ประธานาธิบดีทรัมป์เซ็นคำสั่งขึ้นภาษีศุลกากรต่อ 3 ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ได้แก่ แคนาดา เม็กซิโกและจีน โดยมีผลเมื่อวันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 12.01น ที่ผ่านมา ซึ่งสหรัฐฯ มีการนำเข้าสินค้าทั้งหมดจาก 3 ประเทศนี้มากกว่า 1 ใน 3 การขึ้นภาษีครั้งนี้จึงถือเป็นการเคลื่อนไหวที่เสี่ยงต่อการเกิดสงครามทางการค้าที่จะขยายวงกว้างมากขึ้น และอาจส่งผลให้ราคาสินค้าสำหรับผู้บริโภคชาวอเมริกันสูงขึ้น
สินค้าทั้งหมดที่นำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกจะโดนเรียกเก็บภาษีนำเข้าร้อยละ 25 ยกเว้นสินค้าด้านพลังงานจากแคนาดา จะโดนเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่ร้อยละ 10 นอกจากนี้ สินค้านำเข้าจากจีนก็จะโดนเรียกเก็บภาษีร้อยละ 10 เช่นกัน นักเศรษฐศาสตร์จาก S&P Global ระบุว่าภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และอุปกรณ์ไฟฟ้าในเม็กซิโกจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมการแปรรูปแร่ในแคนาดา ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับความเสี่ยงมากที่สุดในสหรัฐฯ คือ การเกษตร การประมง การผลิตโลหะ และการผลิตรถยนต์
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีทรัมป์ตัดสินใจเลื่อนการเก็บภาษีศุลกากรกับแคนาดาและเม็กซิโกออกไปอีก 30 วัน เพื่อเลี่ยงวิกฤตที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยได้ผ่อนปรนการเรียกเก็บภาษี เมื่อทางแคนาดาตกลงแต่งตั้ง ผู้ควบคุมเฟนทานิล (Fentanyl czar) และจัดตั้งกองกำลังจู่โจมร่วมเพื่อปราบปรามกลุ่มอาชญากรและการฟอกเงิน รวมทั้ง เม็กซิโกสัญญาว่าจะเสริมกำลังชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกด้วยกองกำลังป้องกันประเทศ 10,000 นาย แต่ยังไม่ชัดเจนว่ามาตรการเหล่านี้เพียงพอหรือไม่
นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดได้โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดีย อธิบายถึงแผนการคุ้มกันชายแดนของแคนาดาที่กำลังดำเนินการอยู่ภายใต้งบประมาณมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึง การส่งเทคโนโลยีและบุคลากรเพิ่มเติมไปยังชายแดนอีกด้วย โดยข้อมูลของรัฐบาลกลางของสหรัฐระบุว่าปริมาณเฟนทานิลที่ยึดได้ที่ชายแดนสหรัฐฯ-แคนาดายังมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนี้ ก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะขู่ขึ้นภาษี เม็กซิโกได้เพิ่มการบังคับใช้กฎหมายที่ชายแดน ส่งผลให้การข้ามแดนอย่างผิดกฎหมายลดลงอย่างรวดเร็ว ในช่วงสี่เดือนแรกของการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี
คลอเดีย เชนบอม กองกำลังรักษาความปลอดภัยของเม็กซิโกได้ยึดเฟนทานิลจำนวนมากและยังเร่งปฏิบัติการเพื่อค้นหาและทำลายห้องแล็บผลิตเฟนทานิล ส่งผลให้เมื่อปีที่แล้วตัวเลขผู้เสียชีวิตจากยาเสพย์ติดในสหรัฐฯ ลดลงหลังจากที่ตัวเลขพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายปี
Karoline Leavitt โฆษกทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ให้เหตุผลเกี่ยวกับเรียกเก็บภาษีศุลกากรอย่างชัดเจน เนื่องจากการลักลอบขนยาเสพติดและผู้อพยพผิดกฎหมายที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในเขตชายแดนทางใต้และทางเหนือของสหรัฐฯ ประธานาธิบดีทรัมป์จะทำให้ทั้งแคนาดาและเม็กซิโกตระหนักว่าสหรัฐฯ จะไม่เป็นแหล่งยาเสพติดและรับผู้อพยพผิดกฏหมายอีกต่อไป
แคนาดาพยายามชี้แจงโดยตรงว่า ทางแคนาดาได้ดำเนินการหลายอย่างตามข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว Mélanie Joly รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของแคนาดาเดินทางเยือนสหรัฐฯ มาแล้ว 5 ครั้งนับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับเลือกตั้ง โดยได้หารือผลการดำเนินงานกับ Tom Homan หัวหน้าฝ่ายชายแดนของสหรัฐฯ ด้วย
Mélanie Joly กล่าวในบทสัมภาษณ์ว่าได้พบกับ Tom Homan หัวหน้าฝ่ายชายแดนของสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ และได้รายงานทั้งเอกสารและวิดีโอเกี่ยวกับการทำงานของทางรัฐบาลแคนาดา เพื่อแสดงให้เห็นว่าแคนาดาให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยที่ชายแดนอย่างจริงจัง Tom Homan กล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า แคนาดากำลังปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยที่ชายแดน แต่ประธานาธิบดีทรัมป์จะตัดสินใจเองว่าการดำเนินงานดังกล่าวเพียงพอแล้วหรือยัง
คำสัญญาใหม่ของเม็กซิโกที่จะเพิ่มการบังคับใช้กฎหมายที่ชายแดนอาจจะเป็นผลดีกับประธานาธิบดีทรัมป์ เนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์พยายามบังคับใช้มาตรการเพื่อปฏิเสธผู้อพยพหลายพันคน ที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนได้แสดงความกังวลว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เม็กซิโกไม่ได้ให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ชายแดนอย่างจริงจัง
ข้อมูลอ้างอิง: The New York Times