รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

  1. ภาพรวมเศรษฐกิจสำคัญ/ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

         1.1 การเติบโตทางเศรษฐกิจ

ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของฟิลิปปินส์ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 5.6 หดตัวจากร้อยละ 7.1 ในไตรมาสเดียวกันของปี 2565 สำหรับ GDP เฉลี่ยทั้งปีในปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 5.6 โดยภาคส่วนหลักที่มีส่วนร่วมในการเติบโตของ GDP ได้แก่ ภาคการเงินและการประกันภัยขยายตัวร้อยละ 11.8 ภาคค้าส่งและค้าปลีก; การซ่อมแซมยานยนต์และจักรยานยนต์ขยายตัวร้อยละ 5.2 ภาคการก่อสร้างขยายตัวร้อยละ 8.5 สำหรับภาคเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ ภาคเกษตรกรรมป่าไม้และประมงขยายตัวร้อยละ 1.4 ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 3.2 และภาคการบริการขยายตัวร้อยละ 7.4 ในส่วนของด้านอุปสงค์พบว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวร้อยละ 5.3 ขณะที่ การใช้จ่ายของภาครัฐหดตัวร้อยละ 1.8 ในส่วนการส่งออกสินค้าและบริการหดตัวร้อยละ 2.6 และการนำเข้าสินค้าและบริการขยายตัวร้อยละ 2.9 สำหรับรายจ่ายเพื่อการสะสมทุนรวมเบื้องต้น (Gross Capital Formation) ขยายตัวร้อยละ 11.2 รายได้ประชาชาติ (Gross National Income) ขยายตัวร้อยละ 11.1 และรายได้ปฐมภูมิ (Net Primary Income ) ขยายตัวร้อยละ 97.7

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567)

1.2 ภาวะการลงทุน

ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ฟิลิปปินส์มีการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Investment: FI) มูลค่ารวม 3.94 แสนล้านเปโซ เพิ่มขึ้นร้อยละ 127.2 จากช่วงเดียวกันของปี 2565 ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 1.74 แสนล้านเปโซ โดยเป็นการลงทุนผ่านหน่วยงานส่งเสริมการลงทุน 5 หน่วยงาน ได้แก่

– Authority of the Freeport Area of Bataan (AFAB)

– Board of Investments (BOI)

– Clark Development Corporation (CDC)

– Philippine Economic Zone Authority (PEZA)

– Subic Bay Metropolitan Authority (SBMA)

 

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

                 ทั้งนี้ การลงทุนจากต่างประเทศในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 พบว่าเป็นการลงทุนจากประเทศเนเธอร์แลนด์มากที่สุดคิดเป็นมูลค่าการลงทุน 3.46 แสนล้านเปโซ หรือคิดเป็นร้อยละ 87.7 ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด รองลงมาได้แก่ ญี่ปุ่นมีมูลค่าการลงทุน 3.14 หมึ่นล้านเปโซ คิดเป็นร้อยละ 8.0 และสิงคโปร์ มีมูลค่าการลงทุน 4.99 พันล้านเปโซ คิดเป็นร้อยละ 1.3 สำหรับอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุดคือ อุตสาหกรรมไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ ไอน้ำ และการปรับอากาศ คิดเป็นร้อยละ 85.1 รองลงมาได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต (ร้อยละ 12.4) และอุตสาหกรรมสารสนเทศและการสื่อสาร (ร้อยละ 1.4) ตามลำดับ โดยผลจากการลงทุนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ก่อให้เกิดการจ้างงาน 23,596 งาน หรือคิดเป็นร้อยละ 82.7 ของการลงทุนจากในประเทศและต่างประเทศทั้งหมด

1.3 การบริโภคภายในประเทศ

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ระบุว่า ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของฟิลิปปินส์ขยายตัวร้อยละ 5.3 ลดลงจากร้อยละ 7.0 ในไตรมาสเดียวกันของปี 2565 แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ที่ขยายตัวร้อยละ 5.1 โดยการใช้จ่ายด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์มีมูลค่ามากที่สุด อยู่ที่ 1.62 ล้านล้านเปโซ ขยายตัวร้อยละ 0.5 รองลงมาได้แก่ ค่าใช้จ่ายด้านสินค้าเบ็ดเตล็ดบริการอื่นๆ มีมูลค่า 705,274 ล้านเปโซ ขยายตัวร้อยละ 10.4 และค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเชื้อเพลิง มีมูลค่า 484,024 ล้านเปโซ ขยายตัวร้อยละ 4.4 ตามลำดับ

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

 1.4 อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์ในเดือนมีนาคม 2567 อยู่ที่ร้อยละ 3.7 เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 3.4 แต่อยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 7.6 ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2567 มีสาเหตุหลักมาจากราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและร้านอาหาร ค่าใช้จ่ายเพื่อสุขภาพ ค่ากิจกรรมกีฬาและนันทนาการ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และยาสูบเพิ่มสูงขึ้น

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 17 เมษายน 2567)

1.5 อัตราการจ้างงานและอัตราการว่างงาน

               อัตราการจ้างงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ร้อยละ 96.5 เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2567 ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 95.5 และเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่มีอัตราจ้างงานอยู่ที่ร้อยละ 95.2 สำหรับอัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 3.5 ลดลงจากเดือนมกราคม 2567 ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 4.5 และลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 4.8

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 17 เมษายน 2567)

2. สถานการณ์การค้า (การส่งออก-นำเข้า)

          2.1 การส่งออก

               การส่งออกของฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 มีมูลค่ารวม 11,844.18 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่าส่งออก 10,545.18 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 ตารางที่ 2 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้าส่งออกหลักของฟิลิปปินส์ โดยจำแนกตามประเภทของสินค้า และตารางที่ 3 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้าส่งออกหลักของประเทศฟิลิปปินส์จำแนกตามตลาด

ตารางที่ 2 – มูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้าส่งออกหลักของฟิลิปปินส์ แยกตามประเภทของสินค้า      ในเดือนมกราคมกุมภาพันธ์ 2566/2567

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 17 เมษายน 2567)

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 17 เมษายน 2567)

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

      2.2 การนำเข้า

การนำเข้าของฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 มีมูลค่า 19,879.31 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่า 19,981.65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือลดลงร้อยละ 0.5 ตารางที่ 4 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้านำเข้าหลักของฟิลิปปินส์ โดยจำแนกตามประเภทของสินค้าและตารางที่ 5 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้านำเข้าหลักของฟิลิปปินส์จำแนกตามแหล่งนำเข้า

ตารางที่ 4 – มูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้านำเข้าหลักของฟิลิปปินส์ แยกตามประเภทของสินค้าในเดือนมกราคมกุมภาพันธ์ 2566/2567

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 17 เมษายน 2567)

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567                                                                                                                                                                         รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567 ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 17 เมษายน 2567)

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

2.3 มูลค่าการค้าระหว่างไทย – ฟิลิปปินส์

มูลค่าการค้ารวมของไทยกับฟิลิปปินส์ ในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ 1,766.87 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 0.66 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่า 1,755.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.85 ของการค้าไทยไปทั่วโลก สำหรับการส่งออกจากไทยไปยังฟิลิปปินส์ในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 มีมูลค่า 1,204.56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 0.55 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่า 1,197.99 ล้านเหรียญหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.62 ของการส่งออกไปทั่วโลก

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

ในขณะเดียวกันไทยมีการนำเข้าจากฟิลิปปินส์ในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 มีมูลค่า 562.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 0.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่านำเข้า 557.31 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.14 ของการนำเข้าจากทั่วโลก

สรุปการค้าระหว่างไทย – ฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ปรากฏว่าไทยได้เปรียบดุลการค้าฟิลิปปินส์ เป็นมูลค่า 642.24 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 17 เมษายน 2567)

2.4 การส่งออกสินค้าของไทยไปยังฟิลิปปินส์

เมื่อพิจารณาสินค้า 5 อันดับที่ไทยส่งออกไปยังฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 พบว่า สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 352.07 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวร้อยละ 10.76 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 รองลงมา ได้แก่ ข้าว แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว และทองแดงและของทำด้วยทองแดง ตามลำดับ

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 17 เมษายน 2567)

2.5 การนำเข้าของไทยจากฟิลิปปินส์

เมื่อพิจารณาการนำเข้าสินค้า 5 อันดับของไทยจากฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 พบว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่าสูงสุด 143.33 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว ร้อยละ 43.68 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 รองลงมา ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ตามลำดับ

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมีนาคม 2567

ที่มา : ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 17 เมษายน 2567)

  1. สถานการณ์และภาวะสินค้าเป้าหมายของไทยในตลาดฟิลิปปินส์

แนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยมายังฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ประเภทสินค้าหลักของไทยที่มีการขยายตัวในการส่งออกมายังตลาดฟิลิปปินส์ ได้แก่  ข้าว และทองแดงและของทำด้วยทองแดง โดยสรุปข้อมูลสถานการณ์และภาวะสินค้าโดยสังเขป ดังนี้

         3.1 ข้าว

ฟิลิปปินส์เป็นตลาดที่มีบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก โดยมีการบริโภคเฉลี่ยมากถึงปีละประมาณ 16 ล้านตัน แต่สามารถผลิตข้าวได้เพียงปีละประมาณ 12 ล้านตัน ทำให้จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าข้าวปีละกว่า 3 ล้านตัน ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ยังเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มเสี่ยงที่สุดในเอเชียเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร โดยเฉพาะข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักพื้นฐานของประเทศที่มีความท้าทายหลายประการในการผลิตข้าวให้เพียงพอกับความต้องการและการขยายตัวของจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากในแต่ละปี และล่าสุดฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงจากผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญ่ทำให้ผลผลิตข้าวในประเทศลดลง ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าในปีนี้ ฟิลิปปินส์อาจต้องนำเข้าข้าวมากถึง 4.1 ล้านตัน เพื่อเสริมอุปทานข้าวในประเทศและสำรองข้าวไว้ใช้ ในยามขาดแคลน ทั้งนี้ ปัจจุบันฟิลิปปินส์เป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ทำให้ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่ง   ในตลาดส่งออกข้าวศักยภาพของไทย โดยไทยเป็นหนึ่งในแหล่งนำเข้าข้าวสำคัญของฟิลิปปินส์รองจากประเทศเวียดนามที่ครองส่วนแบ่งตลาดข้าวนำเข้าในฟิลิปปินส์มากกว่าร้อยละ 80 โดยในปี 2566 ไทยส่งออกข้าวมายังงฟิลิปปินส์ปริมาณ 210.45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ ่มขึ ้นร้อยละ
184.23 จากปี 2565 ที ่มีมูลค่า 74.04 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับในปี 2567 (เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์) ไทยส่งออกข้าวมาฟิลิปปินส์มูลค่า 99.39 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,620.47 จากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่าส่งออก 5.78 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ข้าวไทยยังคงมีข้อได้เปรียบสำคัญในเรื่องของคุณภาพมาตรฐานที่เป็นที่เชื่อมั่นใจของผู้บริโภคชาวฟิลิปปินส์ และราคาข้าวไทยปัจจุบันอยู่ในระดับใกล้เคียงกับคู่แข่ง แต่ยังคงต้องแข่งขันกับประเทศคู่แข่งสำคัญ คือ เวียดนามที่มีพันธุ์ข้าวขาวพื้นนุ่มตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งไทยจำเป็นต้องเร่งพัฒนาและผลิตพันธุ์ข้าวให้มีความหลากหลาย โดยเฉพาะข้าวขาวพื้นนุ่มเพื่อตอบโจทย์ให้ตรงกับความต้องการของตลาดฟิลิปปินส์จึงจะมีโอกาสในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดข้าวในฟิลิปปินส์ได้มากขึ้นต่อไป

3.2 ทองแดงและของทำด้วยทองแดง
ความต้องการทองแดงและของทำด้วยทองแดงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างดีขึ้นเนื่องจากความต้องการจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ รวมทั้งการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ฟอยล์ทองแดง ทั้งนี้ แม้ว่าฟิลิปปินส์จะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีทรัพยากรแร่ต่างๆจำนวนมหาศาล รวมถึงทองแดง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการผลิตในท้องถิ่นยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ ทำให้จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้า โดยในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์ทองแดงและของทำด้วยทองแดงมายังฟิลิปปินส์มูลค่า 38.96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 22.33 จากช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีมูลค่าส่งออก 31.85 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ข้อสังเกตเพิ่มเติม
เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ในไตรมาสที่ 4/2566 ขยายตัวร้อยละ 5.6 ซึ่งเติบโตช้ากว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 6 – 7 เนื่องจากการใช้จ่ายของภาครัฐที่หดตัวลง รวมถึง การส่งออกสินค้าและบริการ และผลกระทบจากการขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ถึงแม้ว่าตัวเลขการเติบโตนั้นจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ตั้งไว้ แต่การขยายตัวร้อยละ 5.6 ของเศรษฐกิจฟิลิปปินส์นั้นนับเป็นการเติบโตที่เหนือกว่าบรรดาประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย (ร้อยละ 5.04) มาเลเซีย (ร้อยละ 3.4) จีน (ร้อยละ 5.2) ซึ่งเป็นรองแค่ เวียดนาม (ร้อยละ 6.7) เนื่องด้วยการได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคค้าส่งและค้าปลีก รวมถึงการขยายตัวของภาคการเงินและการประกันภัยและภาคการก่อสร้าง ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจฟิลิปปินส์จะยังคงเติบโตได้ดีในระยะต่อไป เนื่องจากปัจจัยหนุนต่างๆ อาทิ ภาวะเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง การเร่งการใช้จ่ายของภาครัฐผ่านโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง การฟื้นตัวของกิจกรรมการผลิตจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น และแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น

สำหรับแนวโน้มสถานการณ์การส่งออกสินค้าไทยมายังตลาดฟิลิปปินส์คาดว่าจะสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น ในระยะต่อไปตามแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ที่ดี โดยในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 การส่งออกของไทยมายังฟิลิปปินส์ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยนอกจากสินค้าข้าว และทองแดงและของทำด้วยทองแดงแล้วยังมีสินค้าที่มีศักยภาพและสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ มูลค่า 38.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 67.47) เคมีภัณฑ์ มูลค่า 29.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 18.44) ผลิตภัณฑ์ยาง มูลค่า 26.04 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 14.62) อาหารสัตว์เลี้ยง มูลค่า 21.66 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 16.34) น้ำมันสำเร็จรูป มูลค่า 20.99 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 12.44) สินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ มูลค่า 20.22 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 20.84) และ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง มูลค่า 17.14 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 13.06) เป็นต้น

 

                                                             สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
17 เมษายน 2567

 

thThai