เวียดนามดันนครดานัง (Da Nang) เป็น Green and Smart City ในปี 2573

ในช่วงต้นปี 2567 โครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านการจราจร ที่อยู่อาศัย และสาธารณสุขสำคัญเริ่มต้นก่อสร้าง และจะเสร็จพร้อมใช้งานในปี 2568 ซึ่งจะช่วยผลักดันให้นครดานัง (Da Nang) กลายเป็นนคร “สีเขียวและอัจฉริยะ” ของภาคกลางเวียดนามในปี 2573

นาย Le Trung Chinh ประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ได้เข้าร่วมพิธีเปิดตัวโครงการปรับปรุงถนนแห่งชาติหมายเลข 14B ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมหลักที่เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 1A ถนนโฮจิมินห์ ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก – ตะวันตก ภาคใต้ และภาคตะวันออกของเมือง

ในการนี้ นาย Le Trung Chinh ระบุว่า โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่จะช่วยสร้างระบบขนส่งที่ราบรื่นบนระบบถนนและทางรถไฟแห่งชาติหลายรูปแบบ ดังนั้นโครงการนี้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับบริการโลจิสติกส์ ท่าเรือน้ำลึก เขตอุตสาหกรรม เขตเทคโนโลยีชั้นสูง รวมถึงส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างไทย ลาว พม่า และเวียดนาม ผ่านระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor หรือ EWEC)

ทางหลวงหมายเลข 14B ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างท่าเรือเตียนซา (Tien Sa) นครดานังกับตำบลถ่างหมี (Thanh My) จังหวัดกว๋างนาม (Quang Nam) บนระยะทางรวม 73 กิโลเมตร โดยมีการยกระดับถนน 14B ระยะทาง 7.58 กิโลเมตรในเขตเมืองดานัง (Da Nang) เริ่มตั้งแต่ปี 2023 ด้วยงบประมาณ 800 พันล้านเวียดนามด่ง (ประมาณ 1.15 พันล้านบาท)

ถนน 6 เลน ที่มีความสะดวกและปลอดภัย รองรับความเร็วสูงสุด 80 กม. ต่อ ชม. กำหนดเสร็จสิ้นปี 2568

ในปีที่ผ่านมา นครดานัง (Da Nang) ได้เปิดใช้งานถนนวงแหวนส่วนฮว่าเฟื้อก – ฮว่าเคือง (Hoa Phuoc – Hoa Khuong) โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากธนาคารโลก (World Bank หรือ WB) ซึ่งช่วยลดความแออัดในเมืองชั้นใน และเชื่อมต่อกับถนน 14B และถนนโฮจิมินห์ นอกจากนี้นครดานังเตรียมก่อสร้างสะพานกว๋างดา (Quang Da) ความยาว 1.4 กิโลเมตร ประกอบด้วยสะพานข้ามแม่น้ำเอียน (Yen) ระยะทาง 200 เมตร เชื่อมต่อเขตฮว่าวาง (Hoa Vang) และตำบลเดียนบาน (Dien Ban) จังหวัดกว๋างนาม โดยมีกำหนดเริ่มต้นในปี 2567

โครงการสะพานและถนนทางเข้ามีมูลค่า 274 พันล้านเวียดนามด่ง (ประมาณ 405 ล้านบาท) โดยมุ่งเป้าไปที่การเชื่อมต่อจากจังหวัดกว๋างนามไปยัง 14B ท่าเรือเตียนซา (Tien Sa), EWEC, Da Nang Hi-Tech Park และท่าเรือเลียนเจี๋ยว (Lien Chieu) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างรวมไปถึงสถานีขนส่งสินค้าทางรถไฟกิมเหลียน (Kim Lien)

โรงพยาบาลสูตินรีเวชและกุมารเวชศาสตร์นครดานังได้เริ่มก่อสร้างระยะที่ 2 ด้วยงบประมาณ 789 พันล้านด่ง (ประมาณ 1,136 ล้านบาท) เพื่อขยายบริการด้านสุขภาพให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคกลางและตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ โดยโรงพยาบาลสูตินรีเวชและกุมารเวชศาสตร์เป็นโรงพยาบาลขนาด 600 เตียง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง แต่หลังจากเปิดให้บริการมา 10 ปี โรงพยาบาลเริ่มทรุดโทรมและรองรับผู้ป่วยไม่เพียงพอ ดังนั้นโครงการขยายโรงพยาบาลระยะที่ 2 นี้ จะเพิ่มจำนวนเตียงเป็น 1,350 เตียง รวมไปถึงศูนย์การแพทย์ชั้นสูงที่ติดตั้งอุปกรณ์ทันสมัย เมื่อโครงการเสร็จสิ้น โรงพยาบาลจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ถึง 1,500 คนต่อวัน แบ่งเป็นผู้ป่วยนอก 750 คน และผู้ป่วยใน 750 คน ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพของนครดานัง และช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ภาคกลางและตะวันตกเฉียงเหนือเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพได้สะดวกยิ่งขึ้น

โครงการบ้านพักสำหรับผู้มีอุปการคุณต่อประเทศชาติและนักกีฬา 2 โครงการใหม่ เตรียมเริ่มต้นในปี 2567 อพาร์ทเมนท์ 209 ห้องแรกสำหรับผู้มีอุปการคุณต่อประเทศชาติ ในเขตงูฮันห์เซิน (Ngu Hanh Son) จะเสร็จสิ้นและส่งมอบในเดือนตุลาคมนี้ โครงการคอนโดมิเนียม 200 ยูนิตในเขตไฮเจา (Hai Chau) คาดว่าจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2568

นครดานังเริ่มโครงการปรับปรุงท่าเทียบเรือปลาโทกวาง (Tho Quang) ที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์สำหรับอุตสาหกรรมการประมงในภูมิภาค และเป็นจุดหลบภัยจากพายุสำหรับเรือประมงขนาดใหญ่ 800 ลำ โครงการนี้จะสร้างท่าเทียบเรือใหม่เพื่อรองรับเรือประมงเพิ่มเติม โรงงานบำบัดน้ำเสีย และศูนย์การค้าเพื่อรองรับชาวประมงและพ่อค้า 3,000 คน ดังนั้น ท่าเทียบเรือที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางสามารถรองรับเรืออวนลาก 17,600 ลำและสามารถรองรับปลาและอาหารทะเลได้ถึง 130,000 ตัน สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่หลบภัยสำหรับเรือประมง 2,000 ลำ ซึ่งมากกว่าความจุสามเท่า และสามารถรองรับเรือได้ถึง 4,000 ลำในช่วงฤดูมรสุม ท่าเรือมีโรงงานแปรรูปอาหารทะเล 23 แห่งและอู่ต่อเรือ 11 แห่ง นอกจากนี้โครงการระบบบำบัดน้ำเสียจะเริ่มดำเนินการในปี 2567 เพื่อให้บริการบำบัดน้ำเสียตามมาตรฐานสำหรับพื้นที่ตั้งแต่สะพานเตียนเซิน (Tien Son) ถึงเขตงูฮันห์เซินก่อนปล่อยลงสู่สิ่งแวดล้อม

(แหล่งที่มา https://vietnamnews.vn/ ฉบับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567)

วิเคราะห์ผลกระทบ

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเร่งด่วนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาประเทศในทุกด้าน โครงสร้างพื้นฐานที่ดีจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ กระตุ้นการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเวียดนาม พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคนในสังคม ในด้านเศรษฐกิจการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญจะสร้างงานใหม่ กระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐานที่ดีจะช่วยลดต้นทุนการทำธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าและบริการ และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้มากขึ้นส่วนด้านสังคม โครงสร้างพื้นฐานที่ดีจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการต่าง ๆ เช่น การศึกษา สาธารณสุข และการคมนาคมได้สะดวกยิ่งขึ้น ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งเป็นสัญญาณบวกสำหรับการดึงดูดการลงทุนและการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคภาคกลางของเวียดนามในปี 2567

นำเสนอโอกาส/แนวทาง

จากการที่เวียดนามมีนโยบายเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับให้นครดานัง (Da Nang) กลายเป็นนคร “สีเขียวและอัจฉริยะ” ของภาคกลางเวียดนามในปี 2573 โดยมีแผนระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเมือง เช่น ถนน ระบบการคมนาคม สถานบริการสาธารณะ ฯลฯ จะได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้นในอนาคต จะทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจและดึงดูดการลงทุนเข้ามาในภูมิภาคภาคกลางของเวียดนาม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับนักลงทุนไทยในหลากหลายภาคส่วน เช่น การก่อสร้าง พลังงาน การขนส่ง และโลจิสติกส์ รวมทั้งโครงการยกระดับทางหลวงหมายเลข 14B หากแล้วเสร็จจะช่วยอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนการขนส่งและกระจายสินค้าในการภาคกลางของเวียดนาม ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้ส่งออกสินค้าไทยในการกระจายสินค้าจากภาคกลางไปยังภาคเหนือของเวียดนามด้วย

 

thThai