รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์
ประจำเดือนกันยายน 2567
———————————————————
1. ภาพรวมเศรษฐกิจสำคัญ/ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
1.1 การเติบโตทางเศรษฐกิจ
ในช่วงไตรมาสที่2 ของปี 2567 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของฟิลิปปินขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 6.3 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.8 ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 และเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.3 ในไตรมาสเดียวกันของปี 2566 โดยภาคส่วนหลักที่มีส่วนร่วมในการเติบโตของ GDP ได้แก่ ภาคการก่อสร้างขยายตัวร้อยละ 16.0 ภาคค้าส่งและค้าปลีก การซ่อมแซมยานยนต์และจักรยานยนต์ขยายตัวร้อยละ 5.8 ภาคการเงินและการประกันภัยขยายตัวร้อยละ 8.2 สำหรับภาคเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรมขยายตัว ร้อยละ 7.7 และภาคการบริการขยายตัวร้อยละ 6.8 ในขณะที่ภาคเกษตรกรรมป่าไม้และประมงหดตัวร้อยละ 2.3 ในส่วนของด้านอุปสงค์พบว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวร้อยละ 4.6 ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐขยายตัว ร้อยละ 10.7 ในส่วนการส่งออกสินค้าและบริการขยายตัวร้อยละ 4.2 และการนำเข้าสินค้าและบริการขยายตัว ร้อยละ 5.2 สำหรับรายจ่ายเพื่อการสะสมทุนรวมเบื้องต้น (Gross Capital Formation) ขยายตัวร้อยละ 11.5 รายได้ประชาชาติ (Gross National Income) ขยายตัวร้อยละ 7.9 และรายได้ปฐมภูมิ (Net Primary Income)ขยายตัวร้อยละ 24.7
ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 สิงหาคม 2567)
1.2 ภาวะการลงทุน
ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ฟิลิปปินส์มีการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Investment: FI) มูลค่ารวม 1.90 แสนล้านเปโซ เพิ่มขึ้นร้อยละ 220.7 จากช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 5.91 หมึ่นล้านเปโซ โดยเป็นการลงทุนผ่านหน่วยงานส่งเสริมการลงทุน 6 หน่วยงาน ได้แก่
– Board of Investments (BOI)
– BOI-Bangsamoro Autonomous Region in Muslim Mindanao
(BOI-BARMM)
– Clark Development Corporation (CDC)
– Philippine Economic Zone Authority (PEZA)
– Subic Bay Metropolitan Authority (SBMA)
– Zamboanga City Special Economic Zone Authority (ZCSEZA)
ทั้งนี้ การลงทุนจากต่างประเทศในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 พบว่าเป็นการลงทุนจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์มากที่สุดคิดเป็นมูลค่าการลงทุน 1.72 แสนล้านเปโซ หรือคิดเป็นร้อยละ 90.8 ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด รองลงมาได้แก่ ญี่ปุ่นมีมูลค่าการลงทุน 7.68 พันล้านเปโซ คิดเป็นร้อยละ 4.1 และมาเลเซียมีมูลค่า การลงทุน 4.53 พันล้านเปโซ คิดเป็นร้อยละ 2.4 สำหรับอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุด คือ อุตสาหกรรมไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ ไอน้ำ และการปรับอากาศ คิดเป็นร้อยละ 91.2 รองลงมาได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต (ร้อยละ 6.5) และอุตสาหกรรมกิจกรรมการบริหารและการบริการสนับสนุน (ร้อยละ 1.5) ตามลำดับ โดยคาดผลจากการลงทุนในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ทั้งในประเทศและต่างประเทศก่อให้เกิดการจ้างงาน ทั้งหมด 26,915 งาน ซึ่งเป็นการจ้างงานจากการลงทุนจากต่างประเทศ 18,135 งาน หรือคิดเป็นร้อยละ 67.38
1.3 การบริโภคภายในประเทศ
จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ระบุว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของฟิลิปปินส์ขยายตัวร้อยละ 4.64 ลดลงจากร้อยละ 5.5 ในไตรมาสเดียวกันของปี 2566 แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.58 โดยการใช้จ่ายด้านอาหารและเครื่องดื่ม
ที่ไม่มีแอลกอฮอล์มีมูลค่ามากที่สุด อยู่ที่ 1.37 ล้านล้านเปโซ ขยายตัวร้อยละ 7.71 รองลงมาได้แก่ ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเชื้อเพลิง มีมูลค่า 586,784 ล้านเปโซ ขยายตัวร้อยละ 23.85 และค่าใช้จ่ายด้านสินค้าเบ็ดเตล็ดบริการอื่นๆ มีมูลค่า 509,008 ล้านเปโซ หดตัวร้อยละ 6.63 ตามลำดับ
1.4 อัตราเงินเฟ้อ
อัตราเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์ในเดือนกันยายน 2567 อยู่ที่ร้อยละ 1.9 ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 3.3 และอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนกันยายน 2566 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 6.1ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงในเดือนกันยายน 2567 มีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของการขยายตัวของในดัชนีค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งการลดตัวลงของค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเชื้อเพลิง ค่าใช้จ่ายด้านนันทนาการ กีฬา และวัฒนธรรม ด้านการศึกษา และร้านอาหารและบริการที่พัก เป็นต้น
แผนภูมิ 1 – อัตราเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 จนถึงเดือนกันยายน 2567
ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 ตุลาคม 2567)
1.5 อัตราการจ้างงานและอัตราการว่างงาน
อัตราการจ้างงานในเดือนสิงหาคม 2567 อยู่ที่ร้อยละ 96.0 เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ที่มีอัตรา อยู่ที่ร้อยละ 95.3 และเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2566 ที่มีอัตราจ้างงานอยู่ที่ร้อยละ 95.6 สำหรับอัตราการว่างงาน อยู่ที่ร้อยละ 4.0 ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 4.7 และลดลงจากเดือนสิงหาคม 2566 ที่มีอัตรา
อยู่ที่ร้อยละ 4.4
ตารางที่ 1 – สถิติด้านแรงงานของฟิลิปปินส์ในเดือนสิงหาคม 2567
สถิติ | สิงหาคม 2566 |
กรกฎาคม 2567 |
สิงหาคม 2567 |
อัตราการมีส่วนร่วมของแรงงาน | ร้อยละ 64.7 | ร้อยละ 63.5 | ร้อยละ 64.8 |
อัตราการจ้างงาน (Employment Rate) | ร้อยละ 95.6 | ร้อยละ 95.3 | ร้อยละ 96.0 |
อัตราการว่างงาน (Unemployment rate) | ร้อยละ 4.4 | ร้อยละ 4.7 | ร้อยละ 4.0 |
อัตราการทำงานต่ำกว่าระดับความรู้ความสามารถ/ วุฒิการศึกษา (Underemployment rate) |
ร้อยละ 11.7 | ร้อยละ 12.1 | ร้อยละ 11.2 |
ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 ตุลาคม 2567)
- 2. สถานการณ์การค้า (การส่งออก-นำเข้า)
2.1 การส่งออก
การส่งออกของฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2567 มีมูลค่ารวม 49,407.03 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่าส่งออก 48,311.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 ตารางที่ 2 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้าส่งออกหลักของฟิลิปปินส์ โดยจำแนกตามประเภทของสินค้า
และตารางที่ 3 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้าส่งออกหลักของประเทศฟิลิปปินส์จำแนกตามตลาด
ตารางที่ 2 – มูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้าส่งออกหลักของฟิลิปปินส์ แยกตามประเภทของสินค้า ในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2566/2567
ลำดับ | สินค้า | มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐฯ | ขยายตัว
(ร้อยละ) |
|
ม.ค.-ส.ค.66 | ม.ค.-ส.ค.67 | |||
1 | สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ | 27,186.54 | 27,451.95 | 1.0 |
2 | สินค้าสำเร็จรูป (Other Manufacturer Goods) | 2,681.74 | 2,871.16 | 7.1 |
3 | ผลิตภัณฑ์แร่อื่น ๆ | 2,140.89 | 1,962.05 | -8.4 |
4 | เครื่องจักรและส่วนประกอบยานยนต์ | 1,588.45 | 1,752.24 | 10.3 |
5 | ชุดสายไฟจุดระเบิดและชุดสายไฟอื่นๆ
ที่ใช้ในยานพาหนะ เครื่องบิน และเรือสินค้า |
1,767.66 | 1,596.89 | -9.7 |
6 | น้ำมันมะพร้าว | 799.33 | 1,251.09 | 56.5 |
7 | สารเคมี | 988.47 | 1,215.20 | 22.9 |
8 | ทองแดงเข้มข้น | 544.87 | 950.52 | 74.4 |
9 | ทองคำ | 789.70 | 816.46 | 3.4 |
10 | อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน | 753.73 | 737.03 | -2.2 |
การส่งออกรวม | 48,311.30 | 49,407.03 | 2.3 |
ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 ตุลาคม 2567)
หน่วย: ล้านเหรียญสหรัฐฯ
|
ตารางที่ 3 – มูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้าส่งออกหลักของประเทศฟิลิปปินส์ แยกตามตลาด
ในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2566/2567
ลำดับ | ประเทศ | มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐฯ | สัดส่วน
(ร้อยละ) |
ขยายตัว
(ร้อยละ) |
|
ม.ค.-ส.ค.66 | ม.ค.-ส.ค.67 | ||||
1 | สหรัฐอเมริกา | 7,452.87 | 8,095.51 | 16.4 | 8.6 |
2 | ฮ่องกง | 5,557.77 | 6,929.05 | 14.0 | 24.7 |
3 | ญี่ปุ่น | 6,989.87 | 6,861.67 | 13.9 | -1.8 |
4 | จีน | 7,382.06 | 6,240.41 | 12.6 | -15.5 |
5 | เกาหลีใต้ | 2,248.39 | 2,490.67 | 5.0 | 10.8 |
6 | เนเธอร์แลนด์ | 2,099.02 | 1,999.73 | 4.0 | -4.7 |
7 | ไต้หวัน | 1,624.95 | 1,968.11 | 4.0 | 21.1 |
8 | ไทย | 1,926.07 | 1,911.00 | 3.9 | -0.8 |
9 | สิงคโปร์ | 2,518.01 | 1,882.65 | 3.8 | -25.2 |
10 | เยอรมนี | 1,728.62 | 1,726.91 | 3.5 | -0.1 |
การนำเข้ารวม | 48,311.30 | 49,407.03 | 100.0 | 2.3 41,581.67 |
ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 ตุลาคม 2567)
2.2 การนำเข้า
การนำเข้าของฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2567 มีมูลค่า 83,703.83 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่า 84,166.52 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือลดลงร้อยละ 0.5 ตารางที่ 4 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้านำเข้าหลักของฟิลิปปินส์ โดยจำแนกตามประเภทของสินค้า และตารางที่ 5 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้านำเข้าหลักของฟิลิปปินส์จำแนกตามแหล่งนำเข้า
ตารางที่ 4 – มูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้านำเข้าหลักของฟิลิปปินส์ แยกตามประเภทของสินค้า
ในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2566/2567
ลำดับ | สินค้า | มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐฯ | ขยายตัว
(ร้อยละ) |
|
ม.ค.-ส.ค.66 | ม.ค.-ส.ค.67 | |||
1 | สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ | 17,905.54 | 17,695.52 | -1.2 |
2 | แร่ธาตุเพื่อพลังงานเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น | 13,546.54 | 13,329.19 | -1.6 |
3 | ส่วนประกอบยานยนต์ | 7,968.20 | 7,180.02 | -9.9 |
4 | เครื่องจักรอุตสาหกรรมและส่วนประกอบ | 3,896.77 | 3,875.87 | -0.5 |
5 | เหล็กและเหล็กกล้า | 3,196.80 | 3,583.32 | 12.1 |
6 | ธัญพืช | 2,764.49 | 3,458.57 | 25.1 |
7 | อาหารและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ | 3,496.91 | 3,375.61 | -3.5 |
8 | สินค้าเบ็ดเตล็ด | 2,922.41 | 2,986.22 | 2.2 |
9 | ชิ้นส่วนโทรคมนาคมและเครื่องจักรไฟฟ้า | 2,423.83 | 2,330.41 | -3.9 |
10 | พลาสติกปฐมภูมิและไม่ใช่ปฐมภูมิ | 1,825.92 | 1,941.26 | 6.3 |
การนำเข้ารวม | 84,166.52 | 83,703.83 | -0.5 |
ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 ตุลาคม 2567)
ตารางที่ 5 – มูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้านำเข้าหลักของฟิลิปปินส์ แยกตามแหล่งนำเข้า
ในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2566/2567
ลำดับ | ประเทศ | มูลค่า: ล้านเหรียญสหรัฐฯ | สัดส่วน
(ร้อยละ) |
ขยายตัว
(ร้อยละ) |
|
ม.ค.-ส.ค.66 | ม.ค.-ส.ค.67 | ||||
1 | จีน | 19,164.86 | 21,457.50 | 25.6 | 12.0 |
2 | อินโดนีเซีย | 7,757.29 | 6,841.14 | 8.2 | -11.8 |
3 | ญี่ปุ่น | 6,873.92 | 6,587.82 | 7.9 | -4.2 |
4 | เกาหลีใต้ | 5,707.69 | 6,303.38 | 7.5 | 10.4 |
5 | สหรัฐอเมริกา | 5,671.94 | 5,460.25 | 6.5 | -3.7 |
6 | ไทย | 5,101.18 | 4,901.56 | 5.9 | -3.9 |
7 | มาเลเซีย | 3,894.36 | 4,038.61 | 4.8 | 3.7 |
8 | สิงคโปร์ | 4,914.03 | 3,967.55 | 4.7 | -19.3 |
9 | เวียดนาม | 3,145.23 | 3,542.97 | 4.2 | 12.6 |
10 | ไต้หวัน | 3,402.09 | 2,597.93 | 3.1 | -23.6 |
การนำเข้ารวม | 84,166.52 | 83,703.83 | 100.0 | -0.5 |
ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 ตุลาคม 2567)
2.3 มูลค่าการค้าระหว่างไทย – ฟิลิปปินส์
มูลค่าการค้ารวมของไทยกับฟิลิปปินส์
ในช่วงเดือนมกราคม – สิงหาคม 2567 อยู่ที่ 7,167.12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 0.86 เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่า 7,229.19 ล้านเหรียญสหรัฐฯคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.79 ของการค้าไทยไปทั่วโลก สำหรับการส่งออกจากไทยไปยังฟิลิปปินส์ในช่วงเดือนมกราคม – สิงหาคม 2567 มีมูลค่า 4,991.42 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่า 5,170.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น สัดส่วนร้อยละ 2.53 ของการส่งออกไปทั่วโลก ในขณะเดียวกันไทยมีการนำเข้าจากฟิลิปปินส์ในช่วงเดือนมกราคม – สิงหาคม 2567 มีมูลค่า 2,175.69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.67 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่านำเข้า 2,058.89 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.07 ของการนำเข้าจากทั่วโลก
สรุปการค้าระหว่างไทย – ฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2567 ปรากฏว่าไทยได้เปรียบดุลการค้าฟิลิปปินส์ เป็นมูลค่า 2,815.73 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ตารางที่ 6 – สรุปการค้าระหว่างประเทศของไทยกับฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2566/2567
การค้าระหว่าง
ไทย – ฟิลิปปินส์ |
มูลค่า
(ล้านเหรียญสหรัฐฯ) |
อัตราขยายตัว
(ร้อยละ) |
สัดส่วนต่อการค้าโลก
(ร้อยละ) |
|||
ม.ค.- ส.ค. 66 | ม.ค.- ส.ค.67 | ม.ค.- ส.ค. 66 | ม.ค.- ส.ค.67 | ม.ค.- ส.ค. 66 | ม.ค.-ส.ค.67 | |
มูลค่าการค้า | 7,229.19 | 7,167.12 | -7.53 | -0.86 | 1.89 | 1.79 |
ไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์ | 5,170.30 | 4,991.42 | 1.88 | -3.46 | 2.73 | 2.53 |
ไทยนำเข้าจากฟิลิปปินส์ | 2,058.89 | 2,175.69 | -24.92 | 5.67 | 1.06 | 1.07 |
ดุลการค้า | 3,111.40 | 2,815.73 | 33.38 | -9.50 | – | – |
ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 ตุลาคม 2567)
2.4 การส่งออกสินค้าของไทยไปยังฟิลิปปินส์
เมื่อพิจารณาสินค้า 5 อันดับที่ไทยส่งออกไปยังฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2567 พบว่า สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 1,611.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2.80 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 รองลงมา ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า ข้าว เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว และเม็ดพลาสติก ตามลำดับ
ตารางที่ 7 – การส่งออกสินค้า 5 อันดับของไทยไปยังฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2566/2567
อันดับ |
รายการสินค้า |
มูลค่า
(ล้านเหรียญสหรัฐฯ) |
อัตราขยายตัว
(ร้อยละ) |
สัดส่วน
(ร้อยละ) |
|||
ม.ค.-ส.ค.66 | ม.ค.-ส.ค.67 | ม.ค.-ส.ค.66 | ม.ค.-ส.ค.67 | ม.ค.-ส.ค.66 | ม.ค.-ส.ค.67 | ||
1. | รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ | 1,657.53 | 1,611.15 | 37.24 | -2.80 | 32.06 | 32.28 |
2. | แผงวงจรไฟฟ้า | 382.08 | 332.1 | -19.27 | -13.08 | 7.39 | 6.65 |
3. | ข้าว | 46.83 | 189.57 | -14.51 | 304.78 | 0.91 | 3.8 |
4. | เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว | 189.13 | 175.73 | -4.58 | -7.08 | 3.66 | 3.52 |
5. | เม็ดพลาสติก | 160.67 | 171.64 | -26.44 | 6.83 | 3.11 | 3.44 |
ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 ตุลาคม 2567)
2.5 การนำเข้าของไทยจากฟิลิปปินส์
เมื่อพิจารณาการนำเข้าสินค้า 5 อันดับของไทยจากฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2567พบว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่าสูงสุด 541.56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 70.61จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 รองลงมา ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ตามลำดับ
ตารางที่ 8 – การนำเข้าสินค้า 5 อันดับของไทยจากฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2566/2567
อันดับ |
รายการสินค้า |
มูลค่า
(ล้านเหรียญสหรัฐฯ) |
อัตราขยายตัว
(ร้อยละ) |
สัดส่วน
(ร้อยละ) |
|||
ม.ค.-ส.ค.66 | ม.ค.-ส.ค.67 | ม.ค.-ส.ค.66 | ม.ค.-ส.ค.67 | ม.ค.-ส.ค.66 | ม.ค.-ส.ค.67 | ||
1. | เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ | 317.42 | 541.56 | -48.83 | 70.61 | 15.42 | 24.89 |
2. | แผงวงจรไฟฟ้า | 376.19 | 420.77 | -28.83 | 11.85 | 18.27 | 19.34 |
3. | สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ | 383.66 | 311.49 | 11.44 | -18.81 | 18.63 | 14.32 |
4. | เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ | 187.24 | 182.55 | -13.3 | -2.5 | 9.09 | 8.39 |
5. | ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ | 187.89 | 174.06 | -22.63 | -7.36 | 9.13 | 8 |
ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 ตุลาคม 2567)
- สถานการณ์และภาวะสินค้าเป้าหมายของไทยในตลาดฟิลิปปินส์
แนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยมายังฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2567 ประเภทสินค้าหลัก 5 อันดับของไทยที่มีการขยายตัวในการส่งออกมายังตลาดฟิลิปปินส์ คือ ข้าวและเม็ดพลาสติก โดยสรุปข้อมูลสถานการณ์และภาวะสินค้าโดยสังเขป ดังนี้
3.1 ข้าว
ฟิลิปปินส์เป็นตลาดที่มีบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก โดยมีการบริโภคเฉลี่ยมากถึงปีละประมาณ 16 ล้านตัน แต่สามารถผลิตข้าวได้เพียงปีละประมาณ 12 ล้านตัน ทำให้จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าข้าวปีละกว่า 3 ล้านตัน ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ยังเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มเสี่ยงที่สุดในเอเชียเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร โดยเฉพาะข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักพื้นฐานของประเทศที่มีความท้าทายหลายประการในการผลิตข้าวให้เพียงพอกับความต้องการและการขยายตัวของจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากในแต่ละปี นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด พายุไต้ฝุ่นที่ส่งผลต่อความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตรทุกปี การขาดแคลนเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของประชากรในแรงงานภาคเกษตร และล่าสุดความกังวลต่อผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ที่อาจทำให้ผลผลิตข้าวในประเทศลดลง ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าในปีนี้ ฟิลิปปินส์อาจต้องนำเข้าข้าวมากถึง 4.1 ล้านตัน เพื่อเสริมอุปทานข้าวในประเทศและสำรองข้าวไว้ใช้ในยามขาดแคลน ทั้งนี้ ปัจจุบันฟิลิปปินส์เป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ทำให้ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในตลาดส่งออกข้าวศักยภาพของไทย โดยปัจจุบันไทยเป็นหนึ่งในแหล่งนำเข้าข้าวสำคัญของฟิลิปปินส์รองจากประเทศเวียดนามที่ครองส่วนแบ่งตลาดข้าวนำเข้าอันดับ 1 ในฟิลิปปินส์ โดยในปี 2566 ไทยส่งออกข้าวมายังฟิลิปปินส์ปริมาณ 210.45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 184.23 จากปี 2565 ที่มีมูลค่า 74.04 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับในปี 2567 (เดือนมกราคม – สิงหาคม)ไทยส่งออกข้าวมาฟิลิปปินส์มูลค่า 189.57 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 304.78 จากช่วงเดียวกัน
ของปี 2566 ที่มีมูลค่าส่งออก 46.83 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ข้าวไทยยังคงมีข้อได้เปรียบสำคัญในเรื่องของคุณภาพมาตรฐานที่เป็นที่เชื่อมั่นใจของผู้บริโภคชาวฟิลิปปินส์ และราคาข้าวไทยปัจจุบันอยู่ในระดับใกล้เคียงกับคู่แข่งแต่ยังคงต้องแข่งขันกับประเทศคู่แข่งสำคัญ คือ เวียดนามที่มีพันธุ์ข้าวขาวพื้นนุ่มตรงกับความต้องการของตลาดซึ่งไทยจำเป็นต้องเร่งพัฒนาและผลิตพันธุ์ข้าวให้มีความหลากหลาย โดยเฉพาะข้าวขาวพื้นนุ่มเพื่อตอบโจทย์ให้ตรงกับความต้องการของตลาดฟิลิปปินส์จึงจะมีโอกาสในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดข้าวในฟิลิปปินส์ได้มากขึ้นต่อไป
3.2 เม็ดพลาสติก
แม้ว่าฟิลิปปินส์จะมีการผลิตเม็ดพลาสติก (เรซินโพลีเอทิลีน) ในประเทศ แต่ก็ยังคงมีการนำเข้าเม็ดพลาสติกอยู่ โดยเฉพาะเม็ดพลาสติกชนิดโพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง (HDPE) เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในหลายอุตสาหกรรม เช่น บรรจุภัณฑ์ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และการก่อสร้าง ถึงแม้ว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์ได้บังคับใช้มาตรการอากรป้องกันการทุ่มตลาด (BOC’s issuance of CMO 02-2023.) เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมการผลิตเม็ดพลาสติกในประเทศ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีความต้องการในประเทศสูงกว่ากำลัง
การผลิตภายในประเทศ จึงยังคงต้องมีการนำเข้าเพื่อตอบสนองความต้องการส่วนดังกล่าว
สำหรับในปี 2567 (เดือนมกราคม – สิงหาคม) ไทยส่งออกเม็ดพลาสติกมายังฟิลิปปินส์ มูลค่า 171.64ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.83 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่าส่งออก 160.67 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ข้อสังเกตเพิ่มเติม
เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 6.3 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.8 ในไตรมาส ที่ 1 ของปี 2567 และเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.3 ในไตรมาสเดียวกันของปี 2566 แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ ร้อยละ 6 – 7 ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียพบว่า ฟิลิปปินส์ยังคงเป็นประเทศที่มีการเติบโตของเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดเหนือกว่าประเทศเวียดนาม (ร้อยละ 5.6) จีน (ร้อยละ 5.3)
อินโดนีเซีย (ร้อยละ 5.1) และมาเลเซีย (ร้อยละ 3.9) สำหรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ได้รับแรงหนุนหลักจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการส่งออกโดยเฉพาะการฟื้นตัวของการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่การนำเข้าชะลอลง ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ในระยะสั้นและระยะกลางจะยังคงเติบโต
เชิงบวกแม้ว่าจะมีความเสี่ยงและความท้าทายที่เศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงจากอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น นโยบายการเงินที่ตึงตัว อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง แนวโน้มการส่งเงินกลับประเทศของแรงงานฟิลิปปินส์อาจลดลง
รวมถึงความกังวลต่อปรากฏการณ์เอลนีโญที่ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมและการผลิต ส่งผลให้ราคาอาหารสูงขึ้น
สำหรับแนวโน้มสถานการณ์การส่งออกสินค้าไทยมายังตลาดฟิลิปปินส์ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามในเดือนมกราคม – สิงหาคม 2567 พบว่าการส่งออกสินค้าบางรายการของไทยมาฟิลิปปินส์ยังคงสามารถขยายตัวได้ดี โดยนอกจากข้าวและเม็ดพลาสติกแล้ว ยังมีสินค้าที่มีศักยภาพและสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น
เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง (+ร้อยละ 15.78) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (+ร้อยละ 89.85)สินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ (+ร้อยละ 15.20) และนมและผลิตภัณฑ์นม (+ร้อยละ 16.89) เป็นต้น
——————————————————
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ตุลาคม 2567