รัฐบาลโปแลนด์ โดยกระทรวงกิจการผู้สูงอายุ (Minister of Elderly People’s Affairs) เตรียมเร่งออกกฎหมายว่าด้วยระบบสนับสนุนครอบครัวในการดูแลผู้สูงอายุ ภายในปี 2567 นี้ เพื่อให้สมาชิกครอบครัวที่ทำงานพร้อมกับอุปการะเลี้ยงดูผู้สูงอายุ (ที่อายุเกิน 75 ปี) ที่บ้าน ได้รับการสนับสนุนการบริการดูแลผู้สูงอายุจากผู้ดูแลผู้สูงอายุ ในวงเงิน 2,150 สว๊อตตี้ หรือ ราว 20,000 บาทต่อเดือน โดยเรียกโครงการช่วยเหลือนี้ว่า “Senior Grant” ซึ่งโครงการนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตลาดแรงงานในโปแลนด์ โดยทำให้ลูกหลานที่อยู่ในวัยทำงานและต้องดูแลบุพการีด้วย ไม่จำเป็นต้องลาออกจากงาน นอกจากนี้ ยังจะทำให้เกิดกลุ่มอาชีพใหม่ของผู้ดูแลผู้สูงอายุ หรือ caregivers ขึ้นด้วย เป็นที่คาดว่า มีผู้สูงอายุกว่า 500,000 คน ที่อยู่ในข่ายที่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากโครงการนี้

 

ข้อมูลเพิ่มเติม/ข้อคิดเห็นของสคต.
1. โปแลนด์ก็เช่นเดียวกับประเทศไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ในขณะที่ ประเทศไทยมีสัดส่วนของประชากรผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ราว 1 ใน 5 หรือราว 13 ล้านคน โปแลนด์มีสัดส่วนของผู้สูงอายุราว 1 ใน 4 หรือราวร้อยละ 25.9 ของจำนวนประชากร คิดเป็นจำนวนราว 10 ล้านคน และภายในอีก 25 ปี ข้างหน้า หรือปี 2593 โปแลนด์จะมีผู้สูงอายุที่มีอายุเกินกว่า 65 ปี ถึงร้อยละ 30 ของจำนวนประชากรรวม คิดเป็นจำนวนราว 11.5 ล้านคน นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวก อุปกรณ์ทางการแพทย์ บริการสุขภาพ การรักษาพยาบาล ตลอดจน บุคลากรที่จะเข้ามาดูแลผู้สูงอายุที่ยังไม่เพียงพอแล้ว ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุกำลังถีบตัวพุ่งสูงขึ้น นับเป็นโจทย์สำคัญที่ทุกรัฐบาลต้องเตรียมพร้อมรองรับกับการเปลี่ยนแปลง

2. ปัจจุบัน บริการที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ รวมทั้ง ชนิดสินค้าสำหรับผู้สูงวัยยังมีอยู่น้อย และยังไม่มีความหลากหลาย ทั้งที่ตลาดของสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องโดยรวมมีขนาดโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลทั่วโลกต่างกำลังเร่งรับมือสังคมสูงวัย เพื่อส่งเสริมผู้สูงอายุยุคใหม่ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ยาวนาน จึงมีความต้องการสูงในกลุ่มที่พักอาศัย บริการ nursing home และ home care บริการฟื้นฟูสุขภาพ เวชศาสตร์ชะลอวัย ตลอดจนสินค้าที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและอุปกรณ์สำหรับผู้สูงอายุ เครื่องมือแพทย์ และอาหารเสริมสุขภาพต่างๆ

 

ที่มา: Poland Weekly+, June 2024

thThai