สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประเทศที่มีพลัง SOFT POWER อันดับที่ 10 ของโลกสองปีติดต่อกัน

Brand Finance บริษัทที่ปรึกษาด้านการประเมินมูลค่าแบรนด์ชั้นนำของโลก รวมถึงให้คำปรึกษา  ด้านการพัฒนาแบรนด์ของประเทศจากสหราชอาณาจักร ซึ่งดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี  2539 จัดทำผลสำรวจล่าสุดในปีนี้        (Brand Finance Soft Power Index 2024) ซึ่งเป็นการสำรวจศักยภาพทางด้าน Soft Power ของประเทศต่างๆ     ทั่วโลกที่เพิ่งประกาศในงาน Global Soft Power Summit  เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งจัดขึ้นในกรุงลอนดอน โดยใช้ดัชนีต่างๆ ในการวัดศักยภาพทาง Soft Power อยู่ในอันดับที่เท่าไหร่กันบ้าง เพื่อเป็นข้อมูลให้ประเทศต่างๆ ใช้ในการดำเนินนโยบายสริมจุดอ่อน สร้างจุดแข็ง และปรับแบรนด์ของประเทศเพื่อการพัฒนาตามแนวทางที่ต้องการ

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี อยู่ในอันดับที่ 1 ในดัชนี “เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมั่นคง” และติดอยู่ในอันดับที่ 10 ในดัชนีชี้วัด Soft Power (Brand Finance Soft Power Index 2024 )  เป็นปีที่สองติดต่อกัน และเป็นประเทศกลุ่ม GCC เพียงประเทศเดียวติดใน 10 อันดับแรกของโลก ถือว่าเป็นเป็นประเทศที่มีการการพัฒนา          อย่างน่าจับตามอง โดยมีผลสรุปการจัดอันดันอื่นๆของยูเออีที่น่าสนใจหลายประการ ได้แก่

เศรษฐกิจเข้มแข็งและมั่นคง

ติดอันดับ 1 ด้านตัวชี้วัดด้าน ‘Strong and Stable Economy’ สิ่งนี้เป็นการยืนยันสถานะของยูเออี ในฐานะต้นแบบของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและและการกระจายเศรษฐกิจ ประสบความสำเร็จในการลด      การพึ่งพาน้ำมันในฐานะแหล่งรายได้หลักโดยส่งเสริมการเติบโตของภาคส่วนอื่นๆ เช่น การท่องเที่ยว เทคโนโลยี พลังงานทดแทน และบริการทางการเงิน การค้าต่างประเทศที่ไม่รวมน้ำมันปี 2566 มูลค่า 953 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่ไม่เคย      เกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับเศรษฐกิจของยูเออี ในขณะที่การค้าระหว่างประเทศทั่วโลกจะตกต่ำก็ตาม     ยูเออียังเป็นที่ตั้งของบริษัทระหว่างประเทศรายใหญ่จำนวนมากและมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ผู้นำที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ

ยูเออีได้รับการในอันดับที่ 10 ของตัวชี้วัด “Internationally Admired leaders” จัดให้อยู่ในตำแหน่ง ผู้นำที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสถานะของผู้นํายูเออีในระดับโลก ผ่านนโยบายต่างประเทศ  ที่สมดุล ซึ่งรวมถึงการเผยแพร่ค่านิยมของประเทศ การสร้างสันติภาพและการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต      กับประเทศทั่วโลก อีกทั้งแสดงให้เห็นว่ายูเออีมีบทบาทเชิงรุกและมีอิทธิพลในระดับภูมิภาคและระดับโลกในฐานะหุ้นส่วนเชิงรุกในการขับเคลื่อนสันติภาพและการพัฒนาของโลก

วิสัยทัศน์ในอนาคตที่ชัดเจน

ยูเออีอยู่ในอันดับ  3 ในตัวบ่งชี้ “Future Growth Potential” หรือวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของประเทศต่อการลงทุนและโอกาสในอนาคต รวมถึงนวัตกรรมและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านเทคโนโลยี  มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนขีดความสามารถของประเทศสำหรับการเติบโตในภาคเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ และสังคม นอกจากนี้ยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานะของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางชั้นนำในการดึงดูดนักลงทุนและบุคลากร ที่มีความสามารถจากทั่วโลก

กลยุทธ์เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ประเทศ

มิติด้านภาพลักษณ์ของยูเออีอยู่ในอันดับที่ 10 ของตัวชี้วัด “Affairs I Follow Closely” หรือการติดตามกิจกรรมอย่างใกล้ชิด โดยการใช้กลยุทธ์เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวระหว่างยูเออีและผู้คนทั่วโลก  ทำให้ผู้คนเกิดทัศนคติในเชิงบวกต่อประเทศ ผ่านช่องทางสื่อและหน่วยงานรัฐบาล สร้างช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพกับประชาชนและแพลตฟอร์มสื่อท้องถิ่น ระดับภูมิภาคและระดับโลก อิทธิพลของสื่อที่แข็งแกร่งนี้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีระหว่างประเทศ รวมถึงการจัดประชุมและกิจกรรมระดับโลก อาทิ การประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo 2020 อันทรงเกียรติ และกิจกรรมระดับมืออาชีพมากมายในหลายอุตสาหกรรม ตอกย้ำสถานะของประเทศเป็นจุดหมายหลักในการลงทุนและท่องเที่ยว

ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

ตัวชี้วัด Soft Power ด้านความความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ (Generous)   ยูเออีอยู่ในอันดับที่ 3  สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้อื่น รัฐบาลมีนโยบายการให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศ ผ่านโครงการริเริ่มและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมหลายประการ

อิทธิพลในแวดวงการทูต

ตามรายงานของ Brand Finance ปี 2567 ยูเออีอยู่ในอันดับที่ 8 ของตัวบ่งชี้ด้านผู้มีอิทธิพลในแวดวงการทูต (Influential in diplomatic circles) สถานะนี้ตอกย้ำบทบาทสำคัญของยูเออีทั่วโลก ผ่านการทูตที่กระตือรือร้นและการมี     ส่วนร่วมที่มีประสิทธิภาพกับองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อสนับสนุนสันติภาพและเสถียรภาพของโลกในเชิงบวก

ภาพลักษณ์ทางธุรกิจและการค้า

ยูเออีรั้งอันดับที่ 10 ในดัชนีด้านภาพลักษณ์ธุรกิจและการค้า (Business & Trade image)  ซึ่งตอกย้ำความสำเร็จในการสนับสนุนสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและการลงทุน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ปฎิรูปกฎหมายเอื้ออำนวยการทำธุรกิจ เพื่อจัดการกับความท้าทายระดับภูมิภาคและระดับโลกอย่างมีประสิทธิภาพ วางตำแหน่งให้เป็นหนึ่งของประเทศที่สำคัญในการรับมือกับความท้าทายในโลก

ศูนย์กลางเทคโนโลยีและนวัตกรรม

เป็นประเทศอันดับที่ 8 ในดัชนีผู้นําด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Leader in Technology and Innovation) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศ ในการเป็นผู้นําด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก ผ่านการลงทุนในด้านการศึกษา การวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การเงิน ปัญญาประดิษฐ์ และอุตสาหกรรมอวกาศขั้นสูง

การรักษาความปลอดภัย

ยูเออีอยู่อันดับที่ 9 ของตัวชี้วัดด้านความปลอดภัย (Safe and Secure) ที่แสดงถึงคุณภาพชีวิตและความสามารถ ในการจัดหาสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้อยู่อาศัยในประเทศและนักท่องเที่ยว ซึ่งมีบทบาทสําคัญ  ในการส่งเสริมเสถียรภาพทางสังคมและปลูกฝังความรู้สึกปลอดภัยในทุกภาคส่วน

มีความโดดเด่นด้านความยั่งยืน

ยูเออีมีผลงานที่โดดเด่นในด้านตัวชี้วัดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่าง ๆ โดยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ 9 ของโลกในดัชนีด้าน”เมืองที่ยั่งยืนและการขนส่ง (Sustainable cities and transport)  และอันดับที่ 18 ของดัชนี       การลงทุนด้านพลังงานและเทคโนโลยีสีเขียว (Invests in green energy & technology) ในขณะเดียวกันผู้นำยูเออีได้ประกาศขยายเวลาปีการพัฒนาที่ยั่งยืน (Year of Sustainability)  ไปจนถึงสิ้นปี 2567 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศที่มีต่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงผลสัมฤทธิ์และผลงานที่โดดเด่นของงาน COP2

ดัชนีค่านิยมแบรนด์แห่งชาติ

แบรนด์กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญทางด้านเศรษฐกิจในโลกยุคใหม่ ซึ่งมีส่วนทำให้หลายประเทศหันมา  ให้ความสำคัญกับเรื่องการสร้างแบรนด์แห่งชาติหรือ Nation Brand มากขึ้น มูลค่าแบรนด์แห่งชาติของยูเออีเพิ่มขึ้นอย่างมาก จาก 700 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในระยะเวลา 3 ปี ตอกย้ำสถานะของประเทศในฐานะแบรนด์แห่งชาติที่มีมูลค่ามากที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกา

เครื่องวัดระดับพลัง Soft Power ของแต่ละประเทศ

Brand Finance บริษัทที่ทำการจัดการกลยุทธ์เกี่ยวกับการวางตำแหน่งของแบรนด์ ได้จัดอันดับ Global Soft Power Index หรือดัชนีชี้วัด Soft Power โลกในทุกมิติของแต่ละประเทศ ที่สร้างจากการเก็บข้อมูลจากผู้คนกว่า 170,000 คน จาก 193 ประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติ ซึ่งตัวดัชนีนี้ได้ถูกจัดทำและเผยแพร่ในทุกปี เริ่มตั้งแต่ปี 2533 โดยใช้ตัวชี้วัด 4 ด้าน คือ   

·                Familiarityความคุ้นชินและการจดจำของผู้คน แบรนด์ชาติที่เป็นที่รู้จักและจดจำโดยผู้คนทั่วโลกจำนวนมาก บ่งบอกถึง Soft Power ที่เข้มแข็ง

·                Reputationชื่อเสียงของประเทศที่เป็นที่รับรู้ในสายตาของเวทีโลก

·                Influence อิทธิพลของประเทศที่ผู้คนมองว่ามีอำนาจต่อประเทศของตน รวมไปถึงอิทธิพลของประเทศนั้นในเวทีโลก

·                 Performanceศักยภาพของประเทศใน Soft Power ประกอบไปด้วย 8 เสาหลัก คือ     (1) ด้านธุรกิจและการค้า (2) การเมืองการปกครอง (3) ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (4) วัฒนธรรมและมรดก         (5) สื่อและการสื่อสาร (6) การศึกษาและวิทยาศาสตร์  (7) ผู้คนและค่านิยม (8) อนาคตที่ยั่งยืน

การจัดทำ Global Power Index ใช้หลักเกณฑ์ของ  Joseph S. Nye อาจารย์มหาวิทยาลัย ฮาร์เวิร์ด ที่เป็นผู้ริเริ่มคำว่า Soft Power ในปี 2533 จนถูกใช้ต่อกันมาอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

ความเห็นของ สคต.ดูไบ

จากข้อมูลนี้จะเห็นได้ว่ายูเออีมีศักยภาพที่โน้มน้าวให้ผู้คนทั่วโลกเชื่อมั่น โดยเฉพาะด้านธุรกิจและการค้า   รัฐมีบทบาทเป็นส่วนหนึ่งของ ผู้ร่วมคิดหรือ ผู้ร่วมตีความให้การสนับสนุนผลักดัน Soft Power ตั้งแต่ต้น รวมทั้งจัดทำนโยบายระยะยาวในการพัฒนาโครงสร้างทรัพยากรมนุษย์ นโยบายเพิ่มทักษะความคิดสร้างสรรค์   ระยะสั้นเพื่อพัฒนากำลังคนในประเทศ ดึงดูดบุคคลทักษะสูงจากนอกประเทศ และอื่นๆ จนทำให้ยูเออีสามารถติดในกลุ่ม 10 อันดับประเทศชั้นนำของโลกสองปีติดต่อกัน โดยครั้งแรกในปี 2566 ด้วย 55.2 คะแนน และล่าสุดปี 2567 ติดอันดับ 10 อีกครั้ง ด้วยคะแนน 59.7 คะแนน ถือว่าเป็นการพัฒนาอย่างน่าจับตามองเลยทีเดียว

——————————————————————————————

thThai