เนื้อหาสาระข่าว: สหภาพแรงงานท่าเรือสหรัฐฯ รายใหญ่รายหนึ่งและสมาคมการเดินเรือแห่งสหรัฐฯ (United States Maritime Alliance หรือ USMX) บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในเรื่องค่าจ้าง และได้ขยายสัญญาฉบับปัจจุบันออกไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม เพื่อเปิดโอกาสในการเจรจาสัญญาฉบับใหม่ ข้อตกลงดังกล่าวสามารถยุติการหยุดงานประท้วงที่ทำให้ท่าเรือตามชายฝั่งตะวันออกและอ่าวสหรัฐฯ เป็นอัมพาตตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และผลกระทบร้ายแรงต่อการจัดส่งผลไม้ รถยนต์ และสินค้าต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ลงได้
“สมาคมแรงงานท่าเรือสากล (International Longshoremen’s Association หรือ ILA) และสมาคมการเดินเรือแห่งสหรัฐฯ (USMX) ระบุในแถลงการณ์ร่วมว่าทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในเรื่องค่าจ้างและตกลงที่จะขยายสัญญาหลักออกไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2025 เพื่อกลับเข้าสู่การเจรจาในประเด็นอื่น ๆ ที่ยังคงค้างอยู่”
CNBC รายงานว่าตลอดสัปดาห์ที่เกิดการหยุดงานประท้วง การประท้วงได้เริ่มส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ ตู้สินค้าจำนวนหลายพันตู้ถูกนำไปส่งผิดท่าเรือ และสินค้ามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ก็เหมือนถูกกักไว้กลางทะเลเนื่องจากท่าเรือไม่สามารถดำเนินการได้ ค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งเริ่มปรับตัวสูงขึ้นแล้ว ครั้งนี้เป็นการหยุดงานประท้วงครั้งแรกของ ILA ตั้งแต่ปี 1977 และส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของท่าเรือ 14 แห่ง โดยในสัปดาห์นี้มีสมาชิกสหภาพประมาณ 50,000 คน จากทั้งหมด 85,000 คนเข้าร่วมการประท้วง Harold Daggett ซึ่งเป็นประธานของ ILA ได้แถลงเมื่อวันอังคารว่า สหภาพได้เรียกร้องขอเพิ่มค่าจ้าง $5 ต่อชั่วโมงในแต่ละปีของสัญญาที่มีอายุ 6 ปี CNBC รายงานจากแหล่งข่าวว่า ภายใต้ข้อตกลงเบื้องต้นนี้ ค่าจ้างของ ILA จะเพิ่มขึ้น 61.5% ภายในระยะเวลา 6 ปี ในขณะที่ประเด็นขัดแย้งที่สำคัญเรื่องการใช้ระบบอัตโนมัติในท่าเรือยังอยู่ระหว่างการเจรจา
บทวิเคราะห์: ตรวจสอบข้อมูลดัชนีราคาค่าขนส่งตู้สินค้าทั่วโลก (Global Container Freight Index) จาก Freightos Baltic Index (FBX) แล้วพบว่า ปัจจุบัน (11:00 น. วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคมตามเวลา Eastern Time) ดัชนีราคาอยู่ที่ 3,857.75 เหรียญสหรัฐ และลดลงมาร้อยละ 15 ในขณะที่ดัชนีล่าสุดของเส้นทางจากจีน/เอเชียตะวันออกไปอเมริกาเหนือฝั่งตะวันตก และจีน/เอเชียตะวันออกไปอเมริกาเหนือฝั่งตะวันออก อยู่ที่ 5,806 และ 6,920 เหรียญสหรัฐตามลำดับและกำลังปรับตัวลดลงมาร้อยละ 15 และ 20 ตามลำดับ และหลังจากที่เหตุการณ์นี้ยุติลง ก็อาจส่งผลให้มีแนวโน้มลดลงมาได้อีก อย่างน้อยก็ในระยะหนึ่ง
ก่อนที่จะที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงกัน ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา Ron DeSantis (ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อรับเลือกให้เป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และได้หลีกทางให้ Donald Trump ในที่สุด) ได้มีปฏิกิริยารุนแรงต่อผลกระทบที่เกิดจากการหยุดงานประท้วงดังกล่าว ที่เหมือนเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ภายหลังจากที่รัฐฟลอริดาเกิดภัยพิบัติรุนแรงอันเป็นผลมาจากเฮอร์ริเคนเฮลีน ได้ประกาศกร้าวว่า จะส่งกำลังจากกองกำลังพิทักษ์ชาติฟลอริดา (Florida National Guard) และกองกำลังพิทักษ์รัฐฟลอริดา (Florida State Guard) ไปยังท่าเรือที่ได้รับผลกระทบจากการประท้วงของสมาคมแรงงานท่าเรือสากล (ILA) โดยได้ทวีตผ่าน X Platform และออกแถลงการณ์ไว้ว่า “เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และพยายามฟื้นฟูการดำเนินงานในท่าเรือที่ถูกปิดตัวลง การขัดขวางการกระจายอาหาร อุปกรณ์ และเสบียงต่างๆ ขณะที่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ กำลังฟื้นฟูจากพายุเฮอริเคนเฮลีนเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ ชาวฟลอริดาต้องการทรัพยากรที่มั่นคงและเพียงพอ เพื่อดูแลครอบครัวของพวกเขาและสร้างบ้านเรือนและธุรกิจใหม่ หน่วยลาดตระเวนทางหลวงฟลอริดาจะจัดการการจราจรจากท่าเรือทุกแห่งในฟลอริดาตามความจำเป็น เพื่อเร่งการกระจายสินค้า พร้อมทั้งเสนอบริการรถคุ้มกันให้กับยานพาหนะเชิงพาณิชย์ตามคำร้องขอด้วย ต่างจากรัฐบาลกลาง ฟลอริดาดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อให้เศรษฐกิจของเรายังคงดำเนินต่อไป และให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนเฮลีนเข้าถึงสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ในการฟื้นฟูบ้านเรือน” เดอแซนทิสกล่าวเสริม ผู้ว่าการรัฐยังได้สั่งให้กรมคมนาคมฟลอริดายกเว้นการเก็บค่าผ่านทาง ค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมถึงข้อจำกัดด้านขนาดและน้ำหนักสำหรับยานพาหนะเชิงพาณิชย์ เพื่อเร่งการขนส่งสินค้าและลดต้นทุนการดำเนินงาน ทั้งนี้เพราะท่าเรือ 4 แห่งของฟลอริดา ได้แก่ Port Everglades, Port Miami, Port Tampa Bay และ Jaxport (Jacksonville) ได้รับผลกระทบจากการประท้วงของ ILA ซึ่งดำเนินมาถึงวันที่สามแล้ว
และด้วยภาวะผู้นำที่เต็มเปี่ยม ผู้ว่า DeSantis จึงได้ออกคำสั่งผู้บริหารฉบับที่ 24-212 และ 24-213 เพื่อจัดการกับผลกระทบจากการประท้วงท่าเรือและพายุเฮอริเคนเฮเลนที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง คำสั่ง 24-213 สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ เช่น กองกำลังพิทักษ์รัฐและกรมคมนาคม ลดผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะในท่าเรือที่สำคัญของฟลอริดา เช่น JAXPORT และ PortMiami ส่วนคำสั่ง 24-212 เน้นการรักษาความปลอดภัยในการเลือกตั้งท่ามกลางสถานการณ์ฟื้นฟูจากพายุ นอกจากนี้ คำสั่ง DBPR 2024-09 ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ต้องการที่พักโดยผ่อนปรนข้อจำกัดการเช่าที่พัก
หลังจากปฏิกิริยาของผู้ว่าฯ DeSantis ดังกล่าวไม่นาน ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณเตือนให้บรรดาผู้ประท้วงทราบถึงความเอาจริงเอาจังของภาครัฐ อาจเป็นสัญญาณชี้ว่าในยามวิกฤติอันเกิดจาก เฮอร์ริเคนเฮลีนที่ประชาชนกำลังทุกข์ยาก ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะดึงดันเรียกร้องเช่นนี้ หรืออาจมีสัญญาณจากฟากฝ่ายการเมืองบางกลุ่มที่ประสานเพื่อให้รอก่อนและให้เป็นปัญหาในรัฐบาลใหม่ดีกว่า จะด้วยเหตุใดก็ตาม แต่การเจรจาก็ยุติลงได้โดยผู้ประท้วงสรุปว่าจะยอมใช้สัญญาฉบับเดิมไปก่อนจนกว่าจะถึงวันที่ 15 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นเวลที่น่าจะทราบผลเด็ดขาดแล้วว่ารัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ จะมาจากพรรคใด และแน่นอนว่า รัฐบาลใหม่อาจจะต้องเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ดังที่เป็นมาอีกครั้ง
ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ: เหตุที่จำเป็นต้องใส่ใจกับเหตุการณ์ที่แรงงานในท่าเรือนัดหยุดงานครั้งนี้ด้วยก็เพราะเหตุการณ์เช่นนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงกับผู้ส่งออกจากทุกแห่งทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่ามีผู้ประกอบการณ์ไทยที่อยู่ในกลุ่มผู้ที่จะได้รับผลกระทบด้วยแน่ แต่ผู้ที่ส่งของสด ของแช่แข็ง แช่เย็น ก็จะได้รับผลกระทบมากกว่าตามลำดับ ข่าวนี้จากหลายๆ แหล่งดูเหมือนจะชี้ว่าแรงงานเหล่านี้นัดหยุดงานทั้งที่ค่าแรงก็ได้รับการปรับขึ้นอยู่แล้ว แต่ปรับขึ้นไม่มากเท่าที่ต้องการและหลายฝ่ายอาจมองว่าเป็นผู้ร้าย แต่เมื่อทราบว่าคนกลุ่มนี้มีสมาชิกกว่า 45,000 คนและไม่เคยมีปากมีเสียงมาเลยนับจากปี 1977 ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 47 ปีก็เชื่อว่าน่าจะมีประเด็นบางอย่างที่ทำให้พวกเขามีความชอบธรรมในการกระทำครั้งนี้ได้บ้าง ลึกลงไปก็ยังพบว่าไม่ใช่เพียงเรื่องค่าแรงแต่ยังมีเรื่องความมั่นคงในการจ้างงานด้วย หนึ่งในข้อเรียกร้องคือการไม่ยอมรับการใช้ระบบอัตโนมัติในการควบคุมเครื่องจักร ซึ่งกำลังจะแย่งตำแหน่งงานของมนุษย์ไปด้วย
แต่หากพวกเขายังไม่ยุติการนัดหยุดงาน ก็จะมีท่าเรือถึง 36 แห่งเรียงรายตามชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯนับจากรัฐเมน ยาวไปจนถึงรัฐเทกซัสเลยทีเดียว ท่าเรือสำคัญๆ นอกเขตรัฐฟลอริดา ได้แก่ Boston, New York/New Jersey, Baltimore รวมถึงท่าเรือหลักสำหรับสินค้ายานยนต์ สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมอย่าง New Orleans และ Houston และมีการวิเคราะห์ว่าหากการประท้วงยังคงดำเนินต่อไปยาวนานกว่า 2-3 สัปดาห์ก็จะส่งผลให้เกิดการขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภคไปทั่วประเทศและราคาสินค้าก็จะทะยานสูงอย่างรวดเร็ว และตัวเร่งอีกประการหนึ่งก็คือ ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่สินค้าสำหรับเทศกาลวันหยุดกำลังถูกลำเลียงมาไม่ขาดสาย
หากรัฐบาลพิจารณาว่าการนัดหยุดงานประท้วงจะส่งผลเสียหายต่อสุขภาวะและความปลอดภัยของสหรัฐฯ ก็สามารถนำกฎหมาย Taft-Hartley Act ที่ออกมาตั้งแต่ปี 1947 มาใช้เพื่อเข้าแทรกแซงได้โดยสามารถขอคำสั่งศาลให้แรงงานงานกลับไปทำงานในขณะที่การเจรจายังไม่บรรลุเป้าหมายได้ ซึ่งรัฐบาลของไบเดนนั้นไม่ต้องการจะนำกฎหมายฉบับดังกล่าวมาใช้ เพราะแสดงจุดยืนชัดเจนว่าเป็นเสรีนิยมอยู่ข้างฝ่ายแรงงานที่เน้นปล่อยให้นายจ้างและลูกจ้างค่อยๆ เจรจากันจนกว่าจะบรรลุข้อตกลงที่พึงใจกันทั้งสองฝ่ายเองโดยภาครัฐจะไม่เข้าไปแทรกแซง หากผลการเลือกตั้งออกมาว่าเป็นรัฐบาลจากพรรคตรงข้าม ก็อาจได้เห็นการนำกฎหมายนี้มาใช้ก็เป็นได้
*********************************************************
ที่มา: CNBC เรื่อง: “Port strike ends as workers agree to tentative deal on wages and contract extension” โดย: Kif Leswing & Lori Ann LaRocco สคต. ไมอามี /วันที่ 3 ตุลาคม 2567