เม็กซิโกส่งทหารคุมชายแดนแก้ปัญหายาเสพติด หลังทรัมป์ชะลอมาตรการขึ้นภาษีไปอีก 1 เดือน

เม็กซิโกส่งกำลังทหาร 10,000 นาย ไปประจำการที่ชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบขนยาเสพติดเข้าไปยังสหรัฐ หลังจากสหรัฐฯ ได้ประกาศเลื่อนการบังคับใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้า 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกออกไปอีก 30 วัน

ประธานาธิบดีเชนบาม ของเม็กซิโก เปิดเผยหลังจากได้พูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ว่าทั้งสองฝ่ายได้ข้อตกลงในการดำเนินมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันโดยเม็กซิโกจะเข้มงวดในการป้องกันการลักลอบขนยาเสพติดโดยเฉพาะเฟนทานิล เข้าไปยังสหรัฐ ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ จะเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการลักลอบขนอาวุธที่เข้ามาในเม็กซิโก

ทั้งนี้ หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ประกาศแผนบังคับใช้ภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และภาษี 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งก่อนหน้านี้มีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา รัฐบาลเม็กซิโกได้ตอบโต้ว่าการบังคับใช้ภาษีดังกล่าว อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้างต่อผู้บริโภคและบริษัทอเมริกันที่มีฐานการผลิตในเม็กซิโก ซึ่งรวมถึงบริษัท General Motors (GM) ที่เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สัญชาติอเมริกันในอุตสาหกรรมยานยนต์ มีฐานการผลิตในเม็กซิโก และถือเป็นผู้ส่งออกชิ้นส่วนและรถยนต์รายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ เม็กซิโกเป็นผู้ส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ที่สุดไปยังสหรัฐฯ รวมถึงเป็นแหล่งผลิตเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เช่น จอโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และตู้เย็น เป็นต้น

แม้ขณะนี้สหรัฐจะชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าออกไปอีก 30 วัน แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงเน้นว่าหากเม็กซิโกไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านการลักลอบขนยาเสพติดผ่านชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจมีการกลับมาบังคับใช้ภาษีได้ทุกเมื่อ ทั้งนี้ ท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ประธานาธิบดีเชนบาม ได้ประกาศให้กระทรวงเศรษฐกิจของเม็กซิโกเตรียมดำเนิน “แผน B” ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งประกอบด้วยมาตรการทางภาษีและมาตรการอื่น ๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ทางการค้าในปัจจุบัน

การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ เชื่อมโยงประเด็นด้านความมั่นคงชายแดนและการลักลอบขนส่งยาเสพติดกับนโยบายการค้าสะท้อนให้เห็นถึงการใช้ประเด็นทางการเมืองภายในเพื่อผลักดันนโยบายภายนอก ซึ่งอาจทำให้ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศเกิดความตึงเครียดและอาจเพิ่มความรุนแรงขึ้นในอนาคต หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่สมดุลต่อผลประโยชน์ร่วมกันได้

ในส่วนของเม็กซิโก รัฐบาลได้แสดงจุดยืนในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศผ่านการเตรียมใช้มาตรการตอบโต้ทางภาษี อย่างไรก็ดี เม็กซิโกเน้นย้ำว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและเม็กซิโกจะไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ แนวทางที่เม็กซิโกใช้ในการเร่งพัฒนาศักยภาพการผลิตในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจากประเทศคู่ค้า เป็นแนวทางที่น่าจับตามอง เนื่องจากอาจส่งผลต่อรูปแบบการค้าในภูมิภาคอเมริกาเหนือในระยะยาว หากสถานการณ์ทางการค้าไม่สามารถแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความเสี่ยงที่ธุรกิจต่าง ๆ จะได้รับผลกระทบ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งถือเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของเม็กซิโก อาจถูกกระทบโดยตรงจากต้นทุนการส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการภาษี ส่งผลให้บริษัทต่างชาติอาจพิจารณาเคลื่อนย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีต้นทุนต่ำกว่า หรือไปยังประเทศที่มีความมั่นคงทางการค้ามากกว่า

ในภาพรวม แม้ว่าความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโกจะสร้างความท้าทายให้กับระบบการค้าโลก แต่ก็ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยควรเร่งวางกลยุทธ์ในการเจาะตลาดและสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับเม็กซิโกมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศเพื่อขยายส่วนแบ่งตลาดและสร้างเสถียรภาพทางการค้าในระยะยาว

 

——————————————————————

ที่มา

https://www.reuters.com/world/americas/mexican-troops-deployed-border-part-deal-pause-us-tariffs-2025-02-04/

https://www.npr.org/2025/02/03/nx-s1-5285334/mexico-us-canada-tariffs-trump-sheinbaum

https://www.cnbctv18.com/world/donald-trump-announces-tariffs-on-imports-canada-mexico-china-19551171.htm

thThai