ถือเป็นการเปิดตัวที่คุ้มค่ากับการรอคอยที่ยาวนาน สำหรับสถานีขนส่งรถยนต์ระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนีบนท่าเรือ Bremerhaven ด้วยการต้อนรับเรือขนส่งรถยนต์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ในการขนส่งรถไฟฟ้า (EV – Electric Vehicle) โดยเฉพาะ ซึ่งมีชื่อว่า “ BYD Explorer No. 1” โดยเรือลำนี้เพิ่งจะเดินทางมาถึงเยอรมนีในสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับเรือลำนี้ ก็คือ ไม่เพียงถูกออกแบบมาให้ใช้ส่งรถ EV ของจีนเท่านั้น แต่ยังสามารถรองรับการใช้งานด้านอื่นที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย โดยในครั้งแรกนี้ใช้ในการขนส่งรถ EV มากถึงจำนวน 3,000 คัน มายังตลาดเยอรมนี ซึ่งนี่เป็นการใช้งานเรือขนส่งยานยนต์ลำแรกที่ผลิตในจีน และทราบจากวงในว่าตอนนี้บริษัทได้เร่งเดินหน้าต่อเรือ BYD เพิ่มอีก 7 ลำ ปัจจุบันบริษัท BYD ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตรถ EV รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยในปีที่ผ่านมาได้เดินหน้ากำลังผลิตทิ้งคู่แข่งอย่าง Tesla ไปแบบชิว ๆ สามารถผลิตรถ EV นำหน้าคู่แข่งไปถึง 2.9 ล้านคัน นาย Frank Dreeke ซีอีโอของบริษัทบริหารจัดการท่าเรือ BLG ซึ่งเป็นผู้ดูแลท่าเรือ Bremerhaven ที่ตั้งอยู่ในรัฐ Bremen ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Handelsblatt ว่า “มีแนวโน้มที่ผู้ผลิตรถ EV ของจีนจะเพิ่มปริมาณการส่งออกรถยนต์ EV มาเยอรมนีมากขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเราจะได้ประโยชน์จากแนวทางการดำเนินธุรกิจนี้” ด้วยธุรกิจจีนที่มีแนวโน้มว่าจะดำเนินไปด้วยดี ทำให้นาย Dreeke นักธุรกิจวัย 64 ปีที่อยากจะเขียนชื่อตัวเองลงในหนังสือประวัติศาสตร์ของบริษัทท่าเรือ Bremerhaven ที่ก่อตั้งในปี 1877 ก่อนที่เขาจะเกษียณตัวเองในสิ้นปีนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทเพิ่งมีมูลค่าการประกอบธุรกิจสูงถึง 1.12 พันล้านยูโร โดยผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งเขาต่อก็ไม่ใช่ใครอื่นเป็นคนที่คนในวงการรู้จักดี และพึ่งประกาศไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า นาย Matthias Magnor หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ (COO – Chief Operating Officer) จะเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอต่อ

 

โดยการเดิมพันกับธุรกิจนำเข้านี้น่าจะสามารถทำกำไรให้กับ BLG ซึ่งรัฐเป็นผู้ถือหุ้นหลักได้เป็นอย่างดี ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันยานยนต์แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งเมือง Chemnitz คาดการณ์ว่า เป็นไปได้ที่ภายในปี 2025 ยานยนต์จากจีนกว่า 1.1 ล้านคัน จะถูกนำเข้ามายังเยอรมนี ซึ่งจะทำให้รถยนต์เหล่านี้จะเป็นตัวแทนถึง 7.5% ของรถที่จดทะเบียนใหม่ อย่างไรก็ตามนายหน้าจำหน่ายพื้นที่ของท่าเรือ Bremerhaven กล่าวว่า พวกเขาน่าพลาดเวลาที่สำคัญไปนิด และรายงานว่า “ปัจจุบันท่าเรือ Bremerhaven เต็มไปด้วยรถยนต์จีนที่ขายไม่ออก” โดยเหตุผลหลักของปัญหาดังกล่าว บริษัท Horváth บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการในเมือง Stuttgart ได้ออกมาระบุเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนว่า ปัญหาแรกมาจากราคาขายรถยนต์จากจีนที่ค่อนข้างสูง รวมไปถึงความไม่ไว้วางใจของผู้บริโภคต่ออายุการใช้งานของรถยนต์ยี่ห้อต่าง ๆ จากจีน อย่าง BYD, Great Wall Motor, Nio และ Polestar ว่าจะยาวนานขนาดไหน อย่างไรก็ตามนาย Dreeke ซีอีโอของ BLG ก็ยังคงมองโลกในแง่ดีอยู่ โดยเขากล่าวอธิบายว่า “ตามปกติเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ก็ไม่ใช่เดือนที่มีการจำหน่ายรถยนต์ได้ดีอยู่แล้ว” โดยเขาออกมาอธิบายต่อถึงบริเวณท่าเรือที่ถูกใช้เต็มพื้นที่ว่า ผู้ผลิตชาวจีนได้ส่งออกรถยนต์ไปยังเยอรมนีเป็นจำนวนมากเพื่อให้รถของพวกเขามีอยู่ที่นี่เมื่อมีคนต้องการซื้อทันที นาย Dreeke กล่าวต่อว่า เวลานี้เป็นโอกาสที่ดีในการนำเข้ายานพาหนะจากจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงราคาที่รถยนต์มีราคาต่ำกว่าปรกติ ซึ่งสามารถเข้าใจได้ว่า เป็นการกล่าวแอบส่งสัญญาณไปยังผู้ส่งออกชาวเยอรมันอีกด้วย อีกเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งก็คือ ในปัจจุบันผู้ที่ซื้อรถยนต์จากจีนส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางระดับสูงของประเทศ ด้วยส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคารถยนต์ที่ค่อนข้างสูง โดยระหว่างเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน 2023 จำนวนรถยนต์จดทะเบียนใหม่จำนวน 2.86 ล้านคันในเยอรมนีมีเพียง 1.3% เท่านั้นที่เป็นรถจากผู้ผลิตชาวจีน ซึ่งทำให้เรื่องที่ผู้เชี่ยวชาญในประเทศกล่าวถึงอย่างมากที่เกรงกลัวว่า รถ EV ของจีนจะเข้ามาท่วมตลาดเยอรมันนั้น ก็ยังไม่เห็นแนวโน้มดังกล่าวจะเกิดขึ้นแต่อย่างใด

 

โดยล่าสุดบริษัท BLG ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ครอบครองพื้นที่กว่า 50% ของท่าเรือ Bremerhaven ก็พึ่งถูกปฏิเสธไม่อนุญาตให้ดำเนินธุรกิจเพิ่มเติมที่สามารถทำกำไรให้กับบริษัทอย่าง การเตรียมยานพาหนะ (car detailing) ในประเทศอีกด้วย ในขณะที่ผู้นำเข้ารถยนต์จากเกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่น เจ้าของยี่ห้ออย่าง โตโยต้า หรือ มาสด้า มักจะมอบหมายให้ผู้นำเข้าสามารถเตรียมยานพาหนะเพิ่มเติมด้วย เครื่องปรับอากาศ งานสีพิเศษ เบาะหนัง หรือ หางลาก (Tow hitch) แต่รถจากจีนยี่ห้อ BYD, Nio หรือ Polestar กลับไม่มีคำขอพิเศษดังกล่าว นาย Dreeke กล่าวว่า “ผู้ผลิตชาวจีนจำหน่ายรถในประเทศเยอรมนีในแบบเดียวกับที่พวกเขาเข้านำเข้ามาในประเทศโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมแต่อย่างใด”

 

ในปัจจุบันบริษัท BLG สามารถทำเงินได้จากการขนส่งรถยนต์จากจีนเท่านั้น แม้แต่การขนส่งสินค้าทางรางของบริษัทที่เรามีตู้รถขนส่งแบบ 2 ชั้นกว่า 1,500 คัน ซึ่งเป็นธุรกิจเพิ่มเติมเสริมจากธุรกิจขนส่งทางทะเลและท่าเรือภายในประเทศก็ยังไม่สามารถทำกำไรให้กับบริษัทมากนัก นาย Dreeke กล่าวว่า “โดยปรกติแล้วยานยนต์มักจะถูกขนส่งจากท่าเรือไปยังตัวแทนจำหน่ายรถยนต์โดยตรง จึงมักจะมีการใช้งานรถบรรทุกมากกว่าการขนส่งทางรางหรือทางเรือภายในประเทศ” นอกจากนี้บริษัท BLG ผู้บริหารท่าเรือยังต้องการดึงดูดบริษัทขนส่งรายใหญ่ อย่างบริษัท Cosco ลูกค้ารายใหญ่อีกรายจากจีนมาที่ท่าเรือ Bremerhaven เพื่อขนถ่ายรถ EV บริษัท Cosco ในอนาคตบริษัทจะมีเรือสำหรับขนส่งรถยนต์มากถึงจำนวน 29 ลำ จะเป็นตัวเร่งการส่งออกรถยนต์ของจีนไปทั่วโลก โดยเรือลำแรกของ Cosco ทดลองเทียบท่าที่ Bremerhaven เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา โดย BLG กล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “เรากำลังหารือกันอย่างเข้มข้นในประเด็นดังกล่าวกับ Cosco”

 

 

จาก Handelsblatt 15 มีนาคม 2567

thThai