- อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (GDP Growth)
สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (U.S. Bureau of Economic Analysis) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ (U.S. Department of Commerce) รายงานมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติแท้จริง (Real GDP) สหรัฐฯ ไตรมาสที่ 4 ปี 2566 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 และมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติไตรมาสที่ 1 ปี 2567ประมาณการครั้งที่ 3 (Third Estimate) ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.4
แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 เป็นผลมาจากการขยายตัวของการใช้จ่ายภาคประชาชน การลงทุนระยะยาวสำหรับที่อยู่อาศัย การลงทุนระยะยาวที่ไม่ใช่สำหรับที่อยู่อาศัย และการใช้จ่ายของภาครัฐท้องถิ่น ในขณะที่การลงทุนคงคลังภาคเอกชน และภาคการนำเข้า ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติสหรัฐฯ
สถิติอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2562 – 2567
ที่มา: Bureau of Economic Analysis, U.S. Department of Commerce
- อัตราการว่างงาน
สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ประจำเดือนพฤษภาคม 2567 (ข้อมูลล่าสุด) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ร้อยละ 4.0 มีจำนวนผู้ว่างงานในระบบเศรษฐกิจทั้งสิ้น 5.7 ล้านคน
โดยในช่วงดังกล่าวสหรัฐฯ มีการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payroll Employment) เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนทั้งสิ้น 272,000 ตำแหน่ง (สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้น 232,000 ตำแหน่งต่อเดือน)
- กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมบริการด้านสุขภาพ 68,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมการจ้างงานภาครัฐ 43,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว 42,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 32,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมสังคมสงเคราะห์ 15,000 ตำแหน่ง และอุตสาหกรรมการค้าปลีก 13,000 ตำแหน่ง
- ส่วนการจ้างงานในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และขุดเจาะพลังงาน อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมค้าส่ง อุตสาหกรรมการขนส่งและคงคลังสินค้า อุตสาหกรรมสารสนเทศ อุตสาหกรรมการเงิน และอุตสาหกรรมบริการอื่นๆ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
สถิติอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ย้อนหลัง 12 เดือน
ที่มา: Bureau of Labor Statistics, U.S. Department of Labor
- ภาวะเงินเฟ้อ (Consumer Price Index: CPI)
สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯ ประจำเดือนพฤษภาคม 2567 (ข้อมูลล่าสุด) ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเดือนที่ผ่านมาเหลือร้อยละ 3.3 (ไม่ปรับฤดูกาล หรือ Not Seasonally Adjusted)
โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาราคาสินค้าไม่ปรับฤดูกาล (Not Seasonally Adjusted) กลุ่มสินค้าพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 กลุ่มสินค้าอื่นๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 และกลุ่มสินค้าอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 รายละเอียด ดังนี้
3.1 กลุ่มสินค้าอาหาร ได้แก่ เนื้อสัตว์และไข่ (+ร้อยละ 2.4) เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (+ร้อยละ 1.3) ซีเรียลและเบเกอรี (+ร้อยละ 0.7) ผักและผลไม้สด (+ร้อยละ 0.6) และผลิตภัณฑ์จากนม (-ร้อยละ 1.0)
3.2 กลุ่มสินค้าพลังงาน ได้แก่ ไฟฟ้า (+ร้อยละ 5.9) น้ำมันเชื้อเพลิง (+ร้อยละ 2.2) และก๊าซธรรมชาติ (+ร้อยละ 0.2)
3.3 กลุ่มสินค้าและบริการอื่น ได้แก่ บริการขนส่ง (+ร้อยละ 10.5) บุหรี่และยาสูบ (+ร้อยละ 7.8) ที่พักอาศัย (+ร้อยละ 5.4) วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ (+ร้อยละ 3.1) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (+ร้อยละ 1.7) เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม (+ร้อยละ 0.8) รถยนต์ใหม่ (-ร้อยละ 0.8) บัตรโดยสารเครื่องบิน (-ร้อยละ 5.9) และรถยนต์มือสอง (Used Cars) (-ร้อยละ 9.3)
สถิติอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ย้อนหลัง 12 เดือน
ที่มา: Bureau of Labor Statistics, U.S. Department of Labor
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI)
The Conference Board (CB) รายงานผู้บริโภคชาวอเมริกันมีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลดลงในเดือนมิถุนายน 2567 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) ปรับตัวลดลงจากเดิม 101.3 ในเดือนพฤษภาคม 2567 (ปีฐาน: ปี 2528 = 100) เป็น 100.4 ในเดือนมิถุนายน 2567 ดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภค (Expectations Index) ซึ่งวัดจากมุมมองของผู้บริโภคต่อสถานการณ์ทางด้านรายได้ การดำเนินกิจการ และการจ้างงานในตลาดแรงงานในระยะสั้นปรับตัวลดลงจากเดิม 74.9 ในเดือนพฤษภาคม 2567 เป็น 73.0 ในเดือมิถุนายน 2567 ทั้งนี้ ดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 80.0 แสดงให้เห็นถึงสัญญาณความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน (Present Situation Index) ที่วัดแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจและการจ้างงานในปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดิม 140.8 ในเดือนพฤษภาคม 2567 เป็น 141.5 ในเดือนมิถุนายน 2567
โดยรวมภาวะการจ้างงานในสหรัฐฯ ยังคงมีส่วนช่วยพะยุงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในตลาด แต่ผู้บริโภคในตลาดยังคงมีแนวโน้มที่จะชะลอการตัดสินใจซื้อบ้านพักที่อยู่อาศัย และรถยนต์เนื่องจากปัจจัยด้านอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงกลุ่มสินค้าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และคอมพิวเตอร์พกพา ในขณะที่กลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ และโทรศัพท์สมาร์ทโฟนกลับเริ่มมีกำลังความต้องการซื้อเพิ่มมากขึ้น
ที่มา: The Conference Board
- ภาวะการค้าปลีกของสหรัฐฯ
สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐฯ รายงานภาวะการค้าปลีกและ การบริการด้านอาหารประจำเดือนล่วงหน้า (Advance Monthly Sales for Retail and Food Services) สหรัฐฯ ประจำเดือนพฤษภาคม 2567 (ข้อมูลล่าสุด) สามารถสรุปได้ ดังนี้
- มูลค่าการค้าปลีกสินค้าและการบริการด้านอาหาร (Retail & Food Services) ขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.1 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 703,088 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- มูลค่าการค้าปลีก (Retail Trade Sales) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 609,474 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- มูลค่าการค้าปลีกไม่ผ่านร้านค้า (Nonstore Retailers) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 119,581 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
กลุ่มสินค้าและบริการที่มียอดค้าปลีกขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าอุปกรณ์กีฬา (+ร้อยละ 2.8) สินค้าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม (+ร้อยละ 0.9) สินค้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ (+ร้อยละ 0.8) สินค้าครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ (+ร้อยละ 0.4) สินค้าปลีกผ่านช่องทางร้านค้าอื่นๆ (+ร้อยละ 0.4) สินค้าเพื่อสุขภาพและสุขอนามัยส่วนบุคคล (+ร้อยละ 0.1) และสินค้าปลีกทั่วไป (+ร้อยละ 0.1) ตามลำดับ
กลุ่มสินค้าและบริการที่มียอดค้าปลีกหดตัวลง ได้แก่ สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม (-ร้อยละ 0.2) การบริการร้านอาหารและเครื่องดื่ม (-ร้อยละ 0.4) สินค้าวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง (-ร้อยละ 0.8) สินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน (-ร้อยละ 1.1) และสินค้าน้ำมันเชื้อเพลิง (-ร้อยละ 2.2) ตามลำดับ
ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce
- ภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานสถิติดุลการค้า (ส่งออก – นำเข้า) สหรัฐฯ ประจำเดือนเมษายน 2567 (ข้อมูลล่าสุด) สรุปได้ ดังนี้
สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ในเดือนเมษายน 2567 สุทธิทั้งสิ้น 74,558 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5,976 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.71 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
สหรัฐฯ มีมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการในเดือนเมษายน 2567 เป็นมูลค่า 263,666 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,059 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.79 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น
- การส่งออกสินค้าเป็นมูลค่า 172,728 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
- การส่งออกบริการเป็นมูลค่า 90,938 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่สหรัฐฯ มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรอุตสาหกรรม ชิ้นส่วนกึ่งตัวนำไฟฟ้า เวชภัณฑ์ และการบริการทางธุรกิจ เป็นต้น
สหรัฐฯ มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าและบริการในเดือนเมษายน 2567 เป็นมูลค่า 338,225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 8,037 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.43 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น
- การนำเข้าสินค้าเป็นมูลค่า 271,937 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 8,111 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 07 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
- การนำเข้าบริการเป็นมูลค่า 66,288 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 0.11 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่สหรัฐฯ มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ รถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์โทรคมนาคม น้ำมันดิบ การบริการประกัน การบริการทางการเงิน การบริการทางธุรกิจ และการให้สิทธิทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น
ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce
- ภาวะการค้าระหว่าง สหรัฐฯ – ไทย
ในเดือนเมษายน 2567 (ข้อมูลล่าสุด) สหรัฐฯ และไทยมีมูลค่าการค้าสุทธิทั้งสิ้น 6,777.92 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 17) เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.58 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ มีดุลการค้า ขาดดุล ไทยเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,737.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.55 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
- สหรัฐฯ นำเข้าจากไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5,257.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 14) เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.80 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักนำเข้าจากไทย ได้แก่ อุปกรณ์โทรศัพท์ (HS Code 8517) เพิ่มขึ้นร้อยละ 76 เครื่องประมวลผลข้อมูล (HS Code 8471) ลดลงร้อยละ 14.19 ชิ้นส่วนกึ่งตัวนำไฟฟ้า (HS Code 8541) เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.60 ยางรถยนต์ (HS Code 4011) เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.69 และเครื่องจักรไฟฟ้า (HS Code 8543) เพิ่มขึ้นร้อยละ 78.32
ตารางแสดง: เปรียบเทียบมูลค่าสหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากไทย 10 อันดับแรกเดือนเมษายน 2567
- สหรัฐฯ ส่งออกไปไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,520.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 23) เพิ่มขึ้นร้อยละ 86 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักส่งออกไปไทย ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม (HS Code 2709) เพิ่มขึ้นร้อยละ 601.61 ก๊าซปิโตรเลียม (HS Code 2711) เพิ่มขึ้นร้อยละ 329.27 แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (HS Code 8542) ลดลงร้อยละ 13.14 กากอะลูมีเนียม (HS Code 7602) เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.00 และอุปกรณ์โทรศัพท์ (HS Code 8517) เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.18
ตารางแสดง: เปรียบเทียบมูลค่าสหรัฐฯ ส่งออกสินค้าไปไทย 10 อันดับแรกเดือนเมษายน 2567
ที่มา: Global Trade Atlas
มูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ – ไทย (เฉพาะรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแลของ สคต. ชิคาโก)
ในเดือนเมษายน 2567 สหรัฐฯ และไทย มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศเฉพาะในเขตพื้นที่อาณาดูแลของ สคต. ชิคาโก เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,623.46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.38 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยรัฐในเขตพื้นที่ดูแลมีมูลค่าการนำเข้าจากไทยทั้งสิ้น 1,255.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.82 และรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแลมีมูลค่าการส่งออกไปไทยทั้งสิ้น 367.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.74 โดยรวมรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแลมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ขาดดุล ไทยทั้งสิ้น 888.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.08 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
- รัฐที่นำเข้าจากไทยเป็นสัดส่วนสูง ได้แก่ รัฐอิลลินอยส์ (ร้อยละ 20) รัฐเคนทักกี (ร้อยละ 17.15) รัฐโอไฮโอ (ร้อยละ 10.89) รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 10.06) และรัฐอินดีแอนา (ร้อยละ 6.48) ตามลำดับ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยในรัฐเขตพื้นที่อาณาดูแล ได้แก่ จุกและฝาโลหะ (HS Code 8309) ร้อยละ 26.29 เครื่องพิมพ์ (HS Code 8469) ร้อยละ 15.64 วัสดุก่อสร้างพลาสติก (HS Code 3925) ร้อยละ 7.09 คอนเทนเนอร์ (HS Code 8609) ร้อยละ 6.13 เรดาร์ (HS Code 8526) ร้อยละ 1.37 เครื่องรับสัญญาณวิทยุ (HS Code 8527) ร้อยละ 1.37 นิกเกิลแผ่น (HS Code 7506) ร้อยละ 1.15 อุปกรณ์ทางการแพทย์ (HS Code 9018) ร้อยละ 1.13 อุปกรณ์สำนักงาน (HS Code 8472) ร้อยละ 0.99 และเลนส์ (HS Code 9002) ร้อยละ 0.99 ตามลำดับ
- รัฐที่ส่งออกไปไทยเป็นสัดส่วนสูง ได้แก่ รัฐลุยเซียนา (ร้อยละ 24.34) รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 24.02) รัฐอิลลินอยส์ (ร้อยละ 11.97) รัฐโอไฮโอ (ร้อยละ17) และรัฐมินนิโซตา (ร้อยละ 9.44) ตามลำดับ สินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแล ได้แก่ เศษกากโลหะ (HS Code 2619) ร้อยละ 22.58 พิตช์โค้ก (HS Code 2708) ร้อยละ 13.45 จุกและฝาโลหะ (HS Code 8309) ร้อยละ 12.95 โค้กและเซมิโค้ก (HS Code 2704) ร้อยละ 9.08 แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (HS Code 8542) ร้อยละ 3.72 นิกเกิลแผ่น (HS Code 7506) ร้อยละ 2.78 รถเข็นผู้พิการ (HS Code 8713) ร้อยละ 1.89 วัสดุก่อสร้างพลาสติก (HS Code 3925) ร้อยละ 1.71 เครื่องเซ็นตริฟิวจ์ (HS Code 8421) ร้อยละ 1.44 และทองแดงบริสุทธิ์ (HS Code 7403) ร้อยละ 1.42 ตามลำดับ
สถิติการค้าสหรัฐฯ – ไทย (เฉพาะรัฐในเขตพื้นที่ดูแลของ สคต. ชิคาโก)
ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce
******************************
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก