SPD เข็นแผนผลักดันเศรษฐกิจ สู้ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

พรรคสังคมนิยมเพื่อประชาธิปไตยเยอรมนี (หรือ SPD – Sozialdemokratische Partei Deutschlands) ถือเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล และเป็นพรรคที่นายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมนีสังกัด ได้ออกมาแสดงท่าทีต้องการที่จะต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย โดยเข็นแผน 10 ด้าน ออกมารองรับ ซึ่งอ้างอิงจากเอกสารของคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ได้ตัดสินใจนำเสนอในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่า “การเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจของประเทศให้มีความเติบโตอย่างยั่งยืนนั้น จำเป็นต้องตัดสินใจขั้นพื้นฐานที่เหมาะสม” โดย SPD ได้เปิดเผยชื่อแผนและรายละเอียดต่อหนังสือพิมพ์ Handelsblatt เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า ให้ชื่อแผนนี้ว่า “เศรษฐกิจแข็งแกร่งเพื่อประชาชน – โดยมีรากฐานสำคัญมาจากการจัดการนโยบายเศรษฐศาสตร์ทางด้านอุปทาน (Supply-Side Economics) เพื่อสังคมประเทศ” มุ่งเน้น “(1) การขยายการลงทุน (2) สร้างทักษะให้แรงงานมากขึ้น (3) ลดราคาพลังงานลง และ (4) กำจัดกฎระเบียบที่ไม่จำเป็นลง” SPD ต้องการผลักดันการปฏิรูปขั้นพื้นฐานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านนโยบายการเงินและภาษี ตลอดจนนโยบายพลังงานของประเทศ

 

ทั้งนี้ ได้วางเป้าหมายว่า ในอนาคตเครือข่ายพลังงานของประเทศควรมีการจัดการในรูปแบบการบริการสาธารณะและหากปฏิบัติเช่นนี้ การขยายเครือข่ายพลังงาน “จะไม่เป็นภาระที่สูงเกินไปสำหรับผู้บริโภคและภาคเอกชน” โดยวิธีหนึ่งในการจำกัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็คือ การให้รัฐมีส่วนร่วมในการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถขยายการลงทุนด้านการศึกษาและโครงสร้างพื้นฐานให้สูงขึ้นได้นั้น SPD เชื่อว่าการปฏิรูปนโยบายการรักษางบประมาณให้มีความสมดุล (Schuldenbremse) เป็นสิ่งที่จำเป็น โดยในแผนฉบับดังกล่าว ระบุว่า “การลงทุนเหล่านี้จำเป็นต้องมีกรอบการทำงานที่ชัดเจน ด้วยเหตุนี้ เราจึงมุ่งมั่นที่จะปฏิรูปกฎเกณฑ์ Schuldenbremse เพื่อผลักดันการลงทุนในอนาคต และในการจัดสรรเงินทุนเพื่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ SPD กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาแนวทางที่ยุติธรรมไม่เป็นภาระสำหรับคนรุ่นหลัง” นอกจากนี้ SPD ยังเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการลงทุนร่วมกันในยุโรปมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น โครงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้ามพรมแดน การวิจัยและพัฒนา หรือการจัดหาพลังงานจากไฮโดรเจนและพลังงานหมุนเวียนราคาถูก เป็นต้น โดย SPD ต้องการแบ่งเบาภาระผู้เสียภาษีที่คิดเป็น 95% ของประชากรของประเทศ ด้วยการปฏิรูปการจัดเก็บภาษี ซึ่งจะมีส่วนช่วยทำให้กำลังซื้อขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และในแผนนี้ยังได้ระบุอีกว่า “เพื่อไม่สร้างภาระให้กับประเทศ เราต้องการให้ผู้มีรายได้สูงจะต้องรับผิดชอบมากขึ้น” เมื่อกล่าวถึงเรื่องภาษีนิติบุคคล แทนที่ SPD จะลดหย่อนภาษีนิติบุคคลลง แต่ SPD กลับใช้นโยบาย “การหักภาษีค่าเสื่อมราคาขั้นสูงสุดและจะอนุญาตให้ภาคเอกชนที่ลงทุนด้านการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเข้าสู่ระบบดิจิทัล และด้านการอนุรักษ์สภาพภูมิอากาศในเยอรมนี นำค่าใช้จ่ายในการลงทุนดังกล่าวมาหักลบภาษีได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย” เป้าหมายก็คือ เพื่อผลักดันให้เยอรมนีเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคต เช่น อุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ยา เซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) สมัยใหม่ และแบตเตอรี่ เพิ่มมากขึ้น

 

นาย Lars Klingbeil หนึ่งแกนนำของ SPD ได้ยื่นข้อเสนอกับพรรคเพื่ออิสรภาพและประชาธิปไตย (FDP – Freie Demokratische Partei) และพรรคยุค 90 พันธมิตรสีเขียว (Bündnis 90/Die Grünen) พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อหารือเกี่ยวกับแพ็คเกจแผนผลักดันการเจริญเติบโตฉบับนี้ และในการให้สัมภาษณ์กับ Handelsblatt เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เปิดเผยว่า “อีกไม่กี่ปีข้างหน้าทุกอย่างจะยากลำบากไปอีก” จึงเป็นสาเหตุให้การกระตุ้นเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยพรรค FDP และพรรคกรีนกลัวน้อยหน้า จึงได้ยื่นข้อเสนอรีบนำหน้า SPD ด้วยข้อเสนอของพวกเขาเองไปรอบหนึ่งแล้ว นาย Robert Habeck (พรรคสีเขียว) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการอนุรักษ์สภาวะอากาศ กล่าวถึง สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันว่า “เข้าขั้นวิกฤติ” และเสนอให้มี “การปฏิรูปแบบเร่งด่วน” โดยเฉพาะการสร้างแรงจูงใจขนาดใหญ่ด้านภาษีให้กับภาคเอกชนเพื่อผลักดันให้พวกเขาลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียวมากขึ้น นาย Christian Lindner (FDP) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงสถานะของเศรษฐกิจเยอรมนีในปัจจุบันว่า “น่าอาย” และเรียกร้องให้มี “การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ” เหนือสิ่งอื่นใด นาย Lindner เสนอแนะให้ยกเลิกการเก็บภาษีเพื่อความเป็นปึกแผ่น (Solidarritätszuschlag) ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม นาย Klingbeil ผู้นำพรรค SPD ก็ยังปฏิเสธในเรื่องนี้ โดยในการสัมภาษณ์กับ Handelsblatt ถึงแผนของ SPD ว่า “เป็นสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์มานานแล้วว่า นโยบายเศรษฐกิจแบบไหลริน (Trickle-Down Economics) ไม่ได้ผล” กล่าวอีกนัยหนึ่งนโยบายที่ (FDP ต้องการให้) ผู้มีรายได้สูงและผู้ประกอบการได้รับการผ่อนปรน โดยตั้งบนสมมติฐานที่ว่าการกระทำดังกล่าวจะช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยและพนักงานก็ได้รับประโยชน์จากนโยบายดังกล่าวด้วย ในทางกลับกัน ข้อเรียกร้องของ SPD ที่จะขึ้นภาษีสำหรับผู้มีรายได้สูงและการปฏิรูปนโยบายการรักษางบประมาณให้มีความสมดุล (Schuldenbremse) ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับการปฏิเสธจาก FDP เช่นกันนอกจากนี้ ข้อเสนอทั้งหมดของ SPD ทำให้เกิดมีการตั้งคำถามเรื่องการจัดหาเงินทุนที่ในเวลานี้มีช่องว่างอย่างน้อย 20 พันล้านยูโร ในงบประมาณล่าสุดของรัฐบาลชุดปัจจุบัน

 

จาก Handelsblatt 5 เมษายน 2567

thThai