เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศเริ่มต้นขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตราร้อยละ 25 ยกเว้นสินค้าพลังงานจากแคนาดาที่จะถูกขึ้นพิกัดฯร้อยละ 10 และสินค้านำเข้าจากจีนจะถูกขึ้นพิกัดในอัตราร้อยละ 10 โดยการขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากแคนาดาและจีนจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 (เวลาประเทศไทยประมาณเที่ยงวันของที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568) สำหรับเม็กซิโกจะมีผลบังคับใช้ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า อย่างไรก็ดีในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ประธานาธิบดี Trump ได้ประกาศว่าเขายืดเวลาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าแคนาดาออกไปอีกอย่างน้อย 30 วัน
ประธานาธิบดี Trump ยังประกาศย้ำว่า จะขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากทั่วโลก โดยสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรคือเป้าหมายต่อไป
พิกัดอัตราภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯนำมาใช้ในครั้งนี้เป็นระบบปกติคือ ad valorem หรือการคิดภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละของมูลค่าสินค้า ไม่ใช่ specific tariffs ที่เป็นการคิดภาษีนำเข้าในวงเงินที่เจาะจงลงไปสำหรับสินค้านำเข้าแต่ละรายการ หรือ tariff-rate quotas ที่เป็นการคิดภาษีนำเข้าเมื่อจำนวนการนำเข้าของสินค้านั้นๆบรรลุถึงระดับที่กำหนด
ในปี 2567 การนำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน รวมกันมาก กว่าร้อยละ 40 ของการนำเข้ารวมทั้งสิ้นของสหรัฐฯ และมีมูลค่าผลิตภัณฑ์สินค้านำเข้าสหรัฐฯรวมทั้งสิ้นประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
การขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากรตามนโยบายของ Trump จะทำให้ราคาสินค้าสำหรับผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น เพราะผู้นำเข้าที่เป็นผู้จ่ายชำระภาษีศุลกากรจะส่งผ่านค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นให้แก่ผู้บริโภค หรือจะหยุดนำเข้า ทำให้สินค้าขาดตลาด
สินค้าสำคัญที่จะได้รับผลกระทบ เช่น
รถยนต์: แคนาดาและเม็กซิโกเป็นแหล่งอุปทานนำเข้ารถยนต์ที่สำคัญของสหรัฐฯ 1 ใน 5 ของรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กที่จำหน่ายในสหรัฐฯผลิตในแคนาดาและเม็กซิโก สำหรับอุปทานชิ้นส่วนรถยนต์ที่สำคัญของสหรัฐฯสำหรับใช้ในการประกอบรถยนต์ในโรงงานผลิตในสหรัฐฯที่มีมากกว่า 50 แห่ง นำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน คาดการณ์ว่าการขึ้นภาษีศุลกากรจะทำให้รถยนต์ในสหรัฐฯเกือบทุกแบรนด์จะมีราคาขายเพิ่มขึ้นคันละประมาณ 3,000 เหรียญฯ
ไม้ (lumber): สหรัฐฯมีอุปทานป่าไม้จำนวนมาก แต่เกือบทั้งสิ้นเป็นสมบัติสาธารณะและเอกชนและภายใต้กฎหมาย Environmental Protection Act ได้รับการคุ้มครองจากการเข้าไปตัดไม้ทำลายป่า ทำให้ 1 ใน 4 ของไม้ (lumber) ที่ใช้ในการก่อสร้างของสหรัฐฯ นำเข้าจากแคนาดา การขึ้นภาษีนำเข้าจะทำให้การก่อสร้างบ้านในสหรัฐฯจะมีราคาสูงขึ้น และจะเป็นอุปสรรคในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดบ้าน โดยเฉพาะในนครลอสแอนเจลิสที่บ้านจำนวนมากถูกทำลายจากไฟป่า
น้ำมันดิบ: แคนาดาเป็นแหล่งอุปทานน้ำมันดิบใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ใน 11 เดือนแรก (มกราคม – พฤศจิกายน) ของปี 2567 ร้อยละ 61 ของน้ำมันดิบที่สหรัฐฯนำเข้ารวมทั้งสิ้นมาจากแคนาดา รองลงมาเป็นการนำเข้าจากเม็กซิโก สาเหตุที่สหรัฐฯพึ่งพาน้ำมันดิบแคนาดาอย่างมาก เพราะน้ำมันดิบจากแคนาดาเป็น heavy crude oil ที่ส่วนใหญ่ของโรงงานในสหรัฐฯออก แบบมาเพื่อการกลั่นน้ำมันดิบประเภทนี้ สะดวกในการขนส่ง ราคาถูก และมีส่วนประกอบของเคมีที่ทำให้สามารถนำไปกลั่นเป็นน้ำมันหลายประเภท เช่น diesel, jet fuel และ petrochemicals การขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมันดิบจากแคนาดาจะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดสหรัฐฯสูงขึ้นประมาณ 30 เซ็นต์ต่อแกลลอน
คอมพิวเตอร์ เสื้อผ้า และของเล่น: จีนเป็นแหล่งอุปทานสำคัญของสินค้าสำหรับผู้บริโภค ข้อมูลกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯระบุว่า จีนเป็นแหล่งอุปทานสำคัญสูงสุดสินค้าโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ของเล่นและอุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้า และรองเท้า
สินค้าโกรเชอรี่: แคนาดาและเม็กซิโกเป็นแหล่งอุปทานสินค้าเกษตรที่สำคัญของสหรัฐฯ มีส่วนแบ่งร้อยละ 23 และร้อยละ 19 ตามลำดับ ของการนำเข้ารวมทั้งสิ้น ประมาณ 3 ใน 4 สินค้าเกษตร เช่น ผักและผลไม้สด เครื่องดื่มที่ไม่มีและมี แอลกอฮอล รวมถึงเบียร์ ในตลาดสหรัฐฯนำเข้าจากเม็กซิโก และสหรัฐฯนำเข้าธัญญพืช สำหรับการบริโภคในตลาด mainstream และเนื้อสัตว์ (meat) จากแคนาดาเป็นจำนวนมาก คาดการณ์ว่า ราคาสินค้าโกรเชอรี่จะเพิ่มสูงขึ้นในอัตราใกล้เคียงกับอัตราภาษีนำเข้า
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก สคต. ลอสแอนเจลิส
นักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯหลายรายวิเคราะห์ผลกระทบว่า
- สินค้านำเข้าหลายรายการ สหรัฐฯผลิตเองไม่ได้หรือผลิตได้ไม่พอกับการบริโภค และนโยบายคนเข้าเมืองสหรัฐฯกำลังส่งผลกระทบต่อการผลิตในสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตสินค้าเกษตร ที่กำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานเนื่องจาก แรงงานส่วนใหญ่ที่เข้าเมืองแบบผิดกฎหมายจะหยุดมาทำงานด้วยความเกรงกลัวจะถูกจับ
- ราคาสินค้านำเข้าจากประเทศเหล่านี้ในตลาดค้าปลีกสหรัฐฯจะเพิ่มสูงขึ้น เมื่อผู้นำเข้าผลักภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภค
- สินค้าในตลาดจะขาดแคลน เมื่อผู้นำเข้าหลายรายระงับการนำเข้าสินค้าบางรายการ เพราะสถานการณ์ธุรกิจของบริษัทไม่เอื้ออำนวย หรือ ต้องการรอดูท่าทีว่าท้ายที่สุดแล้ว จะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆอีกหรือไม่
- เมื่อแคนาดา เม็กซิโก และจีน ทำการตอบโต้สหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคนาดาที่มีความชัดเจนมากที่สุดที่จะตอบโต้มาตรการของสหรัฐฯแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภคสหรัฐฯโดยรวม
- อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อประกอบกับแนวนโยบายลดขนาดและจำนวนแรงงานในภาครัฐบาลกลาง จะส่งผลกระทบให้อำนาจการใช้จ่ายเงินและความต้องการบริโภคของผู้บริโภคสหรัฐฯลดลง
สำนักงานฯลอสแอนเจลิสมีความเห็นดังนี้
- ในขณะนี้การเข้าไปเป็นแหล่งอุปทานทางเลือกอื่น อาจจะยังไม่มั่นคง เพราะเป็นการยากที่จะคาดการณ์การดำเนินมาตรการต่างๆทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯชุดใหม่นี้กับประเทศคู่ค้าอื่น ยังไม่เป็นที่แน่อนว่า ประเทศไทยจะได้เปรียบเสียเปรียบประเทศคู่แข่งขันทางการค้ารายใด มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีข้อด้อยในเรื่องการได้ดุลการค้าสหรัฐฯสูงและยาวนาน และ การถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการ transshipment ของจีน และการเป็นประเทศที่สามที่จีนใช้เป็นช่องทางส่งออกไปยังสหรัฐฯ
- การบริหารประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯชุดประธานาธิบดี Donald Trump ขณะนี้ กำลังสร้างความปั่นป่วนขึ้นกับกิจกรรมต่างๆที่เป็นภายในประเทศสหรัฐฯเช่นกัน และกำลังสร้างความไม่พอใจให้แก่คนอเมริกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีแนวโน้มสูงที่คนอเมริกันที่เลือก Trump ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ที่ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ที่เศรษฐกิจอ่อนตัว จะได้รับผลกระทบมากที่สุด จึงมีความเป็นไปได้ว่า อาจนำไปสู่แรงกดดันให้ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากร จากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าทั่วกระดาน ไปเป็นการขึ้นภาษีนำเข้าเฉพาะสินค้าที่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของชาติเหมือนที่รัฐบาลชุดก่อนปฏิบัติ
- ผู้ส่งออกไทยอาจพิจารณาทำงานร่วมมือกับผู้นำเข้าในการเร่งการนำเข้าสินค้าที่จำเป็นต่อการบริโภคเข้าสู่สหรัฐฯให้มากที่สุดในระหว่างที่รอประกาศขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากรสินค้าส่งออกสำคัญของไทยหรือสินค้าไทย
- ไทยยังคงมีโอกาสในการส่งออกสินค้าอาหารบางรายการที่เป็นสินค้าสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ที่สหรัฐฯและประเทศคู่แข่งอื่นยังไม่สามารถผลิตได้หรือไม่สามารถแข่งขันได้ หรือเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคจำนวนมากต้องการแม้ว่าราคาจะเพิ่มสูงกว่าเดิม เช่น ข้าวหอมมะลิ ผักและผลไม้เมืองร้อนบรรจุกระป๋อง และเครื่องเทศสมุนไพร เป็นต้น
- ประเทศไทยมีศักยภาพที่อาจจะเป็นแหล่งอุปทานทางเลือกอื่นแทนแคนาดาและเม็กซิโกสำหรับสินค้าชิ้นส่วนประกอบรถยนต์
หมายเหตุ: ข่าวข้างบนนี้เป็นข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งที่จัดทำและนำเสนอข้อมูลเปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไป และบางส่วนเป็นความเห็นส่วนบุคคล สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส นำมารวบรวมเผยแพร่เพื่อแก่ผู้สนใจ เนื่องจากเป็นข้อมูลและความเห็นจากบุคคลที่สาม การนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณเฉพาะบุคคล สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส ไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส กุมภาพันธ์ 2568