สามารถตรวจสอบความยั่งยืนของแหล่งที่มาของวัสดุและวิธีการผลิต รวมถึงการวัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนภายในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่กระบวนการทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ทั้งการผลิตและการจัดจำหน่ายสินค้า ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การจัดเก็บสินค้า การขนส่ง ไปจนถึงการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าปลายทาง ซึ่งทำให้ผู้ค้าปลีกสามารถตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการเพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น AI จะช่วยให้ห่วงโซ่อุปทานมีความยืดหยุ่นและคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น
ความคิดเห็นของสคต. นิวยอร์ก 
           สำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายธุรกิจสู่ตลาดสหรัฐฯ การทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคชาวอเมริกันและการปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวโน้มใหม่ๆ ของตลาดถือเป็นสิ่งสำคัญ สหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่ที่มีการแข่งขันสูง แต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสมากมาย โดยเฉพาะในตลาดอีคอมเมิร์ซ สินค้าไทยที่มีความโดดเด่น มุ่งเน้นความยั่งยืน รวมทั้ง การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เช่น การตลาดผ่าน AI จะสามารถดึงดูดลูกค้าชาวอเมริกันได้อย่างมีศักยภาพ นอกจากนี้ การสร้างความไว้วางใจกับลูกค้าผ่านการนำเสนอบริการที่มีคุณภาพและมีความซื่อสัตย์จะยิ่งช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดียิ่งขึ้น
ข้อมูลอ้างอิงจาก: https://www.publicissapient.com/insights/future-ecommerce-trends
สคต. นิวยอร์ก เดือนมีนาคม 2568
thThai