JUMBO ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 2 ของเนเธอร์แลนด์ มีกำหนดที่จะหยุดการให้ข้อเสนอพิเศษหรือส่วนลดต่างๆ รวมถึงการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและช่วยให้ผู้บริโภคเนเธอร์แลนด์ตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนมากขึ้น
ซุปเปอร์มาร์เก็ต JUMBO มีแผนและเป้าหมายที่จะปรับเปลี่ยนให้ร้อยละ 50 ของผลิตภัณฑ์โปรตีนที่วางจำหน่ายบนชั้นจำหน่ายสินค้าเป็นโปรตีนจากพืช จึงมีกำหนดที่จะยกเลิกการส่งเสริมการขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ เพื่อช่วยให้ JUMBO เข้าใกล้เป้าหมายที่ร้อยละ 50 ภายในปี 2568 และ JUMBO ยังมีแผนที่จะขยายเป้าหมายเป็นร้อยละ 60 โดยคาดหวังว่าจะมีอัตราส่วนผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชต่อเนื้อสัตว์อยู่ที่ 60:40 ในปี 2573 Mr. Ton van Veen ผู้บริหารระดับสูงของ JUMBO กล่าวว่า JUMBO ไม่ได้ทำการตัดสินใจในเรื่องนี้เพียงชั่วข้ามคืน แต่ได้มีการวิเคราะห์แล้วเห็นว่าการที่ JUMBO จะบรรลุเป้าหมายนี้ สามารถทำได้โดยการหยุดให้ข้อเสนอพิเศษหรือโปรโมชั่นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์เท่านั้น
เมื่อปี 2566 JUMBO ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่ามีการทำโปรโมชั่นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์มากเกินไป โดยมีการทำโปรโมชั่นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์มากเป็น 2 เท่าของปีก่อนหน้า ซึ่งหลังจากที่ JUMBO ประกาศว่ามีแผนจะหยุดหรือยกเลิกการทำโปรโมชั่นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ Wakker Dier องค์กรปกป้องสิทธิและสวัสดิภาพสัตว์ของเนเธอร์แลนด์ที่มีการรณรงค์ต่อต้านการทำโปรโมชั่นหรือการลดราคาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์มาอย่างยาวนานก็ได้ออกมาแสดงความพอใจกับการจัดการกับประเด็นปัญหาการทำโปรโมชั่นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ในอุตสาหกรรมอาหาร และประทับใจกับความทะเยอะทะยานของ JUMBO ในครั้งนี้ ซึ่ง JUMBO เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตรายแรกของเนเธอร์แลนด์ที่มีแผนจะยุติการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ทั้งหมด เพื่อผลักดันการบริโภคผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืชให้เพิ่มมากขึ้น
บทวิเคราะห์และความเห็นของ สคต.
ปัจจุบันซุปเปอร์มาร์เก็ต JUMBO มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเนเธอร์แลนด์ มีจำนวนสาขามากกว่า 700 สาขาในประเทศเนเธอร์แลนด์และเบลเยี่ยม มีส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 21.1 รองจาก Albert Heijn ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 37.1
การวางแผนและเป้าหมายของ JUMBO ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มนโยบายทางการตลาดของร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ที่มีความพยายามและมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้ผู้บริโภคเนเธอร์แลนด์เลือกที่จะบริโภคอย่างยั่งยืนมากขึ้น ถึงแม้ว่าในอดีต ผู้บริโภคชาวเนเธอร์แลนด์โดยเฉลี่ยจะบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ เช่น ไส้กรอก และแฮมชนิดต่างๆ ในปริมาณค่อนข้างสูงที่ประมาณ 77 กิโลกรัมต่อคนต่อปี สูงกว่าอัตราการบริโภคเนื้อสัตว์เฉลี่ยของโลกซึ่งอยู่ที่ประมาณ 43 กิโลกรัมต่อคนต่อปี แต่ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขดังกล่าวลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคใส่ใจเรื่องสุขภาพและเลือกที่จะบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติเนเธอร์แลนด์ (CBS) ที่พบว่าผู้บริโภคเนเธอร์แลนด์เลือกที่จะรับประทานอาหารมังสวิรัติเป็นอาหารมื้อหลักมากขึ้น โดย 1 ใน 4 ของอาหารมื้อหลักทั้งหมดที่ผู้บริโภคเนเธอร์แลนด์บริโภคในปีที่ผ่านมาเป็นอาหารมังสวิรัติ ทั้งนี้ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์และองค์กรต่างๆ มีนโยบายและสนับสนุนให้ผู้บริโภคลดการบริโภคเนื้อสัตว์ให้น้อยลง ด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสถาบันสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเนเธอร์แลนด์ (RIVM) ที่ได้มีคำแนะนำแก่ผู้บริโภคเนเธอร์แลนด์ว่าร้อยละ 60 ของโปรตีนที่ผู้บริโภคควรได้รับควรมีแหล่งที่มาจากพืช
การยุติการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ของ JUMBO ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการลดผลกระทบจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเท่านั้น แต่เป็นการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการบริโภคเนื้อสัตว์ และยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของ JUMBO ในด้านบวกต่อนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนอีกด้วย ทั้งนี้ เป็นโอกาสทางการตลาดที่ดีสำหรับผู้ประกอบการ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าและผลิตภัณฑ์อาหาร Plant-based ของไทยที่จะสามารถเจาะและขยายตลาดกลุ่มสินค้าและผลิตภัณฑ์อาหาร Plant-based มายังเนเธอร์แลนด์และยุโรปได้เพิ่มมากขึ้น
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก