จากสถานการณ์ที่นาง Laira-Elisa Herr กำลังไต่ขึ้นบนฝายกั้นน้ำและเมื่อนาง Herr ได้ขึ้นไปยืนอยู่ตรงจุดที่สูงที่สุดแล้ว ก็พบว่า ไม่สามารถเดินต่อไปไหนได้ เพราะมีการรั่วของน้ำจากฝายดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำให้นาง Herr ชี้ไปยังพื้นที่ข้าง ๆ แม่น้ำ Elbe ซึ่งไหลผ่านเมืองเดรสเดนทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง (Dresden คือ เมืองหลวงของรัฐ Sachsen) ว่า บริเวณนี้จะกลายเป็นที่ตั้งสำคัญของการระบบโครงสร้างพื้นฐานอันดับต้น ๆ ของประเทศ โดยในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้านี้ นาง Herr และทีมงานจากบริษัท Sachen Energie ซึ่งเป็นบริษัทบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคต้องการที่จะสร้างโรงผันน้ำที่สามารถผันน้ำได้สูงถึง 6 หมื่นลูกบาศก์เมตรต่อวัน ไปยังโรงงานชิปที่ตั้งห่างออกไป 9 กิโลเมตร โดยโครงการนี้ต้องใช้เงินลงทุนในการก่อสร้างสูงถึง 250 ล้านยูโร (โดยประมาณ) ซึ่งแน่นอนที่มีโครงการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่มีมูลค่าสูงกว่าโครงการนี้  แต่โครงการนี้มีความสำคัญมากเพราะจะเป็นการเตรียมความพร้อมพื้นที่สำหรับเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตชิปต่าง ๆ ในอนาคต หรือเป็นโรงงานที่รัฐบาลเยอรมันใช้เงินหลายพันล้านยูโรสนับสนุนนั่นเอง การดำเนินการในเรื่องนี้ทำให้รัฐ Sachen ก้าวขึ้นนำหน้ารัฐอื่น ๆ ในการดึงดูดบริษัทข้ามชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศ ซึ่งจะทำให้ Sachen เป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคการเมือง และเอกชน ร่วมมือกันใช้วิธีการอย่างชาญฉลาด ลดความซับซ้อนของระบบราชการเพื่อแสดงให้เห็นว่า หากเยอรมนีต้องการเยอรมนีก็สามารถทำได้เช่นกัน

 

น้ำถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตชิป โดยในกระบวนการผลิตชิปหลายร้อยขั้นตอน ชิ้นส่วนต่าง ๆ จะต้องสัมผัสกับก๊าซและสารเคมีเป็นจำนวนมาก จึงต้องถูกล้างอย่างต่อเนื่อง โดย Sachsen Energie มีความเสี่ยงในการวางแผนสร้างโรงผันน้ำแห่งนี้ โดยบริษัทได้วางแผนในช่วงเดือนมีนาคม 2022 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่บริษัท Infineon และ TSMC ผู้ผลิตชิปจะตัดสินใจสร้างโรงงานนรัฐ Sachsen เสียอีก แต่ก็เป็นสิ่งที่ชัดเจนสำหรับผู้มีอำนาจตัดสินใจทางการเมืองและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องว่า ถ้าเราไม่กล้าเสี่ยงในตอนนี้ก็ไม่ต้องกล้าที่จะทำอะไรอีกเลย นาย Dirk Hilbert ผู้ว่าการเมือง Dresden กล่าวว่า “เรารู้สึกได้ว่า ทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว” ซึ่งในปีนั้นเป็นปีที่นาย Joe Biden ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ส่งกฎหมายผลักดันเศรษฐกิจหลายฉบับออกมา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือกฎหมายว่าด้วยเรื่องชิป (Chips Act) ภายใต้กฎหมายดังกล่าว มีการระบุว่า ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ จะได้รับการส่งเสริมด้วยเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งการประกาศดังกล่าวทำให้เกิดความตื่นตระหนกอย่างมากในสหภาพยุโรป นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ทำให้เกิดความกลัวว่า ภาคเอกชนจะย้ายฐานการผลิตและอพยพไปยังสหรัฐฯ เพื่อรับเงินอุดหนุนดังกล่าว ดังนั้น เพื่อเป็นการดึงดูดการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นนสูง รัฐบาลกลางของเยอรมนีจึงอัดฉีดเม็ดเงินอุดหนุนโรงงานชิปหลายหมื่นล้านยูโร แม้ว่าการอุดหนุนนี้จะมีข้อจำกัดที่เข้มงวดก็ตาม แต่การกระทำดังกล่าวของรัฐบาลและรัฐ Sachsen ก็กำลังออกดอกออกผล ในขณะนี้ ความคืบหน้าในการก่อสร้างโรงงานรอบ ๆ เมือง Dresden ดำเนินไปได้รวดเร็วกว่าในรัฐ Arizona ของสหรัฐฯ บริษัท TSMC และ Samsung ผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่เพิ่งเลื่อนการเปิดโรงงานแห่งใหม่ที่รัฐดังกล่าวออกไปถึง 1 ปี เพราะปัญหาขาดแคลนคนงานก่อสร้างและผู้เข้ามารับจ้างจำนวนหลายพันตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีข้อพิพาทกับสหภาพแรงงาน และเงินอุดหนุนหลายพันล้านที่รัฐบาลอเมริกาสัญญาไว้ก็ถูกเลื่อนออกไปเช่นกัน

 

สำหรับบริษัท Infineon ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนีได้สร้างโรงงานใหม่ ใกล้ ๆ กับโรงงานเก่า ซึ่งติดกับเมือง Dresden โดยมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 5 พันล้านยูโร และห่างออกไปทางทิศเหนือไม่กี่กิโลเมตรจากโรงงานของ Infineon บริษัท TSMC ของไต้หวันก็ได้เข้ามาตั้งโรงงานผลิตชิปโรงงานแรกในสหภาพยุโรป ด้วยมูลค่าการลงทุนสูงถึง 10 พันล้านยูโร ซึ่งโรงงานดังกล่าวมีพื้นที่ติดกับโรงงานชิปของ Bosch (ตัวพ่อวงการซัพพลายเออร์ด้านยานยนต์) ซึ่ง Bosch ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับโครงการนี้เช่นเดียวกับ Infineon และ NXP (บริษัทสัญชาติเนเธอร์แลนด์) นอกจากนี้จนถึงช่วงสิ้นทศวรรษนี้บริษัท Globalfoundries จากสหรัฐฯ ก็ต้องการที่จะขยายโรงงานที่ตั้งอยู่ตอนเหนือของรัฐ Sachen และลงทุน 8 พันล้านยูโรเช่นกัน โดยบริษัทก็ได้ทำเรื่องขอเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเยอรมันเรียบร้อยแล้วด้วย ทำให้พื้นที่รอบ ๆ แม่น้ำ Elbe ในอนาคตจะเต็มไปด้วยบริษัทไฮเทคนี้ถูกเรียกว่า “Silicon Saxony” ไปโดยปริยาย เรียกได้ว่าภูมิภาครอบ ๆ เมืองหลวงของรัฐ Sachsen ในปัจจุบันก็เป็นที่ตั้งของเครือข่ายชิปที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอยู่แล้ว โดย Silicon Saxony มีพนักงานกว่า 76,000 คน โดยประมาณที่ประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงนี้

 

นอกจากนาง Herr จะเป็นผู้รับผิดชอบในการวางแผนสร้างโรงผันน้ำแล้ว ในบริษัท Sachen Energie มีพนักงานกว่า 120 คน ได้ตั้งเป้าว่า นับตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไปโรงผันน้ำแห่งนี้จะสามารถสนองความต้องการใช้น้ำของโรงงานชิปได้แบบอัตโนมัติโดยไม่ประสบปัญหากับการผลิตน้ำประปาเพื่อใช้ในครัวเรือนแต่อย่างใด นาง Herr ออกมากล่าวว่า ประชาชนไม่ต้องกังวลในเรื่องว่า จะขาดแคลนน้ำ จากการที่มีโรงงานชิปเข้ามาแย่งใช้น้ำจำนวนมหาศาล ในหลายโครงการปัญหาการจัดสรรน้ำประปาอาจกลายเป็นประเด็นอ่อนไหวสำหรับผู้อยู่อาศัยที่อยู่ไกล้เคียงได้อย่างรวดเร็ว ดังเช่นกรณีที่เกิดขึ้นกับโรงงาน Tesla ในเมือง Grünheide โดย Tesla  ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ต้องการขยายพื้นที่โรงงานขึ้นอีกเป็น 120 เฮกตาร์ ทำให้เกิดการต่อต้านจากผู้อยู่อาศัยไกล้เคียงขึ้น โดยปัญหาหลักที่พวกเขากังวลก็คือ ปัญหาระดับน้ำบาดาลในท้องถิ่น เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาคณะกรรมการควบคุมแหล่งน้ำในท้องถิ่นออกมาแสดงความไม่พอใจว่า บริษัท Tesla ปล่อยน้ำเสียที่มีส่วนผสมของฟอสฟอรัสและไนโตรเจนสูงเกินไป ซึ่งบริษัทชิปนั้นใช้น้ำมากกว่าผู้ผลิตรถ EV เสียอีก สำหรับบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Standard & Poor’s แล้วหนึ่งในปัจจัยในการจัดอันดับเครดิตของผู้ผลิตก็คือ การจัดการปัญหาด้านอุปทาน (การจัดการด้านสาธารณูปโภค และจัดหาวัตถุดิบในการผลิต) แบบยั่งยืนและน่าเชื่อถือก็เป็นปัจจัยสำคัญในการให้คะแนนด้วย นาย Manfred Horstmann กรรมการผู้จัดการของบริษัท Globalfoundries หนึ่งบริษัทที่เข้ามาตั้งโรงงานในแถบเมือง Dresden กล่าวว่า พวกเราหารือกันอย่างเข้มข้นกับหน่วยงานผู้ดูแลด้านสาธารณูปโภคเกี่ยวกับน้ำ น้ำเสีย และพลังงานมานานแล้ว และกล่าวย้ำว่า “เราต้องใส่ใจด้านรายละเอียดเป็นอย่างมาก”

 

อีกหนึ่งปัญหาก็คือ ปัญหาด้านแรงงาน สำหรับบริษัท TSMC แล้วปัญหาการขาดแคลนแรงงานมีทักษะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับบริษัทฯ โดยผู้บริหารของบริษัทฯ ได้วิเคราะห์ว่า ในปี 2023 ไม่เฉพาะไต้หวันเท่านั้นที่เผชิญหน้ากับการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ แต่ประเทศอื่นๆ ที่กำลังคิดจะผลิตสิ่งนี้ก็ประสบปัญหาเดียวกัน เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านชิปทั่วโลกนั้นหายากกว่าในอดีต นาย Ondrej Burkacky จากบริษัทที่ปรึกษา McKinsey กล่าวว่า “โรงงานจำนวนมากถูกสร้างขึ้นพร้อม ๆ กัน” ตามที่นาย Burkacky ผู้เชี่ยวชาญระบุยังไม่มีแนวโน้มที่ปัญหาดังกล่าวจะกลับมาดีขึ้นง่าย ๆ และกล่าวว่า “ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าพนักงานจำนวนมากในอุตสาหกรรมชิปจะทยอยเกษียณอายุ” McKinsey ประมาณการว่า ภายในปี 2030 จะมีการขาดแคลนวิศวกรในอุตสาหกรรมดังกล่าวมากถึง 1 ล้านคนทั่วโลก หากยังไม่เร่งแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งภาครัฐและเอกชนในเมือง Dresden ต่างก็ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี และกำลังเตรียมการรับมือกับปัญหานี้อยู่ ด้านนาย Sebastian Gemkow รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์รัฐ Sachsen อธิบายว่า “ในเวลานี้เรามีความต้องการผู้สำเร็จการศึกษารุ่นเยาว์เป็นจำนวนมาก” เพราะการลงทุนของผู้ผลิตชิปในเมือง Dresden นั้น “เป็นความสำเร็จและความท้าทายสำหรับรัฐ Sachsen ไปพร้อม ๆ กัน” นักเรียนจะต้อง “เตรียมพร้อมอย่างแม่นยำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” สำหรับงานใหม่ในอุตสาหกรรมชิป รัฐมนตรี Gemkow กล่าวว่า ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้ากระทรวงของเขาและมหาวิทยาลัย TU Dresden ได้จัดทำโครงการสนับสนุนสำหรับนักวิชาการรุ่นเยาว์ขึ้น โดยมหาวิทยาลัยจะส่งนักศึกษา 30 คนแรก จากรัฐ Sachsen ให้บินตรงไปไต้หวัน ในเวลานี้ยังไม่มีที่ใดในโลกที่มีความรู้ความชำนาญในการผลิตชิปได้มากเท่ากับไต้หวัน โดยขั้นแรกนักศึกษาเหล่านี้จะใช้เวลา 1 ภาคการศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวันในเมืองหลวงไทเป จากนั้นพวกเขาใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ในการฝึกอบรม ณ โรงงานฝึกอบรมของ TSMC โดยคาดการณ์ว่า ภายใต้โครงการดังกล่าว ปีหน้าเราจะส่งนักศึกษาจำนวน 60 คน เดินทางไปไต้หวัน และหลังจากนั้นจะมีการส่งนักศึกษาไปยังประเทศไต้หวันจำนวน 100 คนต่อปี ซึ่งยังไม่หมดแค่นั้น นาง Ursula Staudinger อธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ สัญญาว่า จะเปิด “หลักสูตรการฝึกอบรมที่ตอบสนองนวัตกรรมชิปขึ้น โดยเป็นหลักสูตรที่ออกแบบเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมชิป” ในเร็ว ๆ นี้ โดยการฝึกอบรมแรงงานที่มีทักษะไม่ใช่ข้อเปรียบทางการแข่งขันเพียงอย่างเดียวของรัฐ Sachsen ในปัจจุบันแม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ สัญญาว่า จะให้เงินสนับสนุนเป็นจำนวนมาก แต่จนถึงขณะนี้รัฐบาลสหรัฐฯ แทบไม่ได้จ่ายอะไรเลย แต่กลับมีการโต้แย้งในเรื่องเงื่อนไข เช่น รัฐบาลจะแบ่งผลกำไรมากน้อยเพียงใดจากการสนับสนุนดังกล่าว นอกจากนี้รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ทำการอนุมัติอย่างล่าช้า เหตุผลก็คือ ต้องมีการพิจารณาทบทวนกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมนานขึ้น ซึ่งเป็นกฎหมายที่ถูกกำหนดโดย “พระราชบัญญัตินโยบายสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ” (Nepa – National Environmental Policy Act) ซึ่งกฎหมายฯ จะมีผลบังคับใช้เมื่อโครงการได้รับเงินทุนจากรัฐบาลกลางจำนวนหนึ่ง ทำให้โครงการอย่างของ TSMC อาจ “ล่าช้าเป็นเวลาหลายปี” ตามที่นาง Gina Raimondo รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ เตือนวุฒิสภาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้

 

จาก Handelsblatt 12 เมษายน 2567

thThai