รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

 

1. ภาพรวมเศรษฐกิจสำคัญ/ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

              1.1 การเติบโตทางเศรษฐกิจ

                     ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของฟิลิปปินส์ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 5.6 หดตัวจากร้อยละ 7.1 ในไตรมาสเดียวกันของปี 2565 สำหรับ GDP เฉลี่ยทั้งปีในปี 2566ขยายตัวร้อยละ 5.6 โดยภาคส่วนหลักที่มีส่วนร่วมในการเติบโตของ GDP ได้แก่ ภาคการเงินและการประกันภัยขยายตัวร้อยละ 11.8 ภาคค้าส่งและค้าปลีก; การซ่อมแซมยานยนต์และจักรยานยนต์ขยายตัวร้อยละ 5.2 ภาคการก่อสร้างขยายตัวร้อยละ 8.5 สำหรับภาคเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ ภาคเกษตรกรรมป่าไม้และประมงขยายตัวร้อยละ 1.4 ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 3.2 และภาคการบริการขยายตัวร้อยละ 7.4 ในส่วนของด้านอุปสงค์    พบว่าการใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวร้อยละ 5.3 ขณะที่ การใช้จ่ายของภาครัฐหดตัวร้อยละ 1.8 ในส่วนการส่งออกสินค้าและบริการหดตัวร้อยละ 2.6 และการนำเข้าสินค้าและบริการขยายตัวร้อยละ 2.9 สำหรับรายจ่ายเพื่อการสะสมทุนรวมเบื้องต้น (Gross Capital Formation) ขยายตัวร้อยละ 11.2 รายได้ประชาชาติ (Gross National Income) ขยายตัวร้อยละ 11.1 และรายได้ปฐมภูมิ (Net Primary Income ) ขยายตัวร้อยละ 97.7

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566)

1.2  ภาวะการลงทุน

         ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ฟิลิปปินส์มีการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Investment: FI) มูลค่ารวม 2.73 หมึ่นล้าน   เปโซ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2565 ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 1.31 หมึ่นล้านเปโซ โดยเป็นการลงทุนผ่านหน่วยงานส่งเสริมการลงทุน 6 หน่วยงาน ได้แก่

– Authority of the Freeport Area of Bataan (AFAB)

– Board of Investments (BOI)

– Clark Development Corporation (CDC)

– Cagayan Economic Zone Authority (CEZA)

– Philippine Economic Zone Authority (PEZA)

– Subic Bay Metropolitan Authority (SBMA)

– Zamboanga City Special Economic Zone Authority (ZAMBOECOZONE)

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

                   ทั้งนี้ การลงทุนจากต่างประเทศในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 พบว่าเป็นการลงทุนจากประเทศสิงคโปร์มากที่สุดคิดเป็นมูลค่าการลงทุน 1.30 หมึ่นล้านเปโซ หรือคิดเป็นร้อยละ 47.8 ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด รองลงมาได้แก่ ไต้หวัน มีมูลค่าการลงทุน 3.63 พันล้านเปโซ คิดเป็นร้อยละ 13.3 และสหราชอาณาจักร มีมูลค่าการลงทุน 3.06 พันล้านเปโซ คิดเป็นร้อยละ 11.2 สำหรับอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุดคืออุตสาหกรรมการผลิต คิดเป็นร้อยละ 60.2 รองลงมาได้แก่ อุตสาหกรรมสารสนเทศและการสื่อสาร(ร้อยละ 15.7) และอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (ร้อยละ 15.5) ตามลำดับ โดยผลจากการลงทุนในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ก่อให้เกิดการจ้างงาน 22,571 งาน หรือคิดเป็นร้อยละ 85.0 ของการลงทุนจากในประเทศและต่างประเทศทั้งหมด

1.3 การบริโภคภายในประเทศ

        จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ระบุว่า ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของฟิลิปปินส์ขยายตัวร้อยละ 5.3 ลดลงจากร้อยละ 7.0 ในไตรมาสเดียวกันของปี 2565 แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ที่ขยายตัวร้อยละ 5.1 โดยการใช้จ่ายด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์มีมูลค่ามากที่สุด อยู่ที่ 1.62 ล้านล้านเปโซ ขยายตัวร้อยละ 0.5          รองลงมาได้แก่ ค่าใช้จ่ายด้านสินค้าเบ็ดเตล็ดบริการอื่นๆ มีมูลค่า 705,274 ล้านเปโซ ขยายตัวร้อยละ 10.4 และค่าใช้จ่ายในครัวเรือนค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเชื้อเพลิง มีมูลค่า 484,024 ล้านเปโซ ขยายตัวร้อยละ 4.4 ตามลำดับ

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

1.4 อัตราเงินเฟ้อ

        อัตราเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม 2567 อยู่ที่ร้อยละ 2.8 ลดลงจากเดือนธันวาคม 2566ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 3.9 และอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อในเดือนมกราคม 2566 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 8.7 ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงในเดือนมกราคม 2567       มีสาเหตุหลักมาจากราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเชื้อเพลิงชะลอตัวลง รวมทั้งการหดตัวลงของราคาในกลุ่มสินค้า โภคภัณฑ์อื่นๆ เช่น เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และยาสูบ เครื่องใช้ในครัวเรือนและค่าบํารุงรักษาบ้านเรือน ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวและสินค้าเบ็ดเตล็ดและบริการอื่นๆ เป็นต้น

แผนภูมิ 1 – อัตราเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 จนถึงเดือนมกราคม 2567

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

                                ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566)

1.5 อัตราการจ้างงานและอัตราการว่างงาน

        อัตราการจ้างงานในเดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ร้อยละ 96.9 เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 96.4 และเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2565 ที่มีอัตราจ้างงานอยู่ที่ร้อยละ 95.7 สำหรับ อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 3.1 ลดลงจาก              เดือนพฤศจิกายน 2566 ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 3.6 และลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ที่มีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 4.3

                         ตารางที่ 1 – สถิติด้านแรงงานของฟิลิปปินส์ในเดือนธันวาคม 2566

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

                                ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566)

2. สถานการณ์การค้า (การส่งออก-นำเข้า)

2.1 การส่งออก

       การส่งออกของฟิลิปปินส์ในปี 2566 มีมูลค่ารวม 73,521.97 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากปี 2565 ที่มีมูลค่าส่งออก 79,574.11 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือลดลงร้อยละ 7.6 ตารางที่ 2 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้าส่งออกหลักของฟิลิปปินส์ โดยจำแนกตามประเภทของสินค้า และตารางที่ 3 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้าส่งออกหลักของประเทศฟิลิปปินส์จำแนกตามตลาด

ตารางที่ 2 – มูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้าส่งออกหลักของฟิลิปปินส์ แยกตามประเภทของสินค้า ในเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565/2566

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

           ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566)

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

ตารางที่ 3 – มูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้าส่งออกหลักของประเทศฟิลิปปินส์ แยกตามตลาดในเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565/2566

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

                                         ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566)

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

2.2 การนำเข้า

          การนำเข้าของฟิลิปปินส์ในปี 2566 มีมูลค่า 125,946.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากปี 2565 ที่มีมูลค่า 137,221.11          ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือลดลงร้อยละ 8.2 ตารางที่ 4 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้านำเข้าหลักของฟิลิปปินส์ โดยจำแนกตามประเภทของสินค้าและตารางที่ 5 แสดงถึงมูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้านำเข้าหลักของฟิลิปปินส์จำแนกตามแหล่งนำเข้า

ตารางที่ 4 – มูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้านำเข้าหลักของฟิลิปปินส์ แยกตามประเภทของสินค้าในเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565/2566

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

                                             ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566)

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

ตารางที่ 5 – มูลค่าและอัตราการขยายตัวของสินค้านำเข้าหลักขอฟิลิปปินส์ แยกตามแหล่งนำเข้าในเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565/2566

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

                               ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566)

2.3 มูลค่าการค้าระหว่างไทย – ฟิลิปปินส์

         มูลค่าการค้ารวมของไทยกับฟิลิปปินส์ในปี 2566 อยู่ที่ 11,006.37ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 2.16 เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีมูลค่า 11,249.62 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.92 ของการค้าไทยไปทั่วโลกสำหรับการส่งออกจากไทยไปยังฟิลิปปินส์ในปี 2566 มีมูลค่า 7,891.67 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 6.06 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่มีมูลค่า 7,440.90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.77 ของการส่งออกไปทั่วโลก ในขณะเดียวกันไทยมีการนำเข้าจากฟิลิปปินส์    ในปี 2566 มูลค่า 3,114.70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 18.22 เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีมูลค่านำเข้า 3,808.72 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.07 ของการนำเข้าจากทั่วโลก

                สรุปการค้าระหว่างไทย – ฟิลิปปินส์ในปี 2566 ปรากฏว่าไทยได้เปรียบดุลการค้าฟิลิปปินส์ เป็นมูลค่า 4,776.97 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ตารางที่ 6 – สรุปการค้าระหว่างประเทศของไทยกับฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565/2566

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

                     ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566)

2.4 การส่งออกสินค้าของไทยไปยังฟิลิปปินส์

       เมื่อพิจารณาสินค้า 5 อันดับที่ไทยส่งออกไปยังฟิลิปปินส์ในปี 2566 พบว่า สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่า      ส่งออกสูงสุด 2,530.06 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 30.27 จากปี 2565 รองลงมา ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า น้ำมันสำเร็จรูป น้ำตาลทราย และเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ตามลำดับ

ตารางที่ 7 – การส่งออกสินค้า 5 อันดับของไทยไปยังฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565/2566

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

                                 ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566)

2.5 การนำเข้าของไทยจากฟิลิปปินส์

          เมื่อพิจารณาการนำเข้าสินค้า 5 อันดับของไทยจากฟิลิปปินส์ในปี 2566 พบว่า สินแร่โลหะอื่นๆเศษโลหะและผลิตภัณฑ์          มีมูลค่าสูงสุด 564.54 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 20.15 จากปี 2565 รองลงมา ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ตามลำดับ

ตารางที่ 8 – การนำเข้าสินค้า 5 อันดับของไทยจากฟิลิปปินส์ในเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565/2566

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ประจำเดือนมกราคม 2567

                    ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (เข้าถึงข้อมูลวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566)

3.สถานการณ์และภาวะสินค้าเป้าหมายของไทยในตลาดฟิลิปปินส์

     แนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยมายังฟิลิปปินส์ในปี 2566 ประเภทสินค้าหลักของไทยที่มีการขยายตัวในการส่งออกมายังตลาดฟิลิปปินส์ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป และ น้ำตาลทรายและเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว โดยสรุปข้อมูลสถานการณ์และภาวะสินค้าโดยสังเขป ดังนี้

         3.1 รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ

     สถานการณ์ตลาดรถยนต์ของฟิลิปปินส์ส่งสัญญาณเชิงบวกตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน โดยยอดจำหน่ายรถยนต์ขยายตัวอย่าง    ต่อเนื่อง ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาขับเคลื่อน อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ความต้องการซื้อรถยนต์ใหม่ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลและรถยนต์เชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น และคาดการณ์ว่าในปี 2566 ยอดจำหน่ายรถยนต์ในฟิลิปปินส์จะกลับมาเติบโตเกินกว่าระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในตลาดส่งออกรถยนต์สำคัญของไทย และเป็นสินค้าที่ไทยส่งออกมายังประเทศฟิลิปปินส์เป็นอันดับ 1 โดยสถานการณ์การส่งออกสินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบของไทยมายังฟิลิปปินส์ขยายตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของตลาดรถยนต์ในฟิลิปปินส์ โดยในปี 2566 มีมูลค่า 2,530.06 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.27 จากปี 2565 ที่มีมูลค่า 1,942.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์ในฟิลิปปินส์ยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและสามารถเติบโตได้อีกมากจากปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนประชากรขนาดใหญ่ อัตราการเป็นเจ้าของรถยนต์ยังอยู่     ในระดับต่ำ รวมทั้งปัจจัยหนุนอื่นๆ ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศซึ่งจะช่วยผลักดันให้เกิดความต้องการรถยนต์เพิ่มมากขึ้น

3.3  น้ำตาลทราย

          ฟิลิปปินส์สามารถผลิตน้ำตาลเพื่อบริโภคภายในประเทศ และน้ำตาลถือเป็นสินค้าอ่อนไหวที่มีการควบคุมการนำเข้าโดยการใช้มาตรการโควตาภาษี (Tariff-Rate Quotas: TRQs) แต่ฟิลิปปินส์จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำตาลในบางช่วงเวลาที่ขาดแคลนเพื่อทดแทนผลผลิตภายในประเทศ ทั้งนี้ ปัจจุบันฟิลิปปินส์กำลังประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำตาล เนื่องจากอุปทายภายในประเทศตึงตัวจากผลผลิตที่ลดลงจากปัญหาสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนจากปรากฏการณ์เอลนีโญ โดยรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้เปิดโควตาให้มีการนำเข้าน้ำตาลปริมาณมากในปี 2566 เพื่อให้แน่ใจว่ามีอุปทานเพียงพอในตลาดและรักษาเสถียรภาพราคา ทั้งนี้ น้ำตาลของไทยถือเป็นที่ต้องการของกลุ่มอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ ในฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร และ ขนม รวมทั้งเครื่องดื่ม เนื่องจากได้รับความน่าเชื่อถือในเรื่องคุณภาพมาตรฐาน โดยในปี 2566 ไทยส่งออก น้ำตาลมาฟิลิปปินส์มูลค่า 368.00 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.90 จากปี 2565 ที่มีมูลค่าส่งออก 206.86 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

3.4  เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว     

          ความต้องการสินค้าประเภทเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดฟิลิปปินส์ โดยสินค้ากลุ่มดังกล่าวถือเป็นสินค้าที่มีศักยภาพที่ไทยส่งออกมาฟิลิปปินส์โดยในปี 2566 เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิวของไทยมายังฟิลิปปินส์ขยายตัวร้อยละ 0.36 มีมูลค่า 287.29 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีมูลค่าส่งออก 286.27 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ชาวฟิลิปปินส์มีแนวโน้มหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพและให้ความสำคัญกับความสวยความงามมากขึ้น รวมถึง          การได้รับอิทธิพลจากบุคคลที่มีชื่อเสียงในด้านความงาม การดูแลผิวพรรณและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อความสวยความงาม             ที่แตกต่างกันไป ทำให้สินค้าประเภทเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เนื่องจากได้รับความสนใจจากผู้บริโภคชาวฟิลิปปินส์ จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดส่งออกมายังฟิลิปปินส์เพิ่มมากขึ้น

ข้อสังเกตเพิ่มเติม                                                             

           เศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ในปี2566 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 5.6 แม้ว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 6 – 7   แต่อัตราการเติบโตดังกล่าวอยู่ในตำแหน่งที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ทั้งนี้ การเติบโตของเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาในตลาดแรงงานและการเติบโตที่ยั่งยืนของการส่งเงินกลับประเทศของแรงงานฟิลิปปินส์ในต่างประเทศ            แต่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของการใช้จ่ายด้านอาหาร เนื่องจากราคาอาหารที่สูงขึ้นแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเริ่มลดลงอย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์จะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในปี 2567-2568

        สำหรับแนวโน้มสถานการณ์การส่งออกสินค้าไทยมายังตลาดฟิลิปปินส์คาดว่าจะสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นในระยะต่อไปตาม    แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจฟิลิปปินส์ที่ดี โดยในเดือนมกราคม-ธันวาคม 2566การส่งออกของไทยมายังฟิลิปปินส์ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยนอกจากสินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำตาลทราย และเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว แล้วยังมีสินค้าที่มีศักยภาพและสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น เช่น ข้าว มีมูลค่า 210.45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 184.23) นมและผลิตภัณฑ์นม มีมูลค่า 76.51 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 12.26) สิ่งปรุงรสอาหาร มีมูลค่า 71.04 ล้านเหรียญสหรัฐฯ   (+ร้อยละ 16.11) กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ มีมูลค่า 65.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 28.99) เครื่องตัดต่อและป้องกันวงจรไฟฟ้า มีมูลค่า 56.80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 14.00) ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์มีมูลค่า 46.26 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 23.68) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ มีมูลค่า 27.84 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 141.26) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป     มีมูลค่า 23.16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ(+ร้อยละ 81.84) ไก่แปรรูป มีมูลค่า 22.13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 75.84) เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ มีมูลค่า 20.76 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 69.29) วงจรพิมพ์ มีมูลค่า 18.93 ล้านเหรียญสหรัฐฯ      (+ร้อยละ 21.60) และรองเท้าและชิ้นส่วน มีมูลค่า 17.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+ร้อยละ 90.64) เป็นต้น

——————————————————

 

 

   สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา

                                                                                              กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

                                                                                                           15 กุมภาพันธ์ 2567

thThai